จากที่เราเคยไม่เข้าใจ คนที่นอนริมถนน อาบน้ำคลอง กินแต่เหล้า เขามีความสุขกันหรือ วันนี้ได้รู้แล้วว่าเขามีความสุข ถึงแม้ว่ามันจะต่างจากความสุขของเราขนาดไหนก็ตาม แต่ยังไงความสุขก็คือความสุข คนเร่ร่อนบางคนมีบ้าน มีที่อยู่ แต่ไม่อยู่เพราะ เขาคิดว่า บ้านไม่ใช่ที่ ที่มีความสุข เขาอาศัยที่สนามหลวง ที่คลองหลอด เขามีเพื่อนที่อยู่กับเขา มีเพื่อนกินข้าว กินเหล้า เพื่อนนอน ส่วนบางคน เขาไม่เคยคิดว่าการที่เขาไม่มีที่อยู่นั้นเป็นปัญหาของเขา เขาพอใจที่ได้อยู่อย่างนั้น บางคนออกจากสนามหลวงไปแล้วก็กลับมาอีก เห็นจะจริงที่ว่า…สนามหลวงเป็นที่ที่มีมนต์เสน่ห์…แต่จะมีเสน่ห์อย่างไร คงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องหาคำตอบกันต่อไป
“สนามหลวง” และบริเวณโดยรอบ ทั้งคลองหลอด ทั้งสวนสราญรมย์ พื้นที่ที่เราต้องทำงาน นี่คือสิ่งที่ทราบเมื่อวันแรกที่เข้ามาฝึกงาน ได้เลือกลงพื้นที่นี้ก็ด้วยความสมัครใจของตนเอง โดยไม่ทราบมาก่อนเลยว่าจะต่อไปต้องเจอกับอะไรบ้าง เท่าที่ทราบตอนนั้น ในมุมของคนๆหนึ่งที่ผ่านสนามหลวงบ่อยๆ ผ่านคลองหลอดบ่อยๆ คือ สนามหลวงเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งของไทย อยู่ใจกลางเมืองหลวง เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ แห่งกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา อยู่ใกล้พระบรมมหาราชวัง ใกล้สถานที่สำคัญๆหลายแห่ง เพียงพื้นที่กว้างๆ 70 กว่าไร่นี้ ถ้ามองผิวเผินทั่วไปคงจะไม่มีอะไรมากไปกว่า การเป็นที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ตามเส้นทางสัญจรของคนทั่วไปในเวลากลางวัน เป็นลานพระราชพิธีต่างๆ ยามเย็นก็เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของ คุณลุง คุณป้า วิ่งออกกำลังกายบ้างล่ะ นั่งคุยนั่งเล่นกันบ้างล่ะ ส่วนยามค่ำคืนสนามหลวง เป็นที่พักอาศัย หลับนอน ให้กับคนเร่ร่อน คนไร้บ้าน นอนเรียงรายกันอยู่ ทั้งบริเวณรอบทางเดิน และ ในบริเวณสนามข้างใน ทั้งนี้ยังเป็นแหล่งรวมอาชีพพิเศษ การขายบริการทางเพศ ที่ทำกันมาเป็นเวลานาน ได้รับการขนานนาม จนถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของสนามหลวง ถ้าพูดถึงสนามหลวง คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ผีมะขาม”
ส่วนบริเวณ คลองหลอด เท่าที่รู้มาก็มีชื่อเสียงในด้านการขายบริการทางเพศไม่แพ้กัน ที่เราจะคุ้นหูในการเรียก อาชีพนี้ว่า “ผีขนุน” เมื่อก่อนเคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่า อะไรคือ ผีขนุน อะไรคือผีมะขาม แล้วไอ้ผีที่ว่านี่ มันน่ากลัว เหมือนผีอื่นๆไหม แต่พอโตขึ้นถึงเข้าใจ อ๋อ “ผู้หญิงอาชีพพิเศษ” นั่นเอง แล้วทำไมเขาต้องมาทำล่ะ อาชีพอื่นมีเยอะแยะทำไมไม่ทำ ไม่เพียงการขายบริการทางเพศเท่านั้นที่เป็นที่ล่ำลือในย่านนี้ เมื่อนั่งรถผ่านไปผ่านมา เรายังจะเห็น ผู้คนอาศัยหลับนอนกัน ทั่วทั้งบริเวณไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือกลางคืน อยู่คนเดียวบ้าง มีลูกมีเต้า อยู่กันเป็นครอบครัวบ้าง เคยคิดอยู่เสมอทำไมคนพวกนี้เขาไม่มีบ้านนอนกันหรืออย่างไร มานอนริมถนน อาบน้ำคลอง นี่มีความสุขหรอ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคลองหลอดจะไม่มีอะไรดี ในตอนแดดร่มลมตกไปจนถึงสว่าง ยังมีผู้คนประกอบอาชีพขายของเก่าและอาชีพซื้อของเก่าจากในตลาดที่วางขายมาขายกันอีกทีอยู่มากมาย จริงๆแล้วของก็มีทั้งเก่า บ้างใหม่บ้าง แต่ส่วนมากจะเป็นของเก่า หลากหลายประเภท หลากหลายราคา แอบคิดอีกว่า ของที่เอามาขายนี่ขโมยมาหรือเปล่า
นั่นคือการมองพื้นที่ในมุมมองของคนๆหนึ่ง…ซึ่งคงไม่ต่างอะไรกับที่คนทั่วไปมอง มีอะไรเปลี่ยนไป เมื่อคนๆหนึ่งมาเป็นนักศึกษาสังคมสงเคราะห์ และเมื่อนักศึกษาสังคมสงเคราะห์ต้องมาฝึกงาน… การมาเป็นนักศึกษาสังคมสงเคราะห์ทำให้มุมมองในภาคสังคมเปลี่ยนไป อย่างน้อย ทำให้เราไม่ไปตัดสินคนว่าใครผิดหรือถูกอย่างไรในการตัดสินใจทำอะไรในชีวิตของเขา มีความเข้าใจในคนอื่น ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร จะเป็นอย่างไร ทุกคนมีศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน เริ่มเห็นความเปลี่ยนไปในตัวเอง อย่างน้อย ก็เริ่มเห็นว่ามันไม่ยุติธรรม ทำไมจะต้องเรียก ผู้ขายบริการทางเพศ ว่า “ผี” เขาเป็นคนที่ตายแล้วหรืออย่างไร เขาไม่มีค่าพอที่จะเป็นคนเลยหรือ เพียงเพราะเขาทำอาชีพที่ไม่เป็นยอมรับในสังคม…โดนตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดี…ใครเป็นผู้ตัดสิน เอาอะไรมาเป็นตัวกำหนด ในด้านของคนเร่ร่อน เขาต้องกลายเป็น “คนชายขอบ” ถูกเบียดขับทางสังคม โดนกล่าวหาว่าเป็นภาระของสังคม เพียงเพราะ แค่คำว่า”จน” หรือ การที่ไม่มีมูลค่า ทรัพย์สิน เท่าคนอื่น มันยุติธรรมแล้วหรือ…ใครจะรู้ พวกเขาอาจจะมีความสุขมากกว่า คนที่ร่ำรวยทรัพย์สินก็เป็นได้ นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเลยที่เกิดในตัวเอง และเมื่อมาฝึกงานที่สมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมอิสรชน ทัศนะคติและความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อทราบข้อมูลอย่างคร่าวๆ จากพี่ supervisor ขององค์กร สนามหลวงและบริเวณโดยรอบเป็นพื้นที่ที่อันตราย มีทั้งความแตกต่างและความเหมือนของคนในพื้นที่ ยังเป็นแหล่งรวมของปัญหาสังคมที่ซับซ้อนมากมายทั้ง คนเร่ร่อน ไร้บ้าน การขายบริการทางเพศ ปัญหายาเสพย์ติด ปัญหาอาชญากรรม ซึ่งใน 1 บุคคล อาจมีปัญหามากกว่า 1 ปัญหาก็ได้ กลุ่มเป้าหมายที่เราต้องทำงานด้วย เป็นกลุ่มคนเร่ร่อน ผู้ขายบริการทางเพศ กลุ่มเป้าหมายมีความหลากหลายทั้งด้านเพศมีทั้ง เพศชายและ เพศหญิง ด้านวัย ตั้งแต่เด็ก ถึงวัยชรา เด็กก็มีทั้งได้รับการศึกษาและไม่ได้รับการศึกษา บางกลุ่มหรือบางองค์กร ให้ชื่อสนามหลวงว่า ” Death Land “ พื้นที่ตายแล้ว คือไม่สามารถปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นได้ จากการมองเห็นปัญหาที่มากมายมหาศาลของ พื้นที่นี้ ทำให้เรากลับมาคิดว่า เราจะทำอย่างไรกับพื้นที่นี้ จะเริ่มตรงไหน กับพื้นที่ 70 กว่าไร่ คนจำนวนมากมายที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราจะต้องเข้าไปทำให้ผู้ขายบริการทางเพศเลิกขาย แล้วไปทำอาชีพอื่น เราจะต้องทำให้คนเร่ร่อนหมดไป เราจะต้องทำอย่างนั้นจริงๆเหรอ เพียงนักศึกษาฝึกงาน 3 คน กับทางสมาคมฯ พวกเราจะทำอย่างไร…นั่นเป็นสิ่งที่เราคิดผิด มันไม่ใช่จุดมุ่งหมายของการฝึกงานและการทำงานครั้งนี้ สมาคมมีความเชื่อ และมีจุดมุ่งหมายในการทำงานคือ แม้ไม่อาจทำให้ปัญหาทุกอย่างหมดไป แต่เราจะทำให้กลุ่มเป้าหมาย ทำให้คนในสนามหลวง อยู่ในพื้นที่อย่างมีความสุข ปลอดภัย ตามสิทธิ ที่พวกเขาพึงได้รับ โดยการส่งต่อ หรือประสานงานกับหน่วยงานที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือกับสมาคมฯ เป็นอย่างมากคือ ศูนย์สาธารณะสุข 9 เชิงสะพานพระรามแปด และสำนักงานเขตพระนคร… ค่อยเริ่มโล่งใจขึ้นมาบ้าง เมื่อทราบถึงจุดประสงค์ในการทำงาน เราจึงทราบว่าเราจะต้องทำอะไร ทำอย่างไร กับพื้นที่ ต้องมีการวางแผนในกระบวนการการทำงาน เพราะสนามหลวง เป็นพื้นที่อันตรายจริงๆ เมื่อได้ลงพื้นที่จริงๆ ทำให้เราเห็นสนามหลวง ชัดเจนขึ้นจากสิ่งที่พี่ supervisor ให้รายละเอียดทางด้านกายภาพสนามหลวงกว้างมากเดินจนครบ 1 รอบ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ในตอนกลางวันและกลางคืนจะต่างกันมาก ตอนกลางคืนแม้จะเปิดไฟรอบทางเดิน แต่ก็ยังก็มืด มืดจนเหมาะสำหรับการก่ออาชญากรรม อย่าว่าแต่ที่มืดๆเลย ขนาดกลางสนามหลวงเปิดไฟสว่าง ยังไม่วายที่จะเกิดเหตุการณ์ ไม่คาดฝัน ครั้งหนึ่งที่ลงพื้นที่หลังเที่ยงคืนเห็นจะได้ มีคนกำลังมีเพศสัมพันธ์กันตรงนั้น ท่าทีดูว่าฝ่ายหญิงจะสติไม่ค่อยดีและไม่ใช่การสมยอม เป็นเรื่องแปลกไหม ? ที่ไม่มีใครเข้าไปช่วยหรือไม่มีใครสนใจเลย เป็นเรื่องปกติของสังคมเมืองหรือที่ไม่มีใครสนใจเรื่องของคนอื่นสักเท่าไรนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ขององค์กรและนักศึกษาฝึกงานเข้าไปดู พบว่าฝ่ายชายกำลังใส่กางเกงและเป็นเหตุการณ์ที่ฝ่ายหญิงสมยอม พวกเราทำได้เพียงรับรู้และจดจำเหตุการณ์นั้นไว้ ในด้านการประกอบอาชีพสนามหลวงมีหลากหลายอาชีพ มีทั้งหมอดู หมอนวด ขายอาหาร ขายน้ำ ขายอาหารนก ให้เช่าเสื่อ และอาชีพขอเงิน ไม่ใช่ขอทานนะ เป็นประเภทคนที่เดินเข้ามาขอเงิน จะกลับบ้าน หรือไปซื้อข้าวกิน ในการลงพื้นที่พวกเราเจอกรณีอย่างนี้ อยู่หลายครั้งทีเดียว ครั้งแรกๆก็ยังไม่ตัดสินว่าเขาพูดจริงหรือไม่อย่างไร แต่เมื่อลงพื้นที่หลายๆครั้งก็ยังพบเขาอยู่เสมอ เคยเดินตามสังเกตพฤติกรรมเขาเดินขอเงินจากทุกคน ประเมินจากสิ่งที่เห็นและคำบอกเล่าของพ่อค้า แม่ค้าที่อยู่บริเวณนั้น ได้ว่าเขาทำเป็นอาชีพ เห็นได้ว่าในสนามหลวงเป็นระบบหมุนเวียนเงิน ระบบหนึ่งก็ว่าได้คนที่อยู่มีสัมพันธภาพต่อกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ พึ่งพาอาศัยกันบ้าง ไม่ถูกกันบ้าง พวกเราเริ่มการทำงานจากการ พูดคุยกับทุกคน ที่ถือว่าเป็นคนสนามหลวง ไม่เว้นแม้แต่คนสติไม่ดีเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ให้พวกเขาคุ้นหน้าคุ้นตากับพวกเรา และเป็นการหาข้อมูลเบื้องต้นไปด้วย ในช่วงแรกๆประสบปัญหาเรื่องการเข้าไปคุยเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง จะพูดอะไร แล้วอีกอย่าง เป็นเรื่องแปลกสำหรับตัวเองที่อยู่ๆจะต้องเข้าไปคุยกับคนที่ไม่รู้จัก ถือว่าการทำงานของพวกเราง่ายขึ้น เมื่อพี่ supervisor แนะนำให้รู้จักกับ Key person ของพื้นที่ ในสนามหลวง เรามี”พี่พัด” แม่ค้าขายข้าวไข่เจียว ที่กลุ่มคนในสนามหลวงให้ความเคารพนับถือ คอยให้คำแนะนำและคำเตือน ทุกอย่างเกี่ยวกับพื้นที่ พี่พัดรู้จักคนเยอะ ทั้งคนเร่ร่อน และผู้ขายบริการ เราสามารถหาข้อมูลเบื้องต้นในเรื่องต่างๆได้จากพี่พัด และ พี่เปี๊ยก แขนลาย Key person ของคลองหลอด พี่เปี๊ยกเป็นที่รู้จักของคนคลองหลอด ติดเชื้อ HIV และเป็นอาสาสมัครขององค์กร พี่เปี๊ยกมีความรู้เรื่องโรคเอดส์เป็นอย่างมาก ต้องการเปิดเผยตัวว่าตนเองเป็นผู้ติดเชื้อ เพื่อให้คำปรึกษากับผู้ติดเชื้อรายอื่นๆที่ยังไม่กล้าเปิดเผยตัว เมื่อเริ่มสัมพันธภาพกับกลุ่มเป้าหมายในเวลากลางวันได้สักระยะ เราจึงเปลี่ยนเวลาในการลงพื้นที่มาเป็นช่วงกลางคืน สร้างสัมพันธภาพโดยการแจกถุงยางอนามัย เชิญชวนให้ไปตรวจเลือด ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทั้งเป็นการรณรงค์ป้องกันกลุ่มเป้าหมายผู้ขายบริการทางเพศให้ได้รับความปลอดภัยแล้ว ยังเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีให้เกิดขึ้นด้วย ในจุดนี้แม้จะต้องทำงานกันดึกๆ ต้องเดินจนเหนื่อย ต้องเสี่ยงกับอันตราย แต่ทุกความรู้สึกตรงนั้นมันหายไปหมด เมื่อได้ยิน พี่ๆ พูดว่า “ขอบคุณนะคะ ที่เป็นห่วง” แค่คำขอบคุณที่พวกเราไม่ได้หวังว่าต้องได้รับ มันกลับทำให้พวกเรา รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้นที่ได้ทำเพื่อคนอื่น ตอนแจกมีหลายคนเดินเข้ามาขอเพิ่มเมื่อพูดคุยทราบว่า ผู้ขายบริการมีลักษณะที่ต่างไปจากในอดีต เป็นห่วงตัวเอง คิดถึงสวัสดิภาพและอนาคตใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง หลายคนที่บอกว่าไม่ไปกับแขกที่ ไม่ใช้ถุงยางแม้จะให้ราคาที่มากกว่าก็ตาม นอกจากการสร้างสัมพันธภาพเราพยายามเข้าถึง และเข้าใจกลุ่มผู้ขายบริการทางเพศให้ได้มากที่สุด โดยการ สังเกตการพฤติกรรมต่างๆของผู้ขายบริการในเวลาต่างๆกัน การรวมกลุ่ม จุดขาย วิธีการขาย โรงแรมที่ไปใช้บริการ ได้ข้อมูลว่า ผู้ขายบริการที่สวนสราญรมย์ร้อยละเก้าสิบเป็นผู้ชาย รูปร่างหน้าตาดี อายุน้อย ผู้ขายบริการฝั่งคลองหลอด มีทั้งเป็นผู้หญิงและสาวประเภทสอง มาตราฐานรูปร่างหน้าตาที่ต่ำกว่า อายุมากกว่าสนามหลวง ราคาที่ขายก็ต่ำกว่าไปด้วย ประมาณ 200-300 บาท สนามหลวงฝั่งศาลฎีกาผู้ขายบริการเป็นผู้หญิงจะค่อนข้างมีอายุ มุมหัวโค้งตรงข้ามเจดีย์ขาวเป็นผู้ชาย ส่วนฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้หญิงอายุน้อย ประมาณ 12-13 ปีขึ้นไปจะแบ่งเป็นๆกลุ่มๆ แต่ละกลุ่มจะมีคนคุม(หรือที่เราเรียกกันว่าแมงดา)คอยดูอยู่แถวๆนั้น การขายจะไม่มีการข้ามถิ่นกัน ถ้าข้ามมาอาจจะเกิดเหตุทะเลาะวิวาทได้ วิธีการขายก็จะ เชิญชวนผู้ที่ผ่านไปมาด้วยการมองที่สายตาแล้วถามว่า”เที่ยวไหมพี่” ผู้ใช้บริการ มีความหลากหลาย ในด้านของ อายุ และ ฐานะ ตั้งแต่เดิน ขี่มอเตอร์ไซค์ รถตู้ รถเก๋ง รถเบนซ์ ก็ยังมี ส่วนโรงแรมก็เป็นโรงแรมในละแวกนั้น ในตรอกสาเก โรงเเรมเวียงสำราญ โรงแรม 39 เกสเฮ้าส์ แถวเสาชิงช้า ก็มีโรงแรมรื่นรมย์ ค่าบริการชั่วคราวประมาณ 70-100 บาท ทั้งนี้ยังมีเหตุการณ์พวกเราจะไม่มีวันลืม ด้วยความอยากรู้พวกเราเคยลองไปนั่งทำทีว่าเป็นผู้ขายบริการ ถือเป็นสิ่งน่ากลัวและท้าทาย(กับอันตราย)เป็นอย่างมาก ทำไปทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่ามันอันตรายมากเพียงใด ได้รับคำเตือนจากพี่ supervisor ว่าถ้าจะทำควรมีเจ้าหน้าที่ขององค์กรอยู่ด้วยเพราะเราไม่อาจทราบได้เลยว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น และผู้ที่เข้ามาซื้อบริการอาจเป็นได้ทั้ง ผู้ซื้อบริการจริงๆ ตำรวจนอกเครื่องแบบ หรือ คนคุมผู้ขายบริการอีกที จากการทำงานการได้ลงพื้นที่ ได้พูดคุยกับกลุ่มเป้าหมายมากมาย ทำให้พวกเราได้เรียนรู้และเข้าใจอะไรต่างๆอย่างมากมาย ส่วนของผู้ขายบริการทางเพศ ในวัยรุ่นโดยมากเริ่มมาจากปัญหาครอบครัว หนีออกจากบ้านเกิดปัญหาต่างๆ จนทำให้ต้องมาขายบริการ ในบางคนไม่ได้อยากมาทำอาชีพนี้ จากที่พูดคุยกับพี่คนหนึ่งอายุประมาน 40 ปี ขายบริการส่งพี่ชายเรียนเมืองนอก พูดว่า” อย่ามาดูถูกกันเลย ถ้าคนเรามีอนาคตที่ดี คงไม่มาทำอาชีพนี้หรอก” พวกเค้าเหล่านี้ไม่มีทางเลือกมากซักเท่าใดนัก จริงอยู่ที่เค้าสามารถเลือกที่จะไม่ทำอย่างนี้ได้ แต่ต้องอย่าลืมว่าเค้ามีทางเลือกไม่มาก ไม่มีสิ่งใดเป็นตัวกำหนด หรือมายืนยัน ว่าคนที่ทำอาชีพขายบริการนี้เป็นคนไม่ดี… คุณค่าความเป็นของพวกเขาอยู่ตรงไหน ที่จิตใจ ที่การกระทำ หรือคุณค่าของเขาเป็นได้แค่เพียง เครื่องระบายอารมณ์ทางเพศเท่านั้น…แล้วคุณล่ะ มองคุณค่าของพวกเขาที่ตรงไหน
จุดของคนเร่ร่อน สิ่งที่คนในสังคมมองและตัดสินพวกเขาว่านั่นคือปัญหาของสังคม แล้วมีใครเคยไปถามเขาไหมว่า นั่นคือเขามีปัญหาอะไรอยู่ ที่เร่ร่อนนั้นเป็นปัญหาของเค้าจริงเหรอ หรือ เขามีความสุขที่ได้เป็นอยู่อย่างนั้น จากที่เราเคยไม่เข้าใจ คนที่นอนริมถนน อาบน้ำคลอง กินแต่เหล้า เขามีความสุขกันหรือ วันนี้ได้รู้แล้วว่าเขามีความสุข ถึงแม้ว่ามันจะต่างจากความสุขของเราขนาดไหนก็ตาม แต่ยังไงความสุขก็คือความสุข คนเร่ร่อนบางคนมีบ้าน มีที่อยู่ แต่ไม่อยู่เพราะ เขาคิดว่า บ้านไม่ใช่ที่ ที่มีความสุข เขาอาศัยที่สนามหลวง ที่คลองหลอด เขามีเพื่อนที่อยู่กับเขา มีเพื่อนกินข้าว กินเหล้า เพื่อนนอน ส่วนบางคน เขาไม่เคยคิดว่าการที่เขาไม่มีที่อยู่นั้นเป็นปัญหาของเขา เขาพอใจที่ได้อยู่อย่างนั้น บางคนออกจากสนามหลวงไปแล้วก็กลับมาอีก เห็นจะจริงที่ว่า…สนามหลวงเป็นที่ที่มีมนต์เสน่ห์…แต่จะมีเสน่ห์อย่างไร คงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องหาคำตอบกันต่อไป