เมื่อวานได้รับแจ้งข่าวจากหอผู้ป่วยในว่าพบผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ให้มาช่วยสอบสวนและควบคุมโรคด้วย รวมทั้งรายงานโรคให้กับฝ่ายควบคุมโรคและระบาดวิทยา เพื่อจะได้ลงพื้นที่ค้นหาผู้ป่วยรายใหม่ ขึ้นทะเบียนการรักษา
เมื่อไปหอผู้ป่วย พบผู้ป่วยแล้ว ซักถาม ประวัติอาการ การรักษา ผู้ป่วยอยู่ในระยะที่โรคกำเริบ มีผื่นนูนแดง และมีรอยโรคชัดเจน ได้ดำเนินการรายงานให้งานระบาดและฝ่ายควบคุมโรคเพื่อดำเนินการต่อไป เพราะว่าประวัติที่ได้บอกว่ามีผู้ที่มีอาการเหมือนกันในบ้าน
ในระหว่างที่กำลังซักถามข้อมูล เกิดความสงสัยว่าผู้ป่วยทำไมไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่มีอาการเริ่มแรก ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดความพิการซ้ำซ้อน
งานนี้ก็ต้องค้นหาข้อมูล การดำเนินงานว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ไม่ใช่ผู้ป่วยในพื้นที่ของโรงพยาบาล เป็นผู้ป่วยในเขตพื้นที่อีกอำเภอหนึ่ง ได้ข้อมูลมาบอกต่อนะคะ ถ้าใครพบผู้ป่วยหรือสงสัยว่าจะมีอาการเข้าได้กับโรคเรื้อน ให้รีบมารักษา เพื่อป้องกันภาวะพิการตามมา การรักษาใช้เวลา 2 ปี
สธ.เปิดรณรงค์รักษาโรคเรื้อนฟรี ตลอดปี 53 แถมค่ารถกลับบ้านอีก 2 พัน
วันที่ 11 มกราคม ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ประธานมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกันแถลงข่าว โครงการรณรงค์รักษาและลดความพิการผู้ป่วยโรคเรื้อน สนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับโครงการควบคุมโรคเรื้อนของประเทศไทยเป็นโครงการ พระราชดำริลำดับที่ 2 เพื่อควบคุมโรคเรื้อนและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ได้รับผลกระทบ นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งรัดการดำเนินงานควบคุมโรคเรื้อนตามแนวพระราชดำริตั้งแต่ปี 2501 จนสามารถกำจัดโรคเรื้อนไม่ให้เป็นปัญหาสาธารณสุขของไทยตั้งแต่ปี 2537 เร็วกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ถึง 6 ปี เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้ป่วยรายใหม่ลดลงเรื่อย ๆ ตั้งเป้าในปี 2558 จะลดจำนวนคนพิการโรคเรื้อนรายใหม่ให้เหลือครึ่งหนึ่งของที่พบในปี 2553 นี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าที่องค์การอนามัยโลกตั้งไว้ร้อยละ 35 มั่นใจว่าไม่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และประชาชนไทย ในการนี้ ยังได้ปรับโครงสร้างหน่วยงาน โดยรวมกองโรคเรื้อน และโรงพยาบาลพระประแดง เป็นสถาบันราชประชาสมาสัย มีฐานะเทียบเท่าสำนัก เพื่อพัฒนาองค์ความรู้วิชาการด้านโรคเรื้อนเป็นการเฉพาะ การ ควบคุมโรคเรื้อนตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ได้ผลน่าพอใจ จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ลดลงจากที่เคยสุ่มสำรวจในปี 2498 ว่ามีประมาณ 140,000 ราย เหลือเพียง 300 คน ในปี 2552 ในจำนวนนี้มีความพิการ 41 คน และขึ้นทะเบียนรักษา 762 คน ซึ่ง 1 ใน 4 อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลสำเร็จเกิดจากการเร่งค้นหาผู้ป่วยในชุมชน ให้การรักษาเร็วขึ้นตั้งแต่เริ่มเป็น ความพิการมีน้อย โดยขณะนี้ใช้สูตรยาใหม่ เป็นยาผสม 3 ชนิด ได้แก่ แดฟโซน (Dapsone) ไรแฟมพิซิน (Rifampicin) และโคลฟาซิมีน (Clofazimine) แทนการใช้ยาแดฟโซนชนิดเดียว ลดระยะเวลารักษาจากเดิม 3-6 ปี เหลือเพียง 6 เดือน-2 ปี ผู้ป่วยรักษาอยู่ที่บ้านกับครอบครัวได้ ไม่ต้องเข้าสถานพยาบาลหรือนิคมโรคเรื้อน ทำให้ประชาชนเข้าใจโรคนี้ดีขึ้น รังเกียจน้อยลง และผู้ป่วยอยู่ในชุมชนได้ "ใน ปี 2553 นี้ กระทรวงสาธารณสุข เร่งค้นหาผู้ที่มีอาการโรคเรื้อนในหมู่บ้าน ใน 45 จังหวัดที่ยังพบผู้ป่วยใหม่ในรอบ 5 ปี ได้แก่ ผู้ที่มีอาการน่าสงสัย คือผิวหนังเป็นวงด่างขาว เป็นปื้น แผ่น ผื่น มีตุ่มนูนแดงหนา ไม่คัน ชา หยิกไม่เจ็บ ให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว รักษาฟรีจนหายขาด ป้องกันความพิการ เพื่อร่วมกันกำจัดโรคเรื้อนให้สำเร็จอย่างยั่งยืนตามพระปณิธานถวายเป็นพระ ราชกุศล" นพ.ไพจิตร์กล่าว ด้านท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ประธานมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอาคารและชื่อสถาบันราชประชาสมาสัย ซึ่งมีความหมายว่าพระมหากษัตริย์กับประชาชนย่อมพึ่งพากันและกัน พร้อมทั้งพระราชทานเงินส่วนที่เหลือจากการก่อสร้าง จัดตั้งมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อให้ร่วมกันพัฒนาศึกษาวิจัยการดูแลรักษา และการสงเคราะห์ผู้ป่วยโรคเรื้อน ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมทำให้งานโรคเรื้อนบรรลุเป้าหมายการกำจัดโรค เรื้อนตามพระราชปณิธาน และในโอกาส 50 ปีของการดำเนินงานตามแนวทางราชประชาสมาสัยที่ได้รับพระราชทาน มูลนิธิ ฯ และกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดงานราชประชาสมาสัย ๕๐ ปีแห่งการสนองพระราชปณิธาน เพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องโรคเรื้อน และผลสำเร็จของโครงการฯ ในวันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2553 ที่ห้างโลตัส ศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่เวลา 11.00 - 20.00 น. |
|||||
ทั้ง นี้ กรมควบคุมโรค ได้นำเครื่องมือที่เรียกว่า โมโนฟิลาเม้นท์ (Monofilament) ลักษณะเป็นเส้นเอ็นมี 5 ขนาด มาใช้ทดสอบอาการชาซึ่งเป็นสัญญาณของความพิการ จากความผิดปกติในการทำหน้าที่ของเส้นประสาทกับผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ทุก ราย เพื่อให้ยารักษาได้อย่างทันท่วงที ลดการทำลายประสาท ป้องกันความพิการถาวร ซึ่งขณะนี้พบในผู้ป่วยรายใหม่ ร้อยละ 14 นอกจากนี้ จะทำการสำรวจผู้ป่วยโรคเรื้อนทั้งรายเก่าและใหม่ เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือทุกด้านทั้งร่างกาย เศรษฐกิจ และสังคม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ด้านนพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ให้ 45 จังหวัดที่มีรายงานพบผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 5 ปี จัดอบรมความรู้เรื่องโรคเรื้อนให้แก่ อสม. เพื่อออกค้นหาผู้ป่วยในชุมชน โดยประสานงานกับองค์การบริหารส่วนตำบล แกนนำชุมชน และช่วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขติดตามการกินยาของผู้ป่วยให้ครบจนหายขาด และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด รณรงค์ให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนในโรงเรียน และเผยแพร่ความรู้ผ่านสื่อท้องถิ่นอย่างต่อเนื่ |
Epidemiology Section,
Khon Kaen Provincial Health Office,
A. Muang, Khon Kaen province,
THAILAND
40000
ข้อมูลเรื่องโรคเรื้อนจากสำนักป้องกันควบคุมโรคที่ 10
http://203.157.45.99/lep10/Know%20lep.html
|
---|
โรคเรื้อน ช่วงที่สามารถติดต่อได้ จะเป็นช่วงไหนนะไก่
เป็นข้อมูลที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากครับ
สวัสดีคะพี่แก้ว
ระยะที่ติดต่อคือระยะที่มีผื่น ตุ่มนูนแดงตามตัว เหมือนในภาพนะคะ ะ เป็นระยะที่โรคกำเริบ ถ้าปกติผู้ป่วยรักษาหายแล้ว ทานยาครบ 6 เดือน จะไม่แพร่เชื้อให้คนอื่นนะคะ
ปกติคนเราจะมีภูมิต้านต่อเชื้อโรคเรื้อนอยู่แล้ว โอกาสป่วยจะน้อยมาก
บอกต่อจะดีนะคะ จะได้ป้องหันความพิการได้ ผู้ป่วยอยู่ร่วมกับสังคมได้ไม่ปัญหานะคะ
กลับมาอ่าน และขอบคุณค่ะ
ตอนนี้มีสูตรยาในการรักษาที่ดีขึ้นนะคะ ใช้ยา 3 ตัว
ระยะเวลาที่เริ่มรักษา ภายใน 2 ปี โรคหายขาด
เริ่มทานยาติดต่อกันภายใน 2 สัปดาห์ ก็จะพ้นระยะที่แพร่เชื้อนะคะ เหมือนวัณโรค
การติดต่อจะต้องคลุกคลีอยู่กับผู้ป่วยเป็นเวลานานมาก ๆ
ผู้รับเชื้อมีระยะฟักตัว 3-5 ปี นะคะ
ถ้าร่างกายเราแข็งแรงดี มีภูมิต้านทานดี
โอกาสป่วยน้อยมาก