เชียงคานนี้เป็นเมืองแห่งคนเดินช้า ที่ไม่ใช่เป็นคนขี้เกียจ แต่ทำอะไรไม่ต้องเร่งรีบเหมือนเมืองใหญ่ ด้วยความเป็นเมืองที่ยังคงวิถีชีวิตเดิมๆ เหมือนเมื่อหลาย 10 ปีก่อน จึงนับได้ว่าเป็นเมืองของคนเดินช้า (slow town) ที่เงียบสงบ เรียบง่าย และน่าแวะไปพักผ่อนอิริยาบถ คลายจากเรื่องราวที่รัดรึง เร่งรีบซะบ้าง
รถเเลย-เชียงคาน และบรรยากาศร้านรวงในเชียงคาน เช่น ร้านสุวรรณรามา, รักเลย ณ เชียงคาน
2 วัน 1 คืน จากขอนแก่นจึงเป็นเวลาที่ดีที่จะแสวงหาความสุขใส่ตัวแบบที่แตกต่างจากทริปอื่นๆ ที่เคยเป็น เพราะปีที่ผ่านเป็นทริปเฮฮา ซะส่วนใหญ่
บรรยากาศริมโขง เมืองเชียงคานโฮมสเตย์ และร้านอาหารเฮือนหลวงพระบาง
เริ่มจากการไปรถประจำทาง เป็นรถปรับอากาศ ชั้น 2 ราคา ตั๋วขอนแก่น-เลย 129 บาท มีเหตุผลที่ทำให้ละเลยความสะดวก คือ เบื่อบรรยากาศเดิมๆ ที่ขนกันใส่รถ และเฮฮาตลอดเส้นทาง แวะปั๊มกินกาแฟตามเคย ถึงจะสนุกและสะดวก แต่บางช่วงของชีวิตก็ขอไปแบบ ...ชิลล์ ชิลล์ บอกแล้วงานนี้เป็นงานของคนเดินช้า....เริ่มจากขึ้นรถได้ไม่ถึง 15 นาทีก็นอนคร่อกฟี้หลับสบายไปตื่นอีกทีเมื่อรถจอดที่ภูกระดึง พอตื่นขึ้นมาก็ได้บรรยากาศการพูดคุยของเพื่อนร่วมทาง แม้จะจุดหมายต่างกันแต่ชั่วโมง 2 ชั่วโมงบนรถก็ทำให้ชีวิตมีสีสันที่แปลกไป
รถเที่ยว 05.30 พาป้าไปถึงถึง บขส.เมืองเลยเมื่อเวลา 08.45 น. เดินไปยังอาคารรถระหว่างอำเภอ รอรถออก เพื่อนซี้ไก่ และน้องวุฒิเพื่อนใหม่ทาง Internet ที่มาจาก กทม. รอการสบทบที่ บ้านเมืองเชียงคานโฮมเสตย์ ของป้าคำได ก็โทร.มาสอบถามว่าไประเฮอะระเฮยอยู่แถวไหน ยังมาไม่ถึงอีก
...ก็ใช้เวลานั่งรถราว 1 ชม. กับระยะประมาณ 50 กม. เป็นความสุขอย่างไรไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะได้นั่งหน้า (หลังจากที่ขออนุญาตนั่งหน้า ไง๋พอหันไปด้านหลัง...ดั้นมีเราคนเดียว กว่าจะมีคนขึ้นรถเพิ่มก็นานพอดู...จึงได้ทำหน้าที่เสมือนภรรยาคนขับรถยังงัยยังงั้น) ปล. กาแฟที่ยังร้อนกรุ่นในกระบอกสูญญากาศที่มีคนเตรียมให้ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อในการนั่งรถชมวิว และ(เอาหน้า)ตากอากาศ ตลอดเส้นทาง 50 กม.เลย (ค่ารถประมาณ 35 บาท จำได้ไม่ชัดเท่าไหร่จ้า)
พระอาทิตย์ลับโขง ณ เชียงคาน
เพื่อนๆ มารอรับหน้าที่พัก บ้านเมืองเชียงคานโฮมเสตย์ ของป้าคำได อยู่ซอย 8 ใกล้กับโรงแรมสุขสมบูรณ์ ค่าที่พีกคืนละ 150/คน เป็นห้องพัดลมแบ่งชั้นบนให้เป็นโฮมสเตย์ในราคาคนละ 150 บาท รวมชากาแฟในตอนเช้า...ได้บรรยากาศของการมาพักบ้านญาติเลยทีเดียว เจ้าของบ้านอัธยาศัยดี บ้านและห้องน้ำสะอาดมาก เช้ามืดในวันรุ่งขึ้นเรารอตักบาตรที่หน้าบ้านซึ่งทางที่พักก็จัดอาหารสำหรับตักบาตรให้ ราคาเป็นกันเอง
หลังจากกิ๊วก๊าวในวาระที่ประสบพบกันแล้ว ก็จรลีไปหาของกิน ไก่และวุฒิอาจจะเบื่อข้าวเปียก แต่ทั้งสองก็พา ป้าตุ่น ไปกินข้าวเปียกเป็นอาหารกลางวัน (ข้าวเปียกหรือก๋วยจั๊บญวน มีแบบใส่ไข่ด้วยนะ) แล้วก็กินกาแฟยามบ่ายพร้อมคุยกันไปที่ร้านสุวรรณรามา ยั้ง ยัง ไม่พอ เราไปคุยกันต่อที่ลานหลังบ้านป้าคำได พร้อมแทะมะขามหวานของป้าหมดไปเป็นจาน ...จนตะวันเริ่มตกดิน รู้สึกตัวอีกทีป้าคำไดบอกเห็นตะวันลับโขงป่าว....ป่าวจ้า ไม่เห็นเลย ว่าแล้วก็กระโจนพรวดไปหลังบ้าน...ยังทันบรรยากาศดีดีที่หาได้ยากในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่
แตกต่างในความรู้สึกทีร้านต่างๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน
ร้านอาหารที่นี่มีหลายสไตล์ให้เลือกแต่ที่นิยมกันคือร้านที่ติดแม่น้ำโขง ระหว่างทางทำท้องให้ว่างเพราะจะมีของกินเล็กๆ น้อยๆ ที่หากินได้ยากในปัจจุบันให้เลือกทาน เช่น ข้าวจี่ทอด มื้อเย็นเราใช้บริการร้านเฮือนหลวงพระบาง-อัธยาศัยเจ้าของร้านดีมั่กมาก คนตรึม ถ้ามาหลายคนควรไปจองโต๊ะไว้ก่อนเห็นจะดี
ร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่นิยมตกแต่งมุมน่ารักสำหรับให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป
ก่อนที่จะออกเยี่ยมเยือนร้านขายของที่ระลึกที่ยาวตลอดถนนศรีเชียงคาน....สิ่งที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว คือ เสื้อเชียงคาน แต่ละร้าน ต่างแบบ ต่างลาย ต่างสี...เราเองก็ได้มาตั้ง 4 ตัว ทั้งใส่เองและฝากชาวบ้าน (แต่ถูกแซวว่าปิ๊งหนุ่มคนขาย...เฮ้อไม่อยากบอกหรอกว่า...จริงๆ ก็ปิ๊งน่านแหละจ้า)
เชียงคานเริ่มมีคึกคักตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ด้วยว่าแดดร่มลมตก อากาศกำลังดี ทำให้การปั่นจักรยานชมเมืองเป็นรูปแบบที่นิยมไปด้วย ร้านรวงต่างๆ ก็ทยอยเปิดหน้าร้าน จะวายก็นู้นหล่ะ 4 ทุ่ม นักท่องเที่ยวที่ชอบผับบาร์ก็ต้องทำใจ ... ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารประเภทเปิดเพลง ถ้าชอบกะฉึกกะฉักก็ต้อง นู้น...นอกเมือง
รอตักบาตรทั้งคนพื้นถิ่นและผู้มาเยือน อาหารการกินตอนเช้าๆ เช่น ขนมจีนน้ำแจ่ว
ต้องกลับกันซะแล้ว แม้จะ 4 ทุ่มเอง เกรงใจคุณป้าเจ้าของบ้านที่ต้องรอเปิดประตูให้เรา แต่กว่าจะหลับได้ ก็เม้าท์กับเพื่อนไก่ไปจนดึก...ต้องชวนกันนอน เพราะเดี๋ยวชาวบ้านจะรู้หมดว่าเราคุยกันเรื่องอะไร ด้วยว่าเชียงคานยามค่ำคืนนั้นเงียบสงบมาก แบบว่าจิ้งจกกระซิบกันยังได้ยินอ่ะนะ
รุ่งสาง...เจ้าของบ้าน...ตื่นมาทำกิจวัตรประจำวัน พร้อมเสียงทักทายของนักท่องเที่ยวที่ตื่นเช้า พลอยทำให้เราต้องตื่นด้วย...แปลกแฮะที่รู้สึกสดชื่นแทนจะหงุดหงิด ปกตินั้นเป็นคนที่ตื่นสายมาก...กาแฟ 1 แก้วกับซาลาเปาเจ้าอร่อยที่น้องวุฒิไปซื้อมาให้ทาน พร้อมวงสนทนาของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่มารอตักบาตร...ทำให้รู้สึกว่าวันนี้แตกต่างไปจากทุกๆ วัน ที่เป็นมา
ฝนช่วงเช้าพรำเล็กน้อย ป้าตุ่นและวุฒิเดินหิ้วข้าวของที่คนตักบาตรไปวัด ช่วยจัดสำรับถวาย วัดอยู่ใกล้กับที่พักนิดเดียวเอง พอฝนหายโฉบชวนกุ๊กไก่ไปตลาด...งานนี้ไม่ไปไม่ได้...กิจกรรมในช่วงเช้าที่นิยมอีกอย่าง คือ การวิ่งริมโขง คนรักสุขภาพ เอารองเท้ามาวิ่งด้วยก็แหล่มไปเลย ได้ทั้งเวลาเช้าและเวลาเย็นเลยหล่ะ
สบายๆ ในเชียงคานกับอาหารการกินที่มีเมนูไม่ซ้ำ
เราเริ่มภารกิจด้วย ขนมจีนน้ำแจ่ว ขนมจีนโบราณในน้ำซุปกระดูกหมู โป๊ะมาด้วยเนื้อและเครื่องในหมูต้มที่หั่นมาชิ้นพอคำ...คนละชามเลยหล่ะ บ่ายกว่าๆ ก็หมดแล้วนะ ต่อด้วย ปาท๋องโก๋ยัดไส้เสริฟมาพร้อมน้ำเต้าหู้งาดำ...อร่อยคับ รสชาติคล้ายปอเปี๊ยะทอดแต่แป้งเป็นแป้งปาท๋องโก๋ จึงนุ่มกว่า มี 2ไส้ (หมูสับและหมูหยอง) แถมมีการซื้อขนมไข่นกกะทาทอดลูกโตๆ...นี่กล้วยหอมที่ซื้อจากชาวบ้านเมื่อวานยังไม่หมดเลย ระหว่างที่รอพี่แอ้มารับเรา 3 คนมีชีวิตอิสระ วุฒิปั่นจักรยานชมเมืองไปถึงท่าเรือโน่นแหน่ะ
ป้าตุ่นกับไก่ทำอะไร...กินจ้า...แหนมคลุกแม่แห่ว (อยู่ถัดซอย 8 ไปทางวัด) ...กับผักสดๆ นี่มาหลังเที่ยงขายหมดนะ...ใกล้ๆ มีขนมฝักบัวขาย ทอดใหม่ๆ น่าทานจัง หน้าร้านบางร้านก็ยังเป็นรูปแบบเดิมๆ นั่งกินกันบนแคร่
แก่งคุดคู้ และของฝากขึ้นชื่อ...มะพร้าวแก้ว
เอ๋น้องแอ้ยังไม่มาทำงัยดี ก็ไปกินกาแฟรอ มีร้านกาแฟหลายร้านน่านั่งนะคะ เหมาะกับการใช้เวลากับหนังสือดีดี หรือเพลงเพราะๆ หรือการสนทนากับคนที่รู้ใจ...หรือเหมาะแม้กระทั่งการมานั่งทานคนเดียว...อ้าว ไง๋ว่างั้น ก็หาเพื่อนคุยเอาข้างหน้า...คนเชียงคานนี้อัธยาศัยดีชั้นหนึ่งเลยหล่ะ
เมื่อน้องแอ้มาสมทบเราก็เคลื่อนพลไปแก่งคุดคู้ที่ห่างออกไปอีก 3 กม. พร้อมกับเมนูในสมอง...น่าเสียดายที่ติดโขงแท้ๆ แต่ไม่มีชนิดของปลาให้เลือกเท่าไหร่...ใครที่ตั้งใจจะไปกินปลาน้ำโขงประเภทต่างๆ อาจจะต้องทำใจนี้ดนึง...แต่ที่ไม่ควรพลาด คือ กุ้งฝอยชุปแป้งทอด ทานเล่นๆ ก็อร่อย และตำด้องแด้งที่เป็นตำมะละกอผสมขนมจีนเส้นสดเป้งสูตรของคนเมืองเลย...อย่าลืมลองหล่ะ
กินอิ่มแล้วอย่าลืมซื้อมะพร้าวแก้วลับบ้านด้วยนะ...มะพร้าวที่นี่มีหลายเกรดนะคะ...ราคาแตกต่างกัน เกรดเอ นี่ใช้มะพร้าวอ่อน ประเภทกัดยังไม่เคี้ยวเลยก็ละลายในปากซะแล้ว รุ่นป้าต้องเกรดนี้...แบบว่าไม่มีฟันเคี้ยวแล้ว...
หลังจากที่หลายคนถามว่าไปทำอะไรที่เชียงคาน งานนี้ตอบได้ว่า ไปเปลี่ยนที่กินและที่นอน...ระหว่างวัน หัดเป็นคนเดินช้า คิดช้าๆ ในบางเรื่องบ้าง ไม่ต้องเร่งรีบและไม่ต้องรับผิดชอบกับอะไรๆ....ปีหนึ่งขอสัก 2 วัน...นะ
ชมเมืองอีกครั้ง...กับน้องแอ้ ผู้แวะมาสมทบ
พี่ตุ่นตกลงทริปเชียงคานที่จะถึง..แอ๊วเพิ่มด้วยอีกหนึ่งคนนะจ๊ะ..คิวว่างจ้ะ..
ภาพงามมาก..แบบว่าเข้ามาดูปุ๊บ..ต้องรีบเคลีร์คิวเลยล่ะจ้ะ..
คิดถึงมากมายจ้า..^^
สวัสดีค่ะ
ถ้ามีโอกาสอยากไปสักครั้งจัง....
สวัสดีค่ะ ครูคิม ช่วงนี้ไม่ได้แวะเยี่ยม blog ครูคิมเลย ยุ่งค่ะ
กว่าจะเข็นบันทึกแต่ละฉบับออกมาได้ ก็เกือบแย่
เตรียมที่กิน ที่เที่ยว ที่
ครูคิมสบายดีนะคะ
สวัสดีค่ะ น้องอัชนา เทพบรรหาร
หาเวลามาเดินช้านะคะ
... เชียงคานตอนนี้กำลังบูม แต่อีกเดี๋ยวเมืองจะเปลี่ยน เหมือนปาย หรือ หลวงพระบาง
มาแล้ว จะอยากมาแล้วมาอีกค่ะ
ว๊าว!!!!! น่าเที่ยวจัง
อ่านแระ เหมือนกะได้ไปเที่ยวด้วยเลยเชียว แต่จะให้ดีต้องหาโอกาสไปให้ได้ซะแล้วจ้า :)
เพิ่งคุยกับรุ่นพี่เธอบอกว่าอยากไปเชียงคาน น้องใหม่มาแรง แทนเมืองปาย ...
เราก็ว่าเฉยๆ นะ เพราะเคยไปเชียงคานเมื่อครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ยังดิบๆเลยค่ะตอนนั้น
แต่พอมาเห็นภาพนี้แล้วอยากกลับไปเยือนอีก ขอบคุณภาพบรรยากาศค่ะ
กุ๋มกิ๋ม
ไปป่าวหล่ะ
วันที่ 6-7 มีค. พี่ตุ่นมีคิวไปเชียงคาน ก็แก๊งค์สาวๆ แก๊งค์เดิมน่านแหละ
แบบว่าเช้าไปงานแต่งงานที่ ท่าบ่อ หนองคาย
หลังเที่ยงก็จะเลียบโขงไปนอนที่เชียงคาน น้องอ้อมจองที่นอนไว้ที่ รร.สุขสมบูรณ์
เช้าวันอาทิตย์ก็จะไปล่องแพต่อกันที่ลำน้ำหมาน...กินเที่ยงแล้วก็เกินทางกลับ จ้า
ชวนหนุ่มคนนั้นไปเที่ยวเชียงคาน...นะ
สิริพรก้คนเที่ยวนี้ เดิมก็ไม่เคยพิศวาสเชียงคานเลย เงียบและไม่มี Accessories สำหรับนักท่องเที่ยวเลย
แต่ ณ วันนี้ การจัดการที่พักและอัธยาศัย ของกินพื้นเมือง เป้นของชาวเชียงคานแท้ๆ
สำหรับร้านขายของที่ระลึก ที่พักแบบแนวๆ ตอนนี้คนที่มาทำธุรกิจเป็นคนรุ่นหนุ่มสาวจากต่างถิ่น...มีสีสันดีค่ะ
แต่ก็เป็นมุมที่ระวังว่า เมื่อความนิยมของนักท่องเที่ยวผ่านไป คนเชียงคานแท้ๆ จะอยู่กับอะไร
อย่างนี้ต้องตามไปดู
ขอไปพิสูจน์ก่อนแล้วจะกลับมาแอ่วบ้างเนอ.....
เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า
...ระหว่างวัน หัดเป็นคนเดินช้า คิดช้าๆ ในบางเรื่องบ้าง ไม่ต้องเร่งรีบและไม่ต้องรับผิดชอบกับอะไรๆ....ปีหนึ่งขอสัก 2 วัน...นะ
สวัสดีค่ะคุณ Todsapol
ไปเชียงคานแวะกินน้ำอ้อยโมจังนะคะ มีเจ้าเดียวหวานเย็น อร่อยมากๆ ไม่ได้กินเหมือนมาม่ะถึงล่ะ ลองดูจะติดใจ
ขอบคุณ คุณเคยไป ที่แนะนำร้านอร่อยๆๆ
น้ำอ้อยโมจัง ครั้งหน้าไม่พลาดแน่