ช่วงนี้มีภาระงานหลายเรื่องให้ต้องจัดการให้ทันกำหนดเวลา ทำให้ค่อนข้างห่างหายจาก GotoKnow ทั้งๆที่แต่ละวันก็มีเรื่องที่อยากจะบันทึกไว้อยู่ตลอด แต่เวลาที่มีก็ไม่พอแม้แต่จะจัดการงานที่ต้องทำให้เสร็จ แต่ก่อนเคยรู้สึกเครียดเวลาเกิดภาวะแบบนี้ แต่ตอนนี้เริ่มรู้วิธีแล้วว่า ทำไปเท่าที่ทำได้ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น กำหนดใจตัวเองให้ได้ แล้วก็พบว่าทำให้เราทำสิ่งที่ต้องทำได้ แม้จะไม่ดีเท่าที่เราอยากให้เป็น แต่ก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานที่ตัวเองตั้งไว้ได้
พูดถึงมาตรฐานของตัวเอง ก็ทำให้คิดได้ว่า การตั้งมาตรฐานสำหรับตัวเราเองนั้นก็เปลี่ยนไป ซึ่งทำให้เราเครียดน้อยลง คาดหมายอะไรกับตัวเองให้น้อยลง รู้จักตัวเองมากขึ้นก็ทำให้ปรับมาตรฐานในการใช้ชีวิต ในการทำอะไรต่ออะไรสำหรับตัวเองให้ได้ดีขึ้น รู้ศักยภาพของตัวเองว่าทำอะไรได้แค่ไหน ในเวลาเท่าไหร่ ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมากเลยค่ะ
เรียนรู้กับตัวเองแล้วในเรื่องนี้ ทำให้คิดได้เลยว่า มาตรฐานใดๆที่เราคิดนั้น ใช้ได้แต่กับตัวเราเท่านั้น เพราะแม้แต่ตัวเราเองยังต้องเรียนรู้ตัวเองมาตั้งนาน กว่าจะรู้ว่าตัวเองจัดการอะไรได้แค่ไหน เหตุผลในการทำอะไรหรือไม่ทำอะไร กว่าจะเข้าใจตัวเองจนไม่ทำให้ตัวเองเครียดนั้นใช้เวลามาแสนนาน เพราะฉะนั้นตั้งใจเอาไว้เลยค่ะว่า จะไม่เอามาตรฐานของตัวเองไปใช้ในการวัดใครๆ เรียนรู้แล้วว่าชีวิตของคนแต่ละคนนั้นผ่านอะไรมาไม่เหมือนกัน รับรู้ เรียนรู้ มีวิธีการมองชีวิต วิธีการคิดที่แตกต่างกัน มาตรฐานของแต่ละคนก็จะขึ้นกับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเราไม่มีทางที่จะรู้เข้าใจได้ครอบคลุม
ดังนั้น เวลารู้ตัวว่ากำลังจะวิพากษ์วิจารณ์ใคร โดยใช้มาตรฐานของตัวเองเป็นตัวตัดสินก็จะพยายามระงับเสีย ทำได้มากขึ้นๆ รู้สึกเลยค่ะว่า ชีวิตเราเบาสบายขึ้นเยอะเลย
สวัสดีครับท่านอาจารย์
ถูกต้องครับคุณหมอ แต่บางคนชอบว่าประเทศนี้มีสองมาตรฐาน เพราะ จะพุดกันจริง ๆ มันก้อ หกสิบล้านมาตรฐานละครับ เพราะถ้าทุกคนคิดว่า ตนดี คนอื่นไม่เหมือนเรา เผลอๆ ก็ตนเองก้ยังมีหลายมาตรฐานอีก ขอให้ปรับ จูน เข้าหากัน จะดีกว่าเนาะ
อ่านแล้วถูกใจจริง ๆ ค่ะ ที่จริงตัวเองก็มีความคิดคล้าย ๆ กัน และบางครั้งรำคาญคนที่เอาตัวเองเป็นมาตรฐาน แต่ที่จริงบางทีก็อาจจะมีอัตตาโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะคะ