ธรรมะของหลวงปู่ทวด


ขอบคุณ ที่ส่ง Mail ขอนำมาเผยแพร่ต่อเป็นธรรมทาน แด่ผู้เผยแพร่ สาธุ ธรรมประจำใจ "พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์"


From: [email protected]
Subject: ธรรมะของหลวงปู่ทวด 

พูดมาก เสียมาก     พูดน้อย เสียน้อย     ไม่พูด ไม่เสีย     นิ่งเสีย โพธิสัตว์ 
 

หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
ท่านเป็นพระมหาเถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ ในนาม " หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด "
คาถาบูชาท่าน คือ นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
ชาติกาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125
ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา
บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปี  อุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี  มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ.2225
สิริรวมอายุได้ 99 ปี
คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด
ธรรมประจำใจ
พูดมาก เสียมาก   พูดน้อย เสียน้อย   ไม่พูด ไม่เสีย   นิ่งเสีย โพธิสัตว์
ละได้ย่อมสงบ
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวทั้งสิ้น ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อมสงบ

สันดาน
ภูเขาถูกมนุษย์ทำลายลงมาได้
แต่สันดานของคนเราที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้ง
ซึ่งไม่เหมือนกันย่อมขัดเกลาให้ดีเหมือนกันได้ยาก

ชีวิตทุกข์
การเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติหนึ่ง จะว่าประเสริฐก็ประเสริฐ จะว่าไม่ประเสริฐก็ไม่ประเสริฐ
จะเห็นได้ว่า ตื่นเช้าก็มีความทุกข์เข้าครอบงำ
จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างฟัน ล้างมือ
เสร็จแล้วจะต้องกินต้องถ่าย นี่คือความทุกข์แห่งกายเนื้อ

เมื่อเราจะออกจากบ้าน
ก็จะประสบความทุกข์ในหมู่คณะ ในการงาน ในสัมมาอาชีวะ การเลี้ยงตนชอบ
นี่คือ ความทุกข์ในการแสวงหาปัจจัยบรรเทาทุกข์
  การที่เราจะไม่ต้องทุกข์มากนั้นเราจะต้องรู้ว่า
เรานี้จะต้องไม่เอาชีวิตไปฝากสังคม         เราต้องเป็นตัวของเราเอง และเราจะต้องวินิจฉัยในเหตุการณ์ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเราว่า สิ่งใดเราควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ
ยากกว่าการเกิด
ในการที่เราเกิดมา  ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย  แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นสิยาก
เราจะทำอย่างไรให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย
ไม่สิ้นสุด
แม่น้ำทะเล และมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดของน้ำ ฉันใด
กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ฉันนั้น
ยึดจึงเดือดร้อน
ทุกวันนี้ เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ก็เพราะมนุษย์ไปยึดโนน่ ยึดนี่
ยึดพวกยึดพ้อง ยึดหมู่ยึดคณะ ยึดประเทศเป็นสรณะ โดยไม่คำนึงถึงธรรมสากล
จักรวาลโลกมนุษยนี้ ทุกคนมีกรรมจึงเกิดมาเป็นสัตว์โลก
สัตว์โลกทุนคนต้องใช้กรรมตามวาระ ตามกรรม
ถ้าทุกคนยึดถือเป็นอารมณ์ ก็จะเกิดการเข่นฆ่ากัน  เกิดการฆ่าฟันกัน
เพราะอารมณ์แห่งการยึดถืออายตนะ  ฉะนั้น ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า
สิ่งใดทำแล้ว สัตว์โลกมีความสุข สิ่งนั้นควรทำ นี่คือ หลักความจริงของธรรมะ
อยู่ให้สบาย
ในภาวะแห่งการที่จะอยู่อย่างสบายนั้น
เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด  อยู่กันอย่างไม่ยินดี  อยู่กันอย่างไม่ยินร้าย
อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์
เหนือคำสรรเสริญ เหนือนินทา  เหนือความผิดหวัง เหนือความสำเร็จ เหนือรัก เหนือชัง
ธรรมารมณ์
การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ คือ การอยู่เหนือความรู้สึกทั้งปวง
   อยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการงานคือรู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องทำไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน  เพราะถ้าเราทำงานเพื่อหวังผลตอบแทนต่าง ๆ แล้ว
ถ้าสิ่งต่างๆไม่สัมฤทธิ์ผลตามความหวังนั้นเราย่อมเกิดความโทมนัสเสียใจน้อยใจ เป็นทุกข์

กรรม
ถ้าเรามีชีวิตอยู่อย่างที่ว่า
เกิดเพราะกรรม อยู่เพื่อกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว
ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมมีความภิรมย์  มีความรื่นเริง

มารยาทของผู้เป็นใหญ่
ผู้ใหญ่ไม่ใช่อยู่ที่เกิดก่อน  ผู้ดีไม่ใช่อยู่ที่เรียนสูง
มารยาทจรรยาของการเป็นผู้ใหญ่ ก็คือต้องสุขุมรอบคอบ และไม่ยึดติดเสียงเป็นหลัก
คือ ต้องไม่หวั่นไหวกับคำนินทาและสรรเสริญ
โลกิยะ หรือ โลกุตระ
คนที่เดินทางโลกุตระ  ย่อมไปดีทางโลกิยะไม่ได้
คนที่เดินทางโลกิยะ  ย่อมสำเร็จทางโลกุตระได้ยาก  เพราะอะไร ?
ถ้าคนหนึ่งสำเร็จได้ทั้งโลกิยะ และโลกุตระง่ายแล้ว
ทำไม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธโคดม ต้องสละราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิไปเป็นธรรมราชาเล่า ?
ถ้าเป็นไปได้  พระองค์เป็นมหาจักรพรรดิพร้อมทั้งธรรมราชา ไม่ดีหรือ?
แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกของโลกิยะและโลกุตระเดินคู่ขนานกัน
เราต้องตัดสินใจ  ต้องมีความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญในการที่จะเลือกทางใดทางหนึ่ง

ศิษย์แท้
พิจารณากายในกาย  พิจารณาธรรมในธรรม  พิจารณาวิญญาณ ในวิญญาณ
นั่นแหละ คือ สานุศิษย์อันแท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รู้ซึ้ง
ทุกอย่างจะต้องมีเหตุ  เมื่อมีเหตุจึงจะมีผล  ผลนั้นเกิดจากเหตุ
เราได้วินิจฉัยข้อนี้แล้ว  เราจึงรู้ซึ้งถึงพุทธศาสนา

ใจสำคัญ
การทำบุญนั้น จะต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ จะต้องทำด้วยความศรัทธา
ผลสะท้อนมันจะเกิดขึ้นเกินความคาดหมาย
หยุดพิจารณา
คนเรานี้  ถ้าไม่มีอะไรทำอยู่ในที่วิเวกคนเดียว  จิตมันจะฟุ้งซ่าน
และถ้าภาวะนั้น  ตนไม่ปล่อยให้จิตฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คือ หยุดพิจารณา
แล้วค้นสัจจะของ  ศีล  สมาธิ  ปัญญา   ย่อมที่จะค้นหาสัจจะในธรรมะได้
บริจาค
ทำบุญสังฆทานเป็นจาคะ  จาคะเป็นการบริจาคโภคทรัพย์ภายนอก
การสวดมนต์เป็นการภาวนา  การภาวนาเป็นการบริจาคภายใน
เพราะฉะนั้น ถ้านับในด้านทิพย์อำนาจ
การบริจาคภายในย่อมได้กุศล มากว่า การบริจาคภายนอก
นี่คือเรื่องของนามธรรม
ทำด้วยใจสงบ
เราจะทำบุญก็ดี  เราจะทำอะไรก็ดี  จงทำด้วยความสงบ
อย่าทำด้วยอารมณ์แห่งความร้อน เพราะการทำด้วยอารมณ์ร้อนนั้น  มันจะพาเราไปสู่หายนะ
เมื่อเกิดอารมณ์ร้อน  เราจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  จงอย่าทำ
นั่งให้จิตใจมันสบายเสียก่อน  เมื่อจิตใจสบายแล้ว ปัญญาก็เกิด
เมื่อเกิดปัญญาแล้ว  จะทำสิ่งใดก็เป็นไปโดยความสะดวก

มีสติพร้อม
จะทำสิ่งใดก็ตาม  เราต้องมีสติพร้อม
คือ อย่าให้มีโทสะ  อย่าให้อารมณ์เข้ามาควบคุมสติ
อย่าให้เรื่องส่วนตัวและขาดเหตุผล มาอยู่เหนือความจริง
เตือนมนุษย์
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่งานส่วนตัว   มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีงานทำในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่ทรัพย์ส่วนตัว   มนุษย์ผู้นั้น จะไม่มีทรัพย์ครองในไม่ช้า
มนุษย์ผู้ใด เห็นแก่นอนมาก   มนุษย์ผู้นั้น จะไม่ได้นอนในไม่ช้า

พิจารณาตัวเอง
คืนหนึ่งก็ดี  วันหนึ่งก็ดี  ควรให้มีเวลาว่างสัก 5 นาที หรือ 10 นาที ไม่ติดต่อกับใคร
ให้นั่งเฉยๆ คิดถึงเหตุการณ์ที่เราทำไปแต่ละวันๆ ว่า  ที่เราทำไปนั้นเป็นอย่างไร
คือให้ปลีกตัวมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง  คิดเอาแต่เรื่องของตัว

อย่าไปคิดเรื่องของคนอื่น
เพราะมนุษย์เราส่วนมากทุกวันนี้  มักเอาแต่เรื่องของคนอื่นมาคิด  ไม่ค่อยคิดเรื่องของตัวเอง
คัดลอกจากหนังสือ เรียนธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของหลวงปู่ทวด
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม

คำสำคัญ (Tags): #ขํนติพโล
หมายเลขบันทึก: 332128เขียนเมื่อ 29 มกราคม 2010 22:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีค่ะ

  • ขอขอบพระคุณกับคำสอนค่ะ
  • จัดเก็บไว้อ่านและแจกเพื่อน ๆ ด้วยแล้วค่ะ

สาธุกับธรรมะของหลวงปู่ทวดค่ะ

ทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรยั่งยืน

ธรรมะยามเช้า ขอบคุณครูคิม ดูท่านยังอิ่มบุญเหมือนเดิม Phornphon คนเดินดิน ขอฝากสาธุ ไว้ด้วย noktalay เลือกไปใช้วันละอย่าง ก็ได้กุศล สุดท้ายก็ให้มองตัวเองดีที่สุดครับ เห็นด้วยกับมนุษยชน ทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรยั่งยืน

 

"พระพุทธทศพลญาณ" พระประธานของวัดไตรมิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ปูนปั้นลงรักปิดทอง  

สาธุ ๆๆๆๆๆๆๆๆ

สวัสดีค่ะคุณทศพล

  • ขอบคุณสำหรับธรรมะของหลวงปู่ทวดค่ะ
  • จะนำไปอ่านเป็นข้อเตือนใจบ่อยๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะ
  • สาธุ  สาธุ  สาธุ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท