เวียดนามกลางพายุฝน ตอน ๑๓ : หมีเซิน (My Son) ซากที่เหลือจากสงคราม


ไม่มีใครปกป้องอารยธรรมของเราดีไปกว่าตัวเราเอง

  

 

 

 

 

 

                “เสียใจค่ะ  ขอโทษค่ะ  เสียใจจริง ๆ  ที่ทำให้รอ”

                ฉันยกมือไหว้กราดไปทั่วรถตู้ ที่มีชาวต่างชาติอยู่ 4 – 5  ชีวิต  ไม่รู้ว่าชาติไหนบ้าง รู้แต่ว่าเป็นชาติตะวันตก  แต่ที่แน่ ๆ  ฉันต้องไหว้กราดขอโทษทุกคน ทุกเชื้อชาติ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ

 

                ฉันตื่นสาย !  

 

               ที่จริงช้าไปไม่ถึง 10 นาที แต่ความรู้สึกผิดเหมือนโลกถล่มทลาย  นอกจากรู้สึกผิดต่อชาวต่างชาติแล้ว ยังรู้สึกผิดต่อคนไทยทั้งชาติอีกด้วย ที่ทำให้ขายหน้า          

 

                เมื่อวานเย็น ฉันลงชื่อไป  Joined Tour  กับทางโรงแรมไว้เพื่อไปหมีเซิน  รถออก 8 โมงเช้าที่หน้าโรงแรม  ความที่เมื่อวานเดินมากไปหน่อย กว่าจะลากขากลับมาถึงโรงแรมก็เหน็ดเหนื่อยสาหัส อาบน้ำแล้วเลยนอนหลับยาวไม่ยอมตื่น  พนักงานโรงแรมโทรเรียกก็ตอนอีก 5 นาที 8 โมงเช้า

 

                ปานประหนึ่งว่าเกิดสงครามเวียดนามอีกครั้งในห้องนอน  ฉันเสร็จภารกิจทุกอย่างในห้องน้ำภายใน 5 นาที  แต่งตัวอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งลงมาที่ล็อบบี้   เพื่อจะพบว่าทุกคนอยู่บนรถกันหมดแล้ว !

 

                ใคร ๆ  ก็จำฉันได้ในวันนี้ อายมากจนเกือบจะบอกว่าเป็นคนฟิลิปปินส์ไปแล้ว  แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคนฟิลิปปินส์ตื่นสายหรือเปล่า  แต่ที่แน่ ๆ พวกเขารู้ว่าฉันเป็นคนไทยตั้งแต่ตอนไหว้ขอโทษโน่นแล้ว ...  ไม่น่าไหว้เลยนะเนี่ย  แต่เราคนไทยมักติดนิสัยยกมือไหว้เวลาคิดอะไรไม่ออก หรือเวลาทำผิด

 

                หมีเซิน  (My Son)  หมายถึง ภูเขาอันสวยงาม

                หมีเซิน เป็นแหล่งผสมผสานคติความเชื่อ เรื่องการบูชาเทพเจ้าแห่งขุนเขา กับคติความเชื่อเรื่องเทพเจ้าของฮินดู

 

 

                หมีเซิน เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เมื่อปี ค.ศ. 1995  และได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1999  พร้อม ๆ  กับเมืองมรดกโลกฮอยอัน

                หมีเซิน เป็นมรดกทางวัฒนธรรมจามแหล่งใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในจังหวัดกวางนัม  ศูนย์กลางอารยธรรมจามในอดีต

 

                ในหุบเขาหมีเซิน มีกลุ่มปราสาทใหญ่น้อย ที่สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 กระจายอยู่ทั่วไป  แบ่งเป็นกลุ่มตั้งแต่เอ – เค   (A – K)

                ปราสาทกลุ่มแรกที่ได้เห็นคือ กลุ่มบี และ ซี  ส่วนกลุ่มเอซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของหมีเซิน  ถูกทำลายจากสงครามเวียดนามจนหมดสิ้น 

 

                เวียดนามกลางโดยเฉพาะดานัง ได้รับผลกระทบจากสงครามเวียดนามตั้งแต่ต้นปี 1968  อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  หลังจากการลุกขึ้นต่อสู้ครั้งใหญ่ของชาวเวียดนามทั่วประเทศในวันตรุษญวน  ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของเวียดนาม

                พิพิธภัณฑ์ประติมากรรมจามที่ดานัง กลายเป็นที่พักแรมของทหารรัฐบาลจากไซง่อนที่มีสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง และส่งเข้ามาปราบปรามขบวนการต่อสู้ของกองทัพปลดแอกประชาชนเวียดนาม

 

                ปราสาทดงเซือง และปราสาทหมีเซิน  ถูกสหรัฐฯ  ทิ้งระเบิดบี 52  ทำลายในปี 1969  ทำให้ปราสาทหมีเซินกลุ่มเอ พังทลายไม่เหลือซาก  นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าปราสาทกลุ่มเอ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งเดียวของอาณาจักรจามปาที่มี 2 ประตู   ประตูหนึ่งหันไปทางทิศตะวันออก เพื่อบูชาพระศิวะ ตามหลักความเชื่อของฮินดู  อีกด้านหันไปทาง ปราสาทกลุ่ม บี ซี และ ดี  ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก และเป็นที่ฝังพระศพกษัตริย์จามปา

 

                จากเอกสารจีน เวียดนาม รวมถึงเอกสารของชาติตะวันตก และเอกสารจากเปอร์เซีย  ต่างระบุกันว่าวัฒนธรรมจามถือกำเนิดขึ้นในตอนกลางของเวียดนามระหว่าง คริสต์ศตวรรษที่ 2 – 19  มีเมืองใหญ่ทั้งหมด 5 แห่ง  คือ โอรี อมราวตี วิชัย เคาธาระ และ พันธุรังคะ  นอกจากนี้ อาณาจักรจามปายังเคยขยายอาณาเขตไปถึง เว้ และบริเวณที่ราบสูงด้านตะวันตก

 

                ประวัติศาสตร์จาม มักจะมีการต่อสู้กับ ไดเวียด  พ่ายแพ้ และถูกกลืนชาติไปในราวปี ค.ศ. 1832

                กลุ่มปราสาทหมีเซิน สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่ คริสต์ศตวรรษที่ 4  สมัยเมืองอมราวตี  เป็นศาสนสถานบนเขา เพื่อให้กษัตริย์ใช้ประกอบพิธีบูชาเทพเจ้า ตามหลักศาสนาฮินดู

 

 

                ปราสาทหมีเซิน มีความสำคัญไม่ต่างไปจากปราสาทนครวัด หรือเจดีย์บุโรพุทโธ  เป็นศาสนสถาน ที่ยืนยันการแผ่ขยายของลัทธิฮินดูสู่ภูมิภาคแถบนี้

                ภูมิทัศน์โดยรอบหุบเขาหมีเซิน มีภูเขาอยู่ทางทิศใต้ และมีแม่น้ำทูโบนอยู่ทางทิศเหนือ ไหลไปออกทะเลทางชายฝั่งด้านตะวันออก

                การเดินทางมาเยี่ยมชมปราสาทหมีเซิน มีหลายวิธีการ  สำหรับฉันเลือกมารถตู้กลับทางเรือ ซึ่งใช้เวลาเต็มวัน  ถ้าเร่งรีบหน่อยก็มารถกลับรถใช้เวลาครึ่งวัน

               

                แม้หมีเซินจะไม่ยิ่งใหญ่เทียบเท่านครวัด ไม่มีรอยยิ้มอบอุ่นต้อนรับเหมือนนครธม แต่ซากปรักพัง และเศษอิฐ เศษหินที่เหลือจากสงคราม ได้ตั้งคำถามบางอย่างในใจฉัน

 

 

 

                สหรัฐอเมริกา มีสิทธิ์อะไรในการสนับสนุนสงครามในเวียดนาม และที่อื่น ๆ  ในโลก

 

                ฝรั่งเศสและเจ้าอาณานิคมต่าง ๆ  มีสิทธิ์อะไรในการแบ่งแยก ปกครอง และครอบงำเวียดนามและชาติอื่น ๆ

 

                ท้ายที่สุด สิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ก็คือ ซากปรักพังที่ประชาชนในชาตินั้น ๆ ต้องกอบกู้ รวมถึงปัญหาเขตแดนที่ประเทศต่าง ๆ  กำลังเผชิญร่วมกันในปัจจุบัน

 

                หุบเขาหมีเซิน  เป็นบทเรียนสำคัญอีกบทหนึ่ง ที่ทำให้ฉันตระหนักว่าไม่มีใครที่จะปกป้องอารยธรรมเวียดนามได้ดีไปกว่าชาวเวียดนาม  ต่อให้พวกเขารบราฆ่าฟันกันจนสิ้นชาติ  ฉันเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าคนเวียดนามจะไม่ทำลายหมีเซิน เหมือนกับที่ชาวเขมรไม่ทำลายนครวัดของพวกเขา  แม้ว่าพวกเขาจะฆ่ากันตายจนกองกระดูกสูงเทียมภูเขา ... 

                ในขณะที่กองทัพสหรัฐฯ   กล้าทิ้งระเบิดถล่มหมีเซิน หุบเขาอันสวยงามจนไม่เหลือซาก  แม้จะละเมิดกฎแห่งการปกป้องโบราณสถานในสภาวะสงครามก็ตาม ...

 

หมายเลขบันทึก: 329896เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2010 20:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เห็นด้วยครับ

บุโรพุทโธ ยังแสดงความยิ่งใหญ่ในดินแดนอิสลามครับ

ปราสาทสวยมากครับ น่าเสียดายที่มหาอำนาจใช้วิธีการทำลายอารยธรรมของโลก ;(

สารภาพตามตรงเลยค่ะว่าอ่านหนังสือท่องเที่ยวมาพอสมควร

แต่ไม่รู้จัก หมีเซิน...เชยจริงๆเลยเรา

น่าเสียดายนะคะที่ถูกทำลายไปขนาดนี้..เฮ้อ!!

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ :-)

สวัสดีค่ะ

หนูไม่ค่อยเห็นใครๆ นำเสนอภาพเกี่ยวกับปราสาทของเวียดนามเลยนะคะ    เพิ่งจะเคยเห็นนี่ล่ะค่ะ  ซากปรักหักพังที่เห็นก็ยังมีเค้าความงามหลงเหลืออยู่นะคะ

แวะมาขอบคุณสำหรับหนังสือของคุณด้วยค่ะ  อ่านไปเรื่อยๆ ยังไม่จบเลย  ในบางแง่มุมอ่านแล้วก็นึกถึงตัวเอง...เหมือนกันเลย

ส่งกำลังใจให้คุณเขียนเรื่องราวดีๆ แบ่งปันให้หลายๆ คนมีความสุขนะคะ  และหนูก็คิดว่าความสุขที่หลายๆ คนได้รับก็จะหวลกลับคืนมาถึงคุณเช่นกันค่ะ

...รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ผมทำการบ้านครูอยู่เลยรู้เรื่องเลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท