องค์กรนั้น ต้องมีการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงเวลาที่ผู้บริหารได้ปรับเปลี่ยนให้โอกาสแก่พนักงานแล้ว ก็ถึงเวลาของพนักงานที่จะประพฤติปฏิบัติเพื่อให้เป็นพนักงานดาวเด่นด้วยเช่นกัน
จากประสบการณ์ตรงและคำบอกเล่าของเพื่อนๆ ที่ทำงานด้าน HR บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พนักงานใหม่ ช่วงทดลองงาน 3 เดือนแรก จะตั้งใจในการทำงานเป็นอย่างดี ขาด ลา มาสาย ไม่มีปรากฎ แต่เมื่อรับการบรรจุเป็นพนักงานประจำแล้ว พฤติกรรมยอดเยี่ยมที่เคยปฏิบัติก็หายหดลดเลือน ขาด ลา มาสาย บ่อยขึ้น ไม่ใส่ใจ กระตือรือร้นงานเหมือนอย่างเคย
แล้วผลสุดท้ายก็มาบอกว่า องค์กรเคี่ยว อยากลาออก ถึงเวลาที่กลุ่มพนักงานต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตัวของเราเองมีความสุข ต้องขอหยิบเอาคำสุนทรพจน์ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จอห์น เอฟ เคเนดี้ ที่กล่าวว่า
“อย่าถามว่าสหรัฐอเมริกาจะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามว่าท่านจะให้อะไรแก่สหรัฐอเมริกาบ้าง”
นัยความหมายนี้ลึกซึ้งครับ ก็ในเมื่อประเทศได้ให้ท่านๆ พำนักพักพึง เป็นที่อยู่อาศัยแล้วท่านล่ะ คิดที่จะตอบแทนคุณแผ่นดินบ้างหรือไม่? ก็เปรียบกับการทำงานที่องค์กรของเรานั่นล่ะครับ
“อย่าได้ถามว่าองค์กรจะให้อะไรก็แก่เรา แต่เราจะให้อะไรคืนแก่องค์กรบ้าง”
เพราะเมื่อรับเราเข้ามาทำงาน นั่นก็เท่ากับว่า ได้ให้ที่ทำมาหากิน แล้วเราจะสร้างให้ที่ทำกินแห่งนี้ก้าวหน้าได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อองค์กรได้ผลผลิตที่เจริญงอกงาม แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมา คือความสุขสบายของเราเอง เพียงแต่เมื่อเวลาทำงานแล้ว เกิดอุปสรรคมากๆ เข้า ก็อาจจะหลงลืม ลืมมองระยะยาว เพราะสนใจแต่ความสุขเบื้องหน้า อยากให้หันกลับมามองตัวเองก่อนที่จะร้องขออะไรจากองค์กร
1. พฤติกรรมการทำงานสม่ำเสมอ
พนักงานเองต้องตระหนักเสมอว่า ในขณะที่อยู่ในช่วงทดลองงาน กับขณะที่รับการบรรจุงาน มีความแตกต่างในการทำงานกันมากน้อยเพียงใด ความสม่ำเสมอ ความขยันขันแข็ง ยังคงเดิมหรือไม่? สิ่งนี้ต้องพึงระลึกเสมอครับ อย่าแตกต่างจนกลายเป็นคนละคน หากหวังจะก้าวหน้าในอาชีพการงาน ต้องสร้างพฤติกรรมการทำงานตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันให้มีความสม่ำเสมอ แล้วผู้บังคับบัญชาจะมองเห็น แต่จะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับความใส่ใจของเราเอง
2. อย่าขอมากไป
นึกถึงช่วงเวลาทดลองงานสิครับ เวลาเข้าทำงานใหม่ๆ ให้ทำอะไรก็ทำทุกอย่าง ไม่เคยเกี่ยงงอน ไม่เคยมีข้อแม้หรือปฏิเสธ แต่พอทำงานนานขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหาข้อแก้ตัว เริ่มขออะไรที่สร้างความสะดวกสบายในการทำงานมากขึ้น พยายามสรรหาข้อต่อรองในการทำงาน วันๆ ไม่ทำอะไรคืบหน้า มัวแต่หาข้อต่อรอง หรือเรียกร้องสวัสดิการ
“หัวหน้าครับ...ช่วงนี้อากาศร้อนนะครับ เราน่าจะเพิ่มแอร์อีกหน่อย”
“ผมขอสั่งซื้อเก้าอี้ใหม่!! ตัวนี้นั่งไม่สบายเลย...แล้วจะให้ผมทำงานยังไง?”
“เจ้านายคะ...ดิฉันเข้ามาทำงานช้าหน่อยนะคะ เพราะต้องส่งลูกที่โรงเรียนค่ะ...เนี่ยเจ้าตัวเล็กก็เพิ่งเข้าเรียนเอง...ไหนจะเจ้าคนโตอีก...”
จะไหวไหมครับ? แบบนี้ เริ่มมีข้ออ้าง ข้อแก้ตัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม
3. มีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กร
พนักงานเคยเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของบ้างไหม? ในองค์กรใดๆ ก็ตาม ที่พนักงานเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ จะพยายามปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ขององค์กรอย่างเต็มที่ เพราะองค์กรที่เราอยู่นั้น ก็เปรียบเสมือนเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ใครที่คิดไม่ซื่อ ทุบหม้อข้าวหม้อแกง ของตัวเองก็แย่เกินไปหน่อย ในเมื่อเรายินดีเข้ามาทำงานด้วยความเต็มใจ ประทับใจ ทำไมเราไม่สร้างความรู้สึกรัก ผูกพัน และเกิดความเป็นเจ้าของล่ะครับ หากสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติคิดว่าเราคือเจ้าของ ก็จะทำให้การทำงานทุกอย่างราบรื่น
4. ยอมรับฟัง
พนักงานที่มีคุณภาพ นอกจากจะเป็นผู้ที่เก่งปฏิบัติแล้ว ยังต้องรู้จักที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้วย ไม่ใช่การอวดเบ่ง แข่งกันเก่ง แต่ต้องรู้จักประสานความเก่งเข้าด้วยกัน รับฟังให้มาก เพราะเมื่อฟังมาก ก็จะได้แนวทางใหม่ๆ ในการพัฒนางาน การรับฟังนั้น ไม่ได้เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราอ่อนด้อย แต่เท่ากับเป็นการเพิ่มพูนทักษะของการฟังมากกว่า ซึ่งการฟังนั้นเป็นทักษะหนึ่งที่ผมได้กล่าวไว้ในหัวข้อ 6 Skills for Knowledge Worker
4 ประการเบื้องต้นนี้ เป็นสิ่งที่บุคลากรต้องพึงตระหนักและตั้งใจทำให้เต็มที่มากที่สุด ก่อนที่จะร้องขออะไรจากองค์กร เพราะเมื่อเราได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ สมน้ำสมเนื้อกับการว่าจ้าง รับรองว่าสิ่งที่ร้องขอ จะติดจรวดตอบสนองอย่างรวดเร็ว ชัดเจน
“จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือนที่ท่านได้รับ แล้วท่านจะพบว่า ท่านได้เงินเดือนมากกว่าที่ท่านทำ” (นโปเลียน ฮิลล์)
ถูกใจจังเลยค่ะ จงทำงานให้มากกว่า เงินเดือนที่ได้รับ
ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากคะ
อ่านแล้วชอบและประทับใจมากคะ