นอนสบายข้ามปีจนรุ่งเช้าวันแรกของปี 2553 แว่วเสียงโคลกน้ำพริกในครัวก็รู้ว่าวันนี้จะได้กินของอร่อย แม่ครัวใหญ่ประจำบ้านลุกแต่เช้าชวนลูกชาย ลูกสะใภ้ทำแกงขี้เหล็กไปทำบุญวันปีใหม่ ว้า....แกงขี้เหล็ก เละๆ เขาว่ากันว่าขมๆ ไม่เห็นน่ากินเลยแล้วก็ไม่เห็นเคยมีเมนูนี้ขึ้นโต๊ะ ไหง วันนี้แม่นึกอะไรขึ้นมา โอว...เพราะน้าเพียรหอบใบขี้เหล็กมาฝากจากนครปฐมแม่นึกสนุกชวนลูกสะใภ้ทำแกงขี้เหล็กใส่ปิ่นโตไปถวายพระ
แม่พาลูกๆหลานๆไปวัด คราวนี้ตัวเองขอรับหน้าที่อยู่โยงทำโน่นทำนี่เพลินท้องร้องเปิดตู้กับข้าวก็ มีแต่แกงขี้เหล็ก ถึงไม่ชอบก็ลองแก้หิวไปก่อนแล้วกัน อา...อร่อย เนื้อขี้เหล็กหวานมันเผ็ดกลมกล่อมไม่ขมอย่างที่คิด
ถามไถ่วิธีทำก็รู้ว่าเริ่มจากตำพริกแกงโดยใช้พริกแห้งเม็ดใหญ่ หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูดโคลกรวมกันใส่เกลือใส่กะปิเล็กน้อย ทีนี้ก็เอาปลาช่อนย่างแกะเนื้อปลาใส่ลงไปในน้ำพริกตำให้เข้ากัน ตำกระชายให้ละเอียดและคั้นน้ำไว้ คั้น้ำกะทิแยกหัวและหางกะทิ เอาใบขี้เหล็ก ยอดอ่อน ดอก ต้มน้ำเปล่าโดยเทน้ำทิ้ง 2-3 น้ำแล้วนำมาตำหยาบๆ
ตั้งหม้อเอาหางกะทิใส่ผัดกับพริกแกงที่ใส่ปลาย่างคนให้เข้ากันแล้วค่อยเติมหางกะทิลงไปทีละน้อยๆใส่ขื้เหล็กที่ตำไว้และใส่เนี้อและน้ำกระชาย พอพริกแกงหอมก็ใส่น้ำกะทิที่เหลือให้มีความข้นพอประมาณ ใส่น้ำปลา ใส่หัวกะทิ เมื่อเดือดแล้วยกขึ้นชิมรส ให้มีรสเผ็ด เค็ม และหวานมันจากหัวกะทิ
ถ้าบ้านไหนชอบหมูก็ใส่หมูย่างหั่นบางๆพอคำลงไปเพิ่มความอร่อย ต่อไปนี้ขอเปลี่ยนใจยกให้แกงขี้เหล็กเป็นเมนูโปรดอีกจาน
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
สวัสดีค่ะ