ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา หลังจากเวลา 2 ปี ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า
|
อุออ้อดไปเลย.....ฮะฮ่า
ขอบคุณมุมคิดดีๆค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะคุณธเนศ
สบายดีนะคะ ห่างหายไปนานเลย
... แตกต่างอย่างมีเอกภาพ ... ขอบคุณค่ะ
อยากเห็นคนในบ้านเรามีความสามัคคี ไม่สุดขั้วจนเกินไป แม้จะแตกต่างแต่ก็ไม่แตกแยก
ขอบคุณสำหรับอีกหนึ่งดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตนะคะ
อาจารย์คะ
เมื่อก่อนเคยอ่านบทกลอนดีๆ ที่ไหนจำไม่ได้แล้ว เขียนไว้ว่า
. เมื่อยังเด็ก ก็เร่งวันเวลาให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ จนลืมนึกถึงความสนุกสนานในวัยเยาว์
. เมื่อแก่ตัวไป ก็โหยหาวันเก่าๆ จนลืมนึกถึงความงดงามของวัยชรา
(ซึ่งจริงๆ แล้วยาวมาก แต่จำข้อความไม่ได้ อ่านแล้วรู้สึกเลยว่าช่วงเวลาปัจจุบันสำคัญที่สุด แต่คนเรามักมองข้ามไม่เห็นคุณค่า คอยแต่จะไขว่คว้าในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง หากอาจารย์เคยเห็นที่ไหน รบกวนเขียนเป็นข้อคิดชีวิตให้ด้วยนะคะ)
ขอบคุณมากค่ะ
เคยอ่านเจอเหมือนกันแต่จำต้นตอไม่ได้แล้ว ขออภัยด้วย สาระก็เป็นอย่างที่บอกนั่นแหละ
เป็นแนวคิดที่ดีนะ เช่นเดียวกันกับมือของเรานะโยม มีหน้ามือและหลังมือ คนที่มองโลกในแง่ร้ายชีวิตจะมีแต่ความทุกข์ คนที่มองโลกในแง่ดีชีวิตจะมีแต่ความหลง คนที่มองโลกตามความเป็นจริงชีวิตจะมีสุขราบรื่น