เก็บมาเล่าหลังมีโอกาสเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่ม


เราต้องหัดทำงานเป็นทีม

เก็บเอามาเล่าหลังมีโอกาสไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่ม

จังหวัดอุตรดิตถ์ ๒๔-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๙

                                เวลาประมาณ 22.00 น. นั่งติดตามข่าวสารบ้านเมืองทางโทรทัศน์เห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านอุตรดิตถ์ ได้รับโทรศัพท์หัวหน้าฝ่ายการพยาบาลนึกว่ามี diarrhea ระบาดรอบสอง แต่คำสั่งด่วนบอกให้เราเก็บข้าวของด่วนเตรียมทีมไปช่วยงานที่อุตรดิตถ์ เย้!!!! อยากจะร้องเย้ด้วยความดีใจที่มีโอกาสมากกว่าดูข่าว คำสั่งต่อมาอุปกรณ์เดินป่าทั้งหลายแหล่ที่มีอยู่ให้จัดเตรียมให้พร้อมเก็บข้าวของลงพกลงห่อเรียบร้อยก็มาเจอกันที่โรงพยาบาลเลย อีกคำสั่งมีเงินก็เอาติดตัวไปด้วยเด้อ  อารามดีใจจะได้ไปเป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ปลุกพ่อมาบอกว่าในชีวิตนี้มีโอกาสได้มีราชการด่วนแล้วพร้อมขอเงินสนับสนุนการทำงานจากพ่อ มาถึงโรงพยาบาลเวรก็กำลังยุ่งมีอุบัติเหตุ กินยาฆ่าแมลงและผู้ป่วยโรคหัวใจเจ็บหน้าอก เรียกเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งมาช่วยกันจัดของเตรียมไปช่วยผู้ประสบภัยเต็มที่ วางแผนทั้งยาฉุกเฉิน-จำเป็น ตลอดจนอุปกรณ์การแพทย์ที่คาดว่าจะได้ใช้  เราเตรียมอุปกรณ์ในช่วงระยะอันสั้นดังนี้
·       กระเป๋าเล็กใส่ยา
·               กระเป๋าใหญ่ใส่อุปกรณ์การแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดัน ปรอท อุปกรณ์ทำแผล เครื่องมือปฐมพยาบาล
·       กล่องใหญ่ใส่ยาและเวชภัณฑ์ ตลอดจน ถุงมือ เอี๊ยมพลาสติก ถุงดำ ซองยา ฯลฯ
·       กระเป๋า ambubag เอาติดไปเป็นยันต์กันคนไข้หยุดหายใจ
·       เต้นท์และถุงนอน
·       อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ลูกอมรวมถึงน้ำดื่มสะอาดสำหรับ 5 คน 3 วัน
·       อุปการสื่อสาร มือถือ วิทยุ และ walky talky
เอาเป็นว่าพวกเราพร้อมจะทำงานทุกสถานการณ์และนอนได้ทุกที่ ทีมที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ 5 คน มีแพทย์  พยาบาล พนักงานขับรถและเปล ตระเตรียมข้าวของพร้อมพรักก็ไปหลับนอนสักหนึ่งตื่นเริ่มออกเดินทางเช้าๆ ของวันที่ 24 ด้วยรถกระบะ 4 ประตู
          ระหว่างเดินทางก็จิตนาการความเสียหายของภัยธรรมชาติ วางแผนทำงานและปลุกใจทีมให้ฮึกเหิมพร้อมทำงาน เข้ารายงานตัวที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ เขามีศูนย์อำนวยการแจกงานให้กับทีมที่เข้าไปช่วยเหลือ ทีมของเราได้รับคำสั่งให้ไปช่วยโรงพยาบาลท่าปลาซึ่งมีพื้นที่ ต.น้ำต๊ะ และ ต.น้ำลี ที่ประสบภัย ก่อนหน้านี้โรงพยาบาลอ่างทองได้จัดทีมผ่าตัดล่วงหน้าไปโรงพยาบาลท่าปลาแล้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าปลาและเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งก็เป็นผู้ประสบภัยเช่นกัน โรงพยาบาลท่าปลาจัดทีมเข้าไปในพื้นที่ ต.น้ำต๊ะ แล้ว โรงพยาบาลอ่างทองไปจัดตั้งหน่วยที่ใกล้พื้นที่เกิดเหตุมากที่สุดเท่าที่รถจะเข้าไปได้ ทีมโรงพยาบาลแสวงหาได้รับคำสั่งให้ standby ที่โรงพยาบาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าปลาให้เตรียมใบชัณสูตรศพ ให้ออกใบรับรองการตายเมื่อสามารถ identify ผู้ตายได้เท่านั้น หากไม่สามารถ identify ทีมแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์จะเข้ามาดำเนินการต่อ ทางอำเภอจัดให้ศพที่ไม่มีญาติมารับรวมไว้ที่วัดเดียวกันมีการรวบรวมโลงเย็นมาจากหลายๆวัดเพื่อใช้ในการณ์นี้ สถานการณ์ในพื้นที่เกิดเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด เนื่องจากทางขาด สะพานขาด มือถือใช้ไม่ได้ การติดต่อทางวิทยุกับในพื้นที่เกิดเหตุใช้ไม่ได้ ต่อมามีหน่วยกู้ชีพนเรนทรจากจังหวัดสุโขทัยและโรงพยาบาลบ้านโคกก็ส่งทีมเข้ามาอีก เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเดินเท้าเข้าไปในพื้นที่ต้องลุยโคลนประมาณใต้เข่า ข้ามเขาสูง เพื่อเข้าบ้านน้ำต๊ะ ส่วนบ้านน้ำลีสะพานขาดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซมคอสะพานที่ขาดเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุที่เสียหายได้ระดับหนึ่ง แต่มีสะพานที่ขาดแบบว่าถูกน้ำพัดไปทั้งตอหม้อและตัวสะพานยากเกินกว่าจะซ่อมแซมในระยะเวลาอันสั้น ช่วงเย็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเข้าไปดูพื้นที่ทีมเราก็ขอตามติดเข้าไปด้วยเนื่องจากที่โรงพยาบาลไม่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน พบโรงพยาบาลอ่างทองที่ตั้งหน่วยอยู่มีผู้รับบริการเป็นชาวบ้านละแวกนั้นจำนวนหนึ่งยังไม่ใช่ผู้ประสบเหตุตัวจริงแต่อย่างไรก็ตามเราพร้อมให้บริการอยู่แล้ว มีการลำเลียงอาหารและน้ำสะอาดข้ามลำห้วยที่น้ำลดระดับจนสามารถเดินข้ามได้แล้ว ชาวบ้านก็เอารถอีแต๊กมารับเข้าหมู่บ้านน้ำลี วันนี้ยังไม่เห็นความเสียหายเท่าไร กลับมานอนที่โรงพยาบาลท่าปลา เขามีข้าวกล่องและให้พักที่แฟลตพยาบาลว่างเอาเป็นว่าวันนี้ผ่านไปแบบไม่ลำบากลำบนเท่าไรนัก ทีมโรงพยาบาลอ่างทองพักที่เขื่อนดินของการไฟฟ้าโทรศัพท์มาให้เราประสานงานกับโรงพยาบาลท่าปลาเพื่อให้เตรียม T.T. เพื่อเข้าพื้นที่พรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้มีแต่การแจกยาและทำแผลเท่านั้น เพื่อไม่ให้มาม่าที่เตรียมมาไม่เป็นหมันก็จัดการเสียส่วนหนึ่ง เต้นท์กับถุงนอนที่เตรียมมาเก็บไว้ก่อน อาบน้ำอาบท่า รายงานสถานการณ์ให้ชาวแสวงหารับทราบก็เข้านอนแต่หัวค่ำหวังว่าวันพรุ่งนี้จะมีอะไรให้ทำเต็มที่
                      เช้าวันที่ 25 พ.ค. 49 โรงพยาบาลท่าปลาเตรียมข้าวต้มและกาแฟให้ แต่ด้วยความเสียดายมาม่าพวกเราก็ยังยืนยันจะใช้เสบียงที่เตรียมมา วันนี้มีการแบ่งงานคร่าวๆ กับเจ้าภาพโดย ทีมหน่วยกู้ชีพนเรนทรโรงพยาบาลสุโขทัยจะเข้าบ้านน้ำต๊ะ โรงพยาบาลอ่างทองจะเข้าบ้านน้ำลี ส่วนโรงพยาบาลแสวงหาให้ตั้งหน่วยอยู่ตรงสะพานขาดกับรถพยาบาล ขัดความตั้งใจอยากลงพื้นที่และความพร้อมของพวกเราจริงๆ แต่หมอหน่อยบอกว่าเราต้องหัดทำงานเป็นทีม เอ้าให้อยู่เราก็จะอยู่ ทีมหน่วยกู้ชีพนเรนทรโรงพยาบาลสุโขทัยและโรงพยาบาลอ่างทองไปหาซื้อรองเท้าและกางเกงใหม่เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ ทีมแสวงหาไม่ต้องเตรียมอะไรเพิ่มเราจึงตลุยเข้าไปพื้นที่ทันที เราเริ่มรู้สึกว่ามีรถผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่จำนวนไม่น้อยทางจะเป็นปัญหาจราจรในอนาคตอันใกล้ จอดรถเสร็จเราก็ขนข้าวของอุปกรณ์มาให้บริการชาวบ้านที่ศาลาแถวๆ นั้นทันที มีชาวบ้านรับการรักษาจำนวนหนึ่ง เราส่งพขร.ไปตีสนิทรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่พยายามข้ามห้วยเอาอาหารและน้ำดื่มเข้าบ้านน้ำลีเพื่อขอติดรถเข้าหมู่บ้านด้วย เขายินดีให้เราไปด้วย ถ้าอ่างทองมาไม่ทันเราจะสวมรอยเข้าพื้นที่แทนทันที ขณะนั้นรถ OB ช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณก็เข้ามาถึงจุดนั้นพอดี นักข่าวไอ้หนุ่มหน้าใส(หมอหน่อยตั้งให้) คงจะเล็งแล้วว่าพวกเราหน้าตาดีเข้ามาสอบถามข้อมูลว่าทีมเรามาจากไหน เป็นโอกาสที่เราจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวไทยรู้จักชาวแสวงหาก็ตอบไปอย่างเสียดังฟังชัดก็ไม่วายเหมือนรายอื่นถามกับมาว่า ฮ้ะ? โรงพยาบาลอะไรนะ ถ้าใครดูข่าวคงได้ยินชื่อโรงพยาบาลแสวงหาชัดๆ (ภูมิใจนะจะบอกให้) และแล้วทีมโรงพยาบาลอ่างทองก็มาถึงเราจำใจต้องบอกว่าติดต่อรถขับเคลื่อน 4 ล้อไว้ให้แล้ว ผ่านไปสัก 2 ชั่วโมงก็ไม่มีใครให้เราช่วยแล้ว พอดีกับน้องจาก สอ.ข้ามมาขอยาเพิ่มเติมเราจึงเสนอตัวข้ามไปช่วยด้วย เดินข้ามสะพานไม้ไผ่ชั่วคราวไปเดินไปอีกประมาณ 1 กม. ก็เจอสะพานขาดอีกหนึ่งแห่ง ต้องเดินข้ามสะพานชั่วคราวและเดินไปอีก 1 กม. ถึงหมู่บ้าน คราวนี้เราเห็นสถาพความเสียหายชัดเจน บ้านบางส่วนพังเสียหายเข้าไปอยู่ไม่ได้เลย บางบ้านไม่เหลือแม้แต่เสา สถานีอนามัยถึงน้ำท่วมสูงประมาณ 1.5 เมตรแต่ลดลงไปแล้วเหลือแต่โคลนมากกว่า15 เซนติเมตร เดินต่อไปที่วัดน้ำลีชาวบ้านตั้งเป็นศูนย์รับบริจาค และทีมโรงพยาบาลอ่างทองตั้งหน่วยอยู่ เราจะเดินเข้าหมู่บ้านกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เชื่อไหมมีคนมาบริจาคเพื่อเอาหน้า แต่งตัวสวยงาม แจกของแล้วถือป้ายถ่ายรูป โอ้.....อนาถหนอคน แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยชาวบ้านก็ยังพอได้ประโยชน์ แต่สิ่งที่เราเห็นเหนือจากนั้นคือ มีคนหลั่งไหลมาจากไหนไม่รู้เดินมาเพื่อดูความฉิบหายของชาวบ้านและพร้อมรับของแจกกับเขาด้วย นอกจากนั้นยังมีการเวียนเทียนรับของ หากเจ้าหน้าที่ถามจะบอกทันทีว่ายังไม่ได้อะไรเลย ช่างมันเถอะกับมาเดินทางเข้าหมู่บ้านกันดีกว่า เราเอายาตำราหลวงไปแจกให้ชาวบ้านเพื่อใช้ในยามจำเป็น มีสะพานขาดอีกแห่งเดินข้ามสะพานไม่ไผ่ชั่วคราว ตรงนี้เห็นความเสียหายจำนวนมากบ้านมากกว่า 15 หลังคาเรือนหายไปกับสายน้ำสีโคลน เราเริ่มแจกจ่ายยาและเสนอบริการถึงบ้านพร้อมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่สำรวจความเสียหาย เราตะกายข้ามเขาหนึ่งลูกไปถึงบ้านน้ำต๊ะใต้ มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งนั่งดูทหารทำงานทีมเราก็แจกยาและซักถามข้อมูลแล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านที่เหลืออยู่ผ่านซากทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า มอเตอร์ไซค์ เจอชาวบ้านมีแผลที่ทำแผลแล้วมียาแล้วยังไม่ได้ฉีด T.T. ก็จัดการฉีดยาให้พร้อมคำแนะนำอีกกระบุงโกย ขากลับเจอ นพ.สสจ. ที่เดินเท้าเข้ามาดูพื้นที่มีโอกาสพูดคุยแสดงความคิดเห็นกันพอประมาณท่านให้น้องที่อยู่สอ.น้ำลีเอาข้อมูลจาก family folder มาใช้ประโยชน์ในการสำรวจผู้สูญหาย การเจ็บป่วยและใช้อ้างอิงกับหน่วยงานอื่น ระหว่างทางมีการค้นหาศพโดยสุนัข ยังไม่รู้ว่าศพอยู่ลึกแค่ไหน นพ.สสจ.บอกว่าอย่าลืมให้ใช้วิธีการจุดธูปและถามหมอผีชาวบ้านด้วย ขณะที่จะข้ามสะพานกลับมีหมาตัวหนึ่งพยายามจะเดินข้ามสะพานแต่มันทำท่ากลัวๆ กล้าๆ ท่านบอกว่าท่าทางมันจะเจ็บขาจึงอุ้มมันข้ามสะพานพอวางลงเท่านั้นเองมันก็วิ่งป๋อ  เจ้าหน้าที่สำนักควบคุมโรคระบาดก็เข้ามาในพื้นที่แจกถุงเท้ายางป้องกันโรคระบาดที่มากับน้ำให้ชาวบ้านด้วย เราเดินเท้ากลับมีชาวบ้านที่ตากแดดทั้งวันเพื่อกู้ความเสียหายมีอาการคล้ายตะคริว หน้าซีดและมือจีบ แพทย์ที่เดินทางไปด้วยคาดว่าน่าจะเป็น Hit stork ทาถูนวดก็ยังไม่ดีขึ้น ใช้กรวยกระดาษครอบจมูก เตรียมเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาล เริ่มเป็นจุดสนใจของหลายคน ทหารเสนอจะเรียกเฮลิคอปเตอร์ให้ แต่เราว่าไม่คุ้ม เพราะว่าเรามีรถ ambulance จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามมีอุปกรณ์และยาครบ  ตกลงเอาคนไข้ขึ้นรถ อุ้มข้ามสะพาน ไอ้ walky talky ที่เราเตรียมมาได้ใช้ประโยชน์แล้ว สั่งให้เตรียมรถพยาบาลออกมาที่ถนน เอา hard broad และ emergency bag ออกมาเลย เรากลับไปที่จุดนัดพบ ทีมสุโขทัยกลับมาจากบ้านน้ำต๊ะแล้ว กลับถึงโรงพยาบาลท่าปลาเจ้าภาพเตรียมอาหารและเครื่องไว้ให้ หายเหนื่อยแล้วค่ะ ก่อนนอนคือนพวกเราอัด brufen และ mydoclam ตามแบบคนรู้ดี เอาละพรุ่งนี้อีกหนึ่งวันเพราะได้รับคำสั่งว่ากลับแน่เนื่องจากมีทีมเสริมจากหน่วยงานอื่นมาแล้ว
ป.ล. มีใครบางคนคับแค้นอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่าไม่รู้เอาสีเขียนที่หมาขาวว่า ที่นี่ไม่ต้อนรับคนตอแหลจ้ะ เราแอบถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานเสียดายภาพที่ถ่ายได้ไม่ชัดเจนไม่งั้นจะฟ้องด้วยภาพ
            วันที่ 26 พ.ค. 49 เช้านี้ท้องฟ้าแจ่มใส อ่างทองจะเข้าบ้านน้ำลีเหมือนเดิมเพราะทีมสุโขทัยจะเข้าน้ำต๊ะเขาทิ้งของไว้แล้ว ทีมแสวงหาจะเข้าน้ำต๊ะด้วยเนื่องจากความเสียหายทางด้านนี้มากกว่า เราถึงจุดนัดก่อนใครอีกแล้วเจอรถ GMC ของทหารเตรียมขนของขึ้นไป เราก็ไปขออาศัยเขาตามฟอร์ม ทหารยินดีให้เราไปด้วย เราเตรียมเสบียงใส่กระเป๋าเล็ก ส่วนกระเป๋าใหญ่ใส่ทุกอย่างที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้เดือดร้อน ทางที่ไป ลื่น ชันและไกล พอถึงบ้านน้ำต๊ะเจอทีมสุโขทัยเขาขึ้นมากับเฮลิคอปเตอร์ก่อนเรา เราเสนอตัวเดินเข้าไปหมู่บ้านอีกแล้ว เริ่มมีชาวบ้านตาแดงแล้ว ด้วยความพร้อมของทีมเรามียาหยอดตามาด้วยแบ่งให้ทีมสุโขทัยไว้แจกผู้ป่วยบ้าง เดินต่อเข้าไปพบว่าชาวบ้านเขารวมกันอยู่ที่ศาลา(อดีตเป็นบ้านที่เหลือแต่หลังคา) มีหน่วยแพทย์ทหารจากค่ายนเรศวรมาตั้งอยู่แล้วเราก็เข้าไปร่วมแจมทันที หมอหน่อยช่วยตรวจ เรารับหน้าที่ screen และช่วยทำแผล วันนี้ ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ นักการเมืองท้องถิ่นก็มาเตรียมต้อนรับ ไม่วายหาเสียงด้วยการบอกชาวบ้านว่าเขาขอบ้านจากกองทัพให้แล้ว หากพอใจให้ปรบมือดังๆ โอ้...อนาถจิตอีกแล้ว ชาวบ้านเขาทุกข์โศกยังจะให้เขาปรบมือกันอีก ไม่ใช่เฉพาะเรานะที่รู้สึกแบบนี้ชาวบ้านที่กำลังตรวจกับหมอก็บอกว่าวันๆ ไม่ได้ทำอะไรได้แต่ปรบมือ เท่านั้นยังไม่พอยังหามุขตลกมาพูดอีกแน่ไหม บ้านน้ำต๊ะเข้ามายากกว่าบ้านน้ำลีก็ยังมีหลั่งไหลมาจากไหนไม่รู้ทั้งเดินมาจากบ้านน้ำลีเหมือนเราเมือวานนี้และขับมอเตอร์ไซค์มาทางที่เรามากับรถ GMC เพื่อดูความฉิบหายของชาวบ้าน เหนื่อยไม่มีน้ำก็มาขอแบ่งน้ำที่ทหารอุตส่าห์ขนส่งทางเครื่องบินมาให้ชาวบ้าน สภาพความเสียหายที่นี่หากจะให้คำว่าราบเป็นหน้ากลองคงจะเห็นภาพพจน์ การค้นหาศพยังยากลำบาก ลำพังอาศัยกลิ่นก็สับสนกับกลิ่นซากสัตว์ สุนัขดมกลิ่นก็ลำบากเพราะส่วนใหญ่จะถูกฝังลึกต้องอาศัยเครื่องจักรช่วยรื้อ นอกจากคนไข้แล้วยังมีสุนัขไข้ด้วยมันขาหัก ก็เลยมีใครบางคนใจดีใส่เผือกให้มันด้วย เราก็เลนมีภาพสุนัขไข้กลับมาด้วย สิ่งที่เราไม่คาดคิดคือว่ามีชาวบ้านถามหายาคุมกำเนิด ใครละจะไปคาดคิดว่าจะมีคนถามหาแถมบางคนยังคิดดังๆในใจว่า เฮ้ย! หน้าสิ่วหน้าขวานยังนี้ยังคิดจะมีอะไรกันอีกเหรอ แต่เราคิดดีนะเราคิดแค่ว่าชาวบ้านเขาเคยกินประจำหากมีให้ก็จะได้ไม่ต้องคิดต่อว่าจะเริ่มกินเมื่อไรดี อย่าเอาประสบการณ์ของตนเองมาตัดสินคนอื่นแบบนั้นสิ มีชาวบ้านหลายคนที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง เบาหวาน ยาหายไปกับน้ำแล้วการเตรียมยาโรคเรื้อรังไปบ้างก็ดี เราวัดความดันเจอผู้ป่วยความดันสูงแม่อาการทั่วไปปกติก็ได้แต่แนะนำว่าให้พักผ่อนอย่าเครียดกับเหตุการณ์ทีเกิดมากนัก(พูดง่ายแต่ทำยากเนอะ) เปิดบริการสักพักไม่มีคนไข้หน่วยทหารเตรียมกลับฐานทางเฮลิคอปเตอร์ เขาก็ถามตามมารยาทว่าเรากลับอย่างไร เราก็ตีหน้าเศร้าบอกว่าคงจะโบกรถลงไปเหมือนขามาและวันนี้ต้องกลับอ่างทองแล้ว เขาก็คงชวนตามมารยาทว่ากลับกับผมไหม เข้าทางทันทีขอโดยสารกลับด้วย 5 คนเด้อ เราเลยมีภาพถ่ายมุมสูงมาฝากญาติพี่น้องจะเห็นภาพความเสียหายชัดเจนขึ้น กลับถึงโรงพยาบาลท่าปลาอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก็ไปร่ำลาเจ้าของบ้านพร้อมกับทีมสุโขทัยที่น้ำกำลังปริ่มหลังโรงพยาบาลเหมือนกัน
บอกตรงๆ ว่าภารกิจครั้งนี้ไปช่วยด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งแต่ก็หวังไม่อยากให้มีความเสียหายแบบนี้อีก
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 32276เขียนเมื่อ 31 พฤษภาคม 2006 08:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤษภาคม 2012 12:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • มาเยี่ยมครับ
  • ขอบคุณครับ ทางนครศรีฯ ตอนนี้จ่ายเงินช่วยเหลือภัยธรรมชาติ ปี๔๘ อยู่ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท