หลายวันมานี้ข่าวคราวการเป็นหนี้นอกระบบของครูน้อย ทิมกุลจำนวนมากถึงแปดล้านบาท ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยวันละห้าหมื่นบาท โดยมีเจ้าหนี้มากกว่ายี่สิบราย
ใครที่ทราบข่าวนี้ต่างตื่นเต้นตกใจ
ครูน้อยหรือครูนวลน้อย ทิมกุลเป็นใคร ? หลายคนคงเคยรู้จักจากสื่อสารมวลชนแขนงต่าง ๆ ในด้านการอุทิศตนเพื่อเด็กน้อยด้อยโอกาสในนามของ "บ้านครูน้อย" ครูน้อยเล่าว่าเคยมีรายได้จากการรับจ้างวันละยี่สิบบาทก็ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวถุงละสามบาทแจกเด็กที่ยากจนวันละหลายสิบถุง
จากพื้นฐานชีวิตที่ยากจนแร้นแค้นมาก่อน ครูน้อยจึงอยากช่วยเหลือและเติมเต็มส่วนที่ขาดให้เด็ก ๆ เปรียบเสมือนหยาดฝนที่หลั่งบนพื้นทะเลทรายตั้งแต่ ปี ๒๕๒๓
จนถึงปัจจุบัน...
การเป็นหนี้สินจำนวนมหาศาลไม่ได้เกิดจากจำนวนเด็กที่มากขึ้นหรือผู้บริจาคลดน้อยลง หากเกิดจากความผิดพลาดในเรื่องการบริหารจัดการ ครูน้อยยอมรับว่าเงินส่วนหนึ่งหมดไปกับการตามใจเด็ก ๆ เด็กอยากได้รองเท้ากีฬาราคาแพงเธอก็ซื้อให้ อยากไปดูคอนเสิร์ตเธอก็พาไปดู... จุดอ่อนของเธออยู่ที่เป็นคนขี้สงสารและอยากช่วยตอบสนองให้เด็กสมหวังในสิ่งที่ต้องการ
นอกจากนั้นแล้วครูน้อยยังช่วยเหลือผู้ปกครองตลอดจนชาวชุมชนที่เดือดร้อนให้มีความสุข รวมทั้งออกค่าใช้จ่ายให้แก่นักเรียนที่เธอดูแลตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงอุดมศึกษา
โดยจ่ายเงินให้นักเรียนไปเรียนหนังสือทุกวัน
ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีเล่าด้วยน้ำตาที่นองหน้าว่า "อยู่กับครูน้อยมาสิบเจ็ดปีไม่เคยรับรู้ความทุกข์ของคุณครู อยากได้อะไรเดือดร้อนอะไรครูหามาให้ตลอด ครูไม่เคยเล่าความทุกข์หรือปัญหาใด ๆ ให้เด็กฟังแม้แต่น้อย...นี่ก็รวบรวมเงินจากเพื่อน ๆ ที่ทำงานโรงแรมด้วยกันมาช่วยครูน้อย...."
ในทางพระพุทธศาสนาสอนให้เราเดินสายกลาง และใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาตนเองอย่างเรียบง่ายที่สุด การช่วยเหลือผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดีแต่ไม่ควรทำให้ตนเองเดือดร้อนและบางครั้งแม้เราอยากช่วยเหลือคนทั้งโลกแต่เราก็ทำไม่ได้ หากครูน้อยตระหนักถึงความจริงในเรื่องนี้และประมาณตนในการใช้จ่ายหรือรู้จักแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ วันนี้คงไม่มีเรื่องราว "น้ำตาของผู้ให้" ให้เราได้รับรู้...
บทเรียนชีวิตจากครูน้อยผ่านจอโทรทัศน์ยามเช้าในวันนี้ ทำให้ผู้เขียนอดเขียนบันทึกนี้เพื่อเตือนใจตนเองและผู้มีเมตตาเกินประมาณไม่ได้ ขอเป็นกำลังใจให้ครูน้อยขอให้พ้นทุกข์จากปัญหานี้โดยเร็ว และปรับยุทธวิธีในการบริหารจัดการการเงินให้รัดกุมเชื่อแน่ว่าสักวันหนึ่ง "รอยยิ้มของผูัให้" จะกลับคืนมาในไม่ช้า
ข้อมูลอ้างอิง
http://www.moobankru.com/bankrunoi/menu1.html
ภาพจากอินเทอร์เน็ต
สวัสดีค่ะ
โดยส่วนตัวแล้ว พี่ใหญ่เคยได้เห็นผลงานและร่วมบริจาคช้วย "บ้านครูน้อย" อยู่เสมอๆ กรณีเช่นนี้น่าเห็นใจมากจริง ใจเอื้อารีของครูน้อยไม่มีขีดจำกัดค่ะ..
ขอเป็นกำลังใจให้ครูค่ะ
ทั้งชีวิตของครูทำเพื่อคนอื่นและสังคมมาตลอด
ความทุกข์ที่ครูต้องเจอในวันนี้นั้นมันอาจทำให้ครูหมดกำลังใจ
แต่หนูเชื่อว่าครูคือคนที่สามารถเอาชนะมันได้
หนูศรัทธาในตัวครูค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์วราภรณ์
ผมเองเคยได้ยินชื่อ สถานรับเลี้ยงเด็ก บ้านครูน้อย
มาจากรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ทางช่อง 3 นานมาแล้วครับ
ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นรายการนี้พูดถึงสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้ว่าเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กที่ถูกลืม
ประมาณนี้ครับ แล้วรณรงค์ให้คนช่วยกันบริจาคเงิน
แล้วผมก็ลืมเรื่องนี้เสียสนิท จนมีข่าวนี่แหละครับ
น่าสงสารคนทำดี แต่มีอัฐน้อย (ขอพูดตรงๆ นะครับ)
พอมีปัญหาก็โดนว่าโน่นว่านี่
ถามจริงๆ เถอะ
คนที่ว่าเนี่ย รู้เรื่องอะไรมั่งรึเปล่า
เที่ยวว่าเขาไปทั่ว ดูตัวเองรึยัง
จริงมั้ยครับ
มาออกความเห็นด้วยอีกคน
อ่านบทความของคุณครูแล้ว....ก็เห็นด้วยกับคุณครูวราภรณ์
ที่ชมรมวิ่งรมณีนาถ...เคยเชิญครูน้อยไปรับของบริจาค
จำได้คราวนั้น...ชมรมวิ่งบริจาคไป 7 หมื่นกว่า
รวมสิ่งของต่างๆอีกหลายอย่าง
รู้จักกันก็ตรงนั้น.....แกก้มกราบนักวิ่งอย่างสุดแสนดีใจ
ไม่มี.....ไม่มีเสแสร้ง......ได้ต่ออายุไปอีกวัน....
ก็เห็นคุณครูน้อยใจดี....มีน้ำใจจริง
หาคนแบบนี้ได้ยากทีเดียว...
สังคมยังมีพระพรหมอยู่จริง.....มีเมตตาแก่เด็กจริงๆ
ต้องยอมรับว่า...."เราบริจาควันเดียว...ครูน้อยบริจาคทุกวัน"
ภาระอันหนักก็เกิดขึ้น....มีแต่น้ำตาเป็นเพื่อน
มองว่า....ครูน้อยคงมองไม่เห็นทางแก้ไขปัญหา
เวลาที่จะคิดวางแผน...ไม่ต้องพูดถึง
เป็นหนี้...ๆ.....ๆ.....แบกทุกข์ไว้เต็มทรวง
เชื่อว่าหนี้ 8 ล้าน ไม่นานก็จะแก้ไขได้
ความจริงที่ถูกเปิดเผยนี้...เพราะครูน้อยไม่ไหวแล้ว
วางมันลงเถิดครูน้อย....จะได้ผ่อนความตึงเครียดลงบ้าง
ความดี...ไม่ทำร้ายคนดีหรอก
สังคมจะร่วมช่วยกัน....คอยดู
คนไทย...ไม่เคยแล้งน้ำใจ
เชื่อว่า...สิ่งดีจะเกิดขึ้น....จะเกิดขึ้นจริงๆ
ครูน้อยทรมานมานานแล้ว......คงจะหมดเวลาแล้ว
คุณพงศทัตต์จับเรื่องไหน...เรื่องนั้นจบสวยทุกที
ตำรวจคนนี้....มีน้ำใจเหลือเกิน...
ขอความช่วยเหลือจากเศรษฐี ไม่ยากหรอก
ขอประชาสัมพันธ์ทางสื่อ...ก็ไม่ยากดอก
ครูน้อยได้เวลาปรับวิธีการใหม่ได้แล้ว....
ดีอย่างเดียว ก็จะมีปัญหา
ต้องดี + ปัญญา ไม่ต้องไปสร้างหนี้...
บอกเถิดว่า.....เด็กยังขาดแคลน
แล้วน้ำใจจะไหลมา....ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมเงิน
เพียรทำไป..ๆ..ๆ..ๆ....ก็คือคนในที่มืด มองไม่เห็นทางเลย
แต่ก็เสี่ยงเดินไป...ๆ...ๆ...เพื่อท้องที่กำลังหิว
ผมมองไปข้างหน้าว่า.....ถึงแม้จะเศร้า
เราคงไม่มานั่งจมกับความเศร้ากับเรื่องที่เกิด
แต่เรา...จะช่วยกันคนละไม้คนละมือ
ได้เวลาแล้ว.....จะทำอะไรก็ต้องทำ....
ช่วยเช็ดน้ำตา...คนที่กำลังทุกข์...ทุกข์จนไม่รู้ไงแล้ว
สังคมไทย.....เอื้ออาทรกันจึงตั้งอยู่ได้
เราคงไม่ปล่อยให้ครูน้อยโดดเดี่ยว....
ความดี...ต้องได้รับผลดีตอบ....
เพียงคนละไม้คนละมือ....ปัญหาก็จะเล็กลง...ๆ...ๆ
อยากให้ใครๆคิดเหมือนผมบ้าง...
ลุงเล็ก
แวะมาให้กำลังใจผ่านครูใจบุญถึงครูน้อย
เราเป็นหนี้..ไม่ถึงล้านยังทุกข์จะแย่..นี่ตั้ง 8 ล้าน..ลดเหลือ 4 ล้าน..เห็นใจครูน้อยมานานแล้วค่ะเพื่อนหน่อย..แต่เด็กเราก็พอเด็กเรา ..คล้ายๆว่าในส่วนของโรงเรียนเด็กของเราก็มีสภาพที่ต้องช่วยเหลือเช่นกัน..เป็นกำลังใจให้ครูน้อย ทิมกุล ค่ะ..
สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ
สวัสดีค่ะ
มาตามอ่านย้อนหลังค่ะ หมู่นี้เวลาของตัวเองปุปะมากค่ะ ได้เข้ามาอ่านเรื่องราวที่ให้ข้อคิดเช่นนี้ดีมากค่ะ พี่ก็เชื่อว่าจิตมุ่งมั่นในทางธรรมที่มีเมตตากรุณากับเด็กๆอย่างที่คุณครูน้อยทำนี้ หากมีการจัดการในทางโลกที่ดีก็คงทำให้คุณครูน้อยพ้นทุกข์จากหนี้ก้อนโตได้ค่ะ
สวัสดีค่ะ
"น้ำตาผู้ให้" อ่านชื่อเรื่องก็ เศร้านิดๆ
น่าสงสารผู้ให้นะ