- ยิ่งเรียน ยิ่งไม่รู้ เพราะด้วยความไม่รู้นี่เอง จึงต้องอาศัยผู้รู้ช่วยชี้แนะนำทาง วันก่อนได้เสวนากับผู้รู้ ท่านแนะให้ทำทาน ศีล ภาวนาให้มาก
- ที่ผ่านมาชีวิตของผมมีความเข้าใจเกี่ยวกับการทำบุญทำทานน้อยมาก ๆ พึ่งได้มาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่อยเป็นค่อยไปเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง จึงตั้งใจจะใช้ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เร่งทำบุญทำทาน
ประเด็นที่น่าสนใจมีอยู่ว่า ถ้าเรามีเงิน 1000 บาท เราจะทำบุญอย่างไรในช่วงปีใหม่นี้ ?
- ข้อมูลที่ผมเข้าใจเกี่ยวกับการทำทานก็คือ การทำทานเป็นการให้เพื่อฝึกลด ละ ตัวตน ในอีกด้านหนึ่งที่เป็นความเชื่อ (ของคนส่วนใหญ่) การทำบุญทำทานก็มีหลายระดับซึ่งจะได้อานิสงส์ (บุญ) ต่างกัน เช่น ทำบุญกับขอทาน ก็ย่อมได้บุญน้อยกว่าทำบุญกับพระอรหันต์ และ ทาน ได้อานิสงส์ น้อยกว่า ศีล น้อยกว่า ภาวนา เป็นต้น
- บนเส้นทางการฝึกทำทานของมือใหม่ก็เริ่มขึ้น...
- ช่วงหลัง ๆ นี้ ผมเริ่มไม่ค่อยกำหนดกฏเกณฑ์อะไร ๆ ให้มันตายตัวนัก ส่วนใหญ่จะปล่อยให้เป็นไปตามเหตุปัจจัย ครานี้ก็เหมือนกัน ใจลึก ๆ ตั้งใจว่า จะเดินทางไปไหว้พระหลาย ๆ วัด ให้ได้มากที่สุดตามแต่โอกาสจะอำนวย โดยจะทำบุญทำทานบริจาคบำรุงวัดละประมาณ 100 บาท ก็คงได้ประมาณ 10 วัดทำนองนั้น
- ... วันที่ 31 ธ.ค. 2552 เดินทางออกจากบ้านค่อนข้างสายแล้ว ทำให้ไปไหว้พระได้ 2 วัดก็ค่ำแล้ว
- ด้วยความเป็นมือใหม่ที่ตั้งใจเดินทางทำทาน ไปเจอปัจจัยแทรกซ้อนที่ไม่เข้าใจคือว่า
การบูชาวัตถุมงคล (พระบูชา+พระเครื่อง) ในวัดนั้นถือเป็นการทำทานด้วยหรือไม่ ? การบริจาคเพื่อรับดอกไม้ธูปเทียนถือเป็นการทำบุญทำทานด้วยหรือไม่ ?
- สุดท้ายเพื่อผมตัดสินใจแยก งบประมาณ เพื่อการบริจาคทำบุญทำทานตามที่ตั้งใจไว้แต่เดิม กับ การบูชาวัตถุมงคลและดอกไม้ธูปเทียนออกจากกัน
- เดินทางไปพักที่บ้านญาติ ... กำลังฉลองกันเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ทราบข่าวว่า ญาติผู้ใหญ่ที่หมู่บ้านข้างเคียงกันนั้นได้เสียชีวิตลงด้วยโรคชราอายุท่าน 100 ปี 7 เดือน
- ผมก็ขันอาสาขับรถพาญาติ ๆ ไปร่วมงานเพราะวันพรุ่งนี้จะต้องเดินทางไปวัดแต่เช้า
- พอเดินทางไปถึงพบว่า บ้านท่านเป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ เก่า ๆ ที่สร้างมาค่อนข้างนานแล้ว และก็มีเพื่อนบ้านมาช่วยงานอยู่จำนวนหนึ่ง การช่วยเหลือกันนั้น ส่วนหนึ่งก็คือการบริจาคเงินร่วมทำบุญ แต่ถ้าไม่มีเงินหรือมีเงินน้อยก็ช่วยด้วยการช่วยทำงานด้วยแรง ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ผมพบว่า...
- ... ถึงแม้ผมจะเกิดมาเป็นเด็กบ้านนอก แต่ด้วยการที่ต้องเรียนหนังสือ ทำให้ต้องออกจากหมู่บ้านมาตั้งแต่เรียนจบ ป.6 นั่นหมายความว่า ถึงแม้ผมจะเคยไปร่วมงานศพในตอนเด็ก ๆ หลายต่อหลายครั้ง แต่ในความเป็นจริงผมไม่เข้าใจอะไรมากนัก และตอนโตชีวิตส่วนใหญ่ก็อยู่ในสังคมเมืองแล้ว การไปร่วมงานศพ ก็ไปแบบคนไม่มีเวลา แต่มีเงินไปร่วมเป็นส่วนใหญ่...
- ... ผมสังเกตุเห็นว่า งานนี้เป็นงานแรกที่ผมได้เข้ามาสัมผัสงานศพแบบบ้านนอกในฐานะผู้ใหญ่... ที่เริ่มจะทราบว่าอะไรเป็นอะไรมากขึ้น ทำให้สังเกตุเห็น ความมีน้ำใจ การช่วยเหลือกันและกันด้วยใจ (คล้าย ๆ การลงแขกทำนาประมาณนั้น)
- ...ที่ทำให้ผมต้องใคร่ครวญมากขึ้น ผมพบว่า การทำงานศพแบบชาวบ้านนั้น บางทีเจ้าภาพเขาก็ไม่ค่อยจะมีเงินมากนัก น้ำส้ม น้ำแข็ง เครื่องดื่ม อาหาร ทุกจานที่นำมาเสิร์พนั้น ด้วยความเป็นคนเรียนเก่งคณิตศาสตร์ และเคยค้าขายกับแม่ตั้งแต่เล็ก ๆ ทำให้ผมคำณวนต้นทุนแบบอัตโนมัติโดยไม่ได้ตั้งใจ ... ตรงนั้น เวลานั้น การช่วยโดยแรงงานค่อนข้างจะเพียงพอแล้ว แต่ผมว่าที่ตรงนั้น เวลานั้นต้องการเงินเพื่อขับเคลื่อนงานให้บรรลุมากกว่า...
- ... ทำให้ผมย้อนพิจารณากลับมาที่ความตั้งใจเดิม ๆ เรื่องการเดินทางไปทำบุญไหว้พระตามวัดต่าง ๆ การจัดสรรคำณวน งปม. เพื่อการทำบุญ ... รวมไปถึงยอดเงินบริจาคที่ร่วมทำบุญในงานศพครั้งนี้ ...