เรื่องของผม ภาค 3


เรื่องของผม ภาค 3

            ค่ายเพื่อนใหม(เดือนสิงหา'50)่กำลังจะมาถึง พี่เล็กเป็นประธานค่าย ผมเป็นโครงงานหลัก ค่ายนี้ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเซอร์เวย์กันที่ จ. ฉะเชิงเทรา ได้โรงเรียนบ้านเขาสะท้อน ตอนหลังโดนพี่ด่าว่ามอเตอร์ไซค์มันอันตรายเกินไป

            จบค่ายเพื่อนใหม่ น้องๆไปค่ายกันเยอะ ทำให้ชมรมครึกครื้นกว่าเดิม มีแขกไปใครมากันมากมาย สนุกสนานเฮฮากันมาก รู้สึกว่าชมรมจะเปิดทุกเวลา ช่วงนั้นผมรู้สึกว่าชีวิตมีความสุขที่สุด ได้สนุกและสุขกับการได้ทำค่าย มีชีวิตที่อิสระเสรี เป็นชีวิตที่หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว และมีน้องหน้าใหม่ๆเข้ามาเยอะ ชมรมมีคนสืบทอดแน่นอน เมื่อก่อนผมคิดว่าการทำค่ายทำงานชมรมนั้นเป็นภาระสำหรับตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เหมือนมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว การที่ไม่ได้ทำค่ายและไปค่ายต่อไปน่ะสิคือมีภาระ

            มาถึงค่ายตุลา ซึ่งผมเป็นประธานค่าย ตั้งใจจะทำค่ายให้ดีที่สุด แต่ในความรู้สึก มันไม่ดีเท่าไหร่ น้องๆหน้าใหม่และเก่าเข้ามาทำงานค่าย ทั้งเพื่อนๆก็ช่วยกันดี แต่ก่อนไปค่ายมีอุปสรรคนิดหน่อย ทางกองกิจจะให้ผมและทางชมรมไปทำค่ายงบ อบจ. ประชุมตกลงกันแล้วปรากฏว่าตรงกับค่ายผมเป๊ะๆ แล้วเขาจะให้ผมเป็นประธานค่ายด้วย งานนี้แม่งานคือองค์การและสภานิสิต หัวหน้าใหญ่ก็คือ อ.บุญมา มาคุยกับผมอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งทำให้ผมเกรงใจได้ไม่น้อย ผมเองก็อยากไปร่วมด้วย แต่ผมก็มีค่ายที่ผมต้องรับผิดชอบ เขาก็บอกว่าให้คนอื่นดูแทนก็ได้ มีคนเดียวรึไงชมรมน่ะ ตอนนั้นไม่รู้จะทำไง เป็นช่วงที่ลำบากใจอย่างยิ่ง คิดว่าถ้าไม่ไปเขาจะมองชมรมเราไม่ดีมั้ย ถ้าไปจะได้งบเพิ่มมั้ย คิดอะไรๆมากมาย โทรหาพี่คนนั้นคนนี้จะทำไงดี คิดอยู่หลายวิธีที่จะทำให้ผมไปค่ายตุลาได้ ในที่สุดก็ต้องเชื่อตัวเอง ตัดความเกรงใจ และตัดสินใจที่จะไม่ทำค่ายกองกิจ มาทำค่ายตุลาเราดีกว่า ส่วนค่ายกองกิจก็ให้องค์การและสภาจัดการไป มีแต่คนเก่งๆกันทั้งนั้นหนิ

            ก่อนไปค่ายต้องไปขอสปอนเซอร์กันก่อนเพราะงบน้อย ผมได้ไปเตรียมค่ายด้วย ค่ายนี้โอเคเลย เป็นค่ายที่ผมชอบอีกค่ายหนึ่ง คิดถึงบรรยากาศที่นั่นมากมาย ยังจำสถานที่เกิดเหตุได้ทุกมุมและเหตุการณ์ทุกอย่างได้ดี ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่าสองปีแล้ว เป็นค่ายที่ผมภูมิใจ ที่สองมือของกระผมสามารถสร้างค่ายได้แบบนี้ และลำพังผมคนเดียวคงจะทำไม่ได้ถ้าไม่มีทุกๆ คนคอยช่วยเหลือกัน ผมรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ความจริงมันเหนื่อยมันล้าแต่ก็ยังมีแรงอยู่ และอะไรก็ไม่รู้ มากลบความรู้สึกที่เหนื่อยล้าให้หายไปตอนอยู่ในค่าย ตอนจบค่ายกลับมามอพึ่งได้รู้สึกว่ามันเหนื่อยจริงๆ หลับข้ามคืนข้ามวันโดยไม่รู้ตัว รุ่งเช้าตื่นขึ้นมา ไปที่ชมรม มันรู้สึกเหงาและเวิ้งว้างมากที่ชมรมไม่มีใคร มันเหมือนว่าผมฝันไป ฝันว่าไปค่าย ฝันว่ามันสนุกมาก ช่วงเวลาที่แสนสั้นนั้นเดินทางเร็วมาก


            จบจากค่ายไม่กี่วันผมยังมีกิจกรรมที่จะต้องทำต่อ นั่นคือไปค่ายเทางามสัมพันธ์ ซึ่งจัดทุกปี ปีนี้เป็นครั้งที่สองที่ผมได้ไป เป็นค่ายของ 5 มหาลัยที่เคยเป็น มศว. มาก่อน มาจัดค่ายร่วมกัน ปีนั้น ม.ทักษิณเป็นเจ้าภาพ ไปที่หมู่บ้านคนไทยในมาเลเซีย ไปทำกิจกรรมต่างๆ เช่นแสดงศิลปวัฒนธรรม บำเพ็ญประโยชน์ แข่งกีฬา วิชาการ ฯลฯ แต่ละ ม. ก็ได้แบ่งหน้าที่กัน ม.บู เรา ได้เป็นเฮดฝ่ายบำเพ็ญประโยชน์ กระผมเองก็งานเข้า ได้รับมอบหมายให้เป็นเฮดฝ่ายนี้ มันเป็นงานที่ท้าทายเป็นอย่างมาก ผมได้ไปเซอร์เวย์ที่มาเลเซียมาครั้งหนึ่งแล้ว และก็มาประชุมหารือกันว่าจะทำอะไร ทำยังไง ใช้งบเท่าไหร่  ประสบการณ์ที่ได้จากการทำค่ายอาสาได้ใช้หมด มีโควต้าให้ชมรมอาสาไป 6 คน มีผม คม นัท พี่รุ้ง แหม่ม และไอ้ต้า แต่มันดันป่วยเลยไม่ได้ไป นับเป็นประสบการณ์ที่มีค่าอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ผมนั้นอยากเล่าประสบการณ์ที่ค่ายให้ฟังแต่เรื่องมันยาวเกินไป ถ้ามีโอกาสค่อยเล่าให้ฟัง

            จบค่ายเทางามก็มาถึงลอยกระทง ปีนี้ชมรมขายกระทง ข้าวไข่เจียว และก็ไอติมปั่นเหมือนเดิม ผมกับเพื่อนก็มาทำกันทุกวัน หารายได้เข้าชมรม ซึ่งปีที่แล้วผมก็ทำ ผมเคยถามตัวเองว่าทำไมต้องมาขายด้วย เหนื่อยก็เหนื่อย ขายหลายวันกว่าจะเห็นกำไร กำไรที่ได้ถ้าเทียบกับเดินหาดวันเดียวก็คนละเรื่อง แต่ผมขายมาสองปี สามปี มองเห็นอะไรบางอย่าง เงินนั้นเป็นผลพลอยได้ แต่ทุกคนได้มาทำอะไรด้วยกัน ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อชมรม จะมีที่ไหน ผมขายข้าวไข่เจียวแท้ๆเวลาหิวยังต้องควักตังค์ตัวเองซื้อข้าวไข่เจียวที่ผมทำเองเลย และอีกอย่างทำให้ทุกคนใกล้ชิดกันมากขึ้น แทนที่จะไปเดินเที่ยวงานหรือลอยกระทงคนเดียวหรือสองคน กลับเดินเที่ยวกันเป็นหมู่คณะ ยกพวกไปลอยกระทงอย่างนี้ ยกพวกไปปาลูกโป่งอย่างนั้น ไปเล่นบิงโกก็พากันไปเต็มร้าน แล้วเวลาเราเดินงานจนเมื่อยก็มีที่นั่งเล่นหลังร้าน ได้ดูสาวๆเดินผ่านเพลินจะตาย สอนให้เรารู้จักการลงทุนลงแรง และทำให้เบื่อไข่ไปหลายวัน

            จบเทศกาลลอยกระทงแล้ว เป็นช่วงเข้าใกล้ค่ายวันเด็ก ซึ่งไอ้นัทได้อาสาเป็นประธานค่าย ก่อนทำโครงการก็ต้องไปเซอร์เวย์กัน โดยขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปกันอีกแล้ว โดนพี่ว่าแล้วมันก็รู้จักจำแล้ว แต่ก็ยังไปกัน เพราะว่าค่าน้ำมันมันถูก พวกผมไม่มีรถยนต์ และผมว่ามันไปแบบลุยๆดี ถึงแม้มันจะอันตรายแต่ก็สนุก แต่ถ้ามีรถยนต์ก็คงจะดีกว่าแน่นอน

            ดูกันอยู่หลายโรงเรียน และแล้วก็ได้โรงเรียนบ้านหนองผักหนาม อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี

            ค่ายนี้เป็นค่ายหนึ่งวัน ช่วงนั้นเราจะสนุกสนานกันมากก็ไม่ได้ เพราะอยู่ในช่วงไว้ทุกข์พระพี่นาง ประธานนัทเองก็หนักใจมิใช่น้อย แต่ทุกอย่างก็จบลงได้ด้วยดี

            จบค่ายไอ้นัทไปไวเหมือนโกหก ต่อไปก็เป็นค่ายซัมเมอร์ ซึ่งค่ายนี้ไอ้คุเพื่อนผมอาสาเป็นประธานค่าย ไอ้นัทเป็นโครงงานหลัก ก่อนทำค่ายทุกครั้ง ต้องไปเซอร์เวย์ ค่ายนี้คุยกันว่าจะไปสระแก้ว แถวๆ อำเภอตาพระยา ผม ไอ้คุ ไอ้นัท ไปกันสามคนโดยนั่งรถเมล์ไป จำได้ว่าไปตั้งแต่ตีสาม ออกจากหนองมนโดยโบกแท็กซี่ไปเฉลิมไทย กะว่าจะออกเร็วๆ แต่รถที่ไปเที่ยวแรกไปตีสี่ห้าสิบ ก็เลยต้องนั่งๆนอนๆรอ นั่งรถชลบุรีโคราชไปลงกบินทร์บุรี จากนั้นต่อรถจากกบินทร์ไปอรัญฯ ไปลงที่อรัญแล้วต่อรถ บุรีรัมย์-จันทบุรี ไปลงอำเภอตาพระยา พอไปถึงผมสามคนก็ยังงงๆ ไม่รู้จะไปต่อกันยังไง เลยเดินไปถามโรงเรียนในตัวอำเภอ ปรากฏว่าครูที่นั่นเขาสนใจ เลยโทรเรียก ผอ. โรงเรียนบ้านมะกอก ให้มาคุยกับพวกเรา ผอ. ก็มาคุยกับพวกเราดี ก่อนจะพาขึ้นรถไปดูโรงเรียน แกพาไปเลี้ยงข้าวเที่ยง เหมือนกับซื้อใจกันไปแล้ว ไปดูโรงเรียนแกเสร็จ พวกผมก็คุยกันว่าโรงเรียนนี้ก็โอเคนะ แต่ในใจผมก็อยากไปดูโรงเรียนอื่นเหมือนกัน แต่จะทำยังไงได้ ขัดสนแต่ยานพาหนะ ไม่รู้จะไปยังไง อาศัยรถนั่งผอ.แกมา แล้วจะให้ผมบอกให้ผอ.ให้ขับรถไปดูโรงเรียนอื่นงั้นเหรอ คิดถึงข้าวกลางวันก็ไม่กล้าแล้ว ขากลับผอ.ขับรถไปส่งที่ตัวอำเภออรัญอีก พวกผมเกรงใจมากๆ ผอ.ช่างใจดีเหลือเกิน เห็นทีจะต้องเอาโรงเรียนนี้แล้ว แต่เท่าที่พวกผมดู โรงเรียนแกก็ขาดแคลนจริงๆ จึงตัดสินใจที่จะทำค่ายสร้างห้องสมุดที่โรงเรียนบ้านมะกอกนี้

            ค่ายซัมเมอร์ผมเป็นพัสดุ ซึ่งมีเหตุที่ทำให้ผมไปค่ายไม่ครบเจ็ดวันอีก นั่นคือผมติดสอบ ผมเซ็งมาก ชาวบ้านเขาสอบจนปิดเทอมกันไปหมดแล้ว แต่ผมยังสอบไม่เสร็จ ไปค่ายได้สี่วัน ต้องเดินทางกลับมอมาสอบสองวัน ไม่ได้อยู่วันสันทนาการ สอบเสร็จแล้วผมก็ไปใหม่ ไปวันสุดท้ายพร้อมรถบัสมอที่ไปรับ ไปถึงขนของแล้วก็กลับ เอาเป็นว่าค่ายทุกอย่างก็จบลงด้วยความประทับใจ

            ตอนนั้นผมจบปีสามแล้ว หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ผมหมดวาระที่จะเป็นประธานชมรมแล้ว ภาพรวมโดยทั้งปีผมคิดว่าดี เพราะดูชมรมครึกครื้นขึ้น คนเยอะขึ้น และเป็นปีที่ผมสนุกที่สุดกับการทำค่าย ตอนนี้ต้องเป็นรุ่นน้องที่จะมาทำงานต่อไปแล้ว ผลจากการคัดเลือกได้น้องหวานเป็นประธานชมรมคนต่อไป

            ช่วงซัมเมอร์ผมต้องไปฝึกงาน ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต กรุงเทพ ผมก็อยากฝึกใกล้ๆที่มอ เพราะจะได้ไปมาหาสู่ชมรมได้ทุกวัน แต่ที่บ้านผมอยากให้ไปที่นั่น เลยต้องไป แต่ยังดียังได้กลับมาทุกเสาร์อาทิตย์ บางอาทิตย์ก็ได้ไปเที่ยว จำได้ว่าไปทริป เสม็ด-ตรอกนอง สองคืน กี่วันไม่รู้ ทริปนี้มันส์สุดๆ ประหยัดด้วย ใครที่ไปคงจะจำกันได้ดี

            ช่วงฝึกงานตอนแรกก็ตื่นเต้น แต่ไปๆมาๆชักน่าเบื่อ ใจก็อยากจะกลับมอทุกวัน และแล้วช่วงสองเดือนแห่งการอยู่ในกรอบก็ผ่านพ้นไป ผมได้เป็นอิสระอีกครั้ง

            ช่วงขึ้นปีสี่เป็นอะไรที่น่าใจหายมาก เพราะว่ามันใกล้จะจบแล้ว ช่วงแรกผมปรับตัวไม่ถูก ไม่คุ้นกับการขึ้นปีสี่เอาซะเลย ปี่สี่เป็นอะไรที่ว่างมาก เรียนไม่กี่วิชา แต่ก็มีโปรเจค และผมก็ยังอยากที่จะทำค่ายอยู่ ช่วงแรกก็เป็นที่ปรึกษาให้น้องๆ สอนให้น้องทำงานเป็น และคิดเองเป็น ไม่รู้ว่าอันหลังนี่จะยากเกินไปรึป่าว แต่โดยรวมก็โอเคอยู่

            เปิดเทอมใหม่ก็ต้องเป็นค่ายเพื่อนใหม่ ค่ายนี้มีรุ่นน้องเป็นประธานค่าย นั่นคือน้องโอ๋ปีสาม เด็กปั้นผมเอง และผมก็ได้เป็นเหรัญญิก ดูแลเรื่องเงินๆทองๆ ค่ายนี้คนไปเยอะมากโดยเฉพาะน้องปีหนึ่ง และค่ายนี้น้องๆก็เริ่มเข้ามาเป็นคณะกรรมการชมรมกันมากขึ้น

            จบค่ายเพื่อนใหม่ ได้น้องใหม่ใจอยากทำค่ายมาไม่กี่คน เช่นไอ้มิน และน้องปีหนึ่งคนอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งผมเห็นแววตั้งแต่นั้นมา ชมรมของเราก็ยังเป็นที่นอน ที่กิน ที่เที่ยว สถานบันเทิง และที่อื่นๆ เหมือนเดิม ผ่านไปเวลาไหนก็มีคนตลอด ปิดดึก บางวันไม่ปิดเลย

            ต่อมาก็เป็นค่ายตุลาอีกแล้ว ซึ่งน้องหวานเป็นประธานค่าย แรกๆก็มีปัญหาเยอะ ค่ายนี้ผมเป็นประชาสัมพันธ์ ผมกับเพื่อนๆก็ได้แค่ให้คำปรึกษาน้อง เพราะผมเองก็ใกล้จะจบแล้ว อยากจะให้น้องๆ ทำกันอย่างเต็มที่ ค่ายนี้ผมไปค่ายไม่ครบเจ็ดวันอีกแล้ว ติดสอบโปรเจค เลยต้องตามไปที่หลัง ยังดีนะที่ได้ไปสามสี่วัน น้องๆก็เริ่มแก้ปัญหากันเป็นแล้ว ทำให้ค่ายที่ตอนแรกมีปัญหาเยอะ ตอนหลังเริ่มดีขึ้น และก็จบลงด้วยดี และมีน้องบางคนติดใจหลงมาทำค่ายต่อไปก็มี

            จบค่ายตุลาไม่กี่วัน ผมก็มีภารกิจต่อ นั่นคือเทางามสัมพันธ์เหมือนเดิม ครั้งนี้สำคัญที่ ม.บู เราเป็นเจ้าภาพ ผมถูกรับเชิญจากกองกิจโดยอัตโนมัติ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่ผมได้ไป และเป็นครั้งสุดท้าย ชมรมได้โควตาไปสี่คน ผมเลยไปกับน้องๆ ได้แก่น้องหวาน น้องมิล และไอ้คุ ถือว่าพาน้องไปเอาประสบการณ์ที่ไม่อะไรเท่าไหร่ เพราะ .บู เรานี่จัดกันง่ายมาก ตอนแรกนึกว่าจะพาไปเที่ยวเขมร แต่ก็ไม่ได้ไป พาไปปราสาทสด๊กก๊อกธมแถวๆชายแดนสระแก้ว จัดค่ายไม่ค่อยมีความพร้อมกันสักเท่าไหร่ แต่ภาพรวมก็โอเค ถือว่าเอาตัวรอดได้ดี..

"ติดตามต่อภาค 4 เด้อ"

หมายเลขบันทึก: 331047เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2010 23:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

คิดถึงวันเวลาเก่าๆ ช่างผ่านไปเรวจัง...

ตอนนี้หลายคนก็จบ แยกย้ายกันไปทำงาน

แต่ค.ทรงจำดีๆก้อยังคงอยู่กับพวกเราทุกคน

จากนี้ต่อไป สิ่งดีดีเล่านี้ คงต้องฝากน้องๆ ...จากรุ่นสู่รุ่น ...

ช่วยกันรักษา และสู้มันต่อไป ...

อาสาจงเจริญ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท