พี่ด้า..เลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้


“เพราะชีวิตเธอเกิดยาก อย่าเกิดมาแค่ตาย”
 ใช้แสงแห่งความดีนำพา ศรัทธานำทาง กับการทำงานของเธอคนนี้ค่ะ

พี่ด้า สุกานดา เมฆทรงกลด

คงจะจำพี่ด้า หรือพี่ สุกานดา เมฆทรงกลด พี่หัวหน้าหอผู้ป่วย ICU รพ.พิจิตร  จ.พิจิตรที่พอลล่าเคยเล่าเรื่อง CQI ชีวิตไปแล้วนะคะ หลังจากทีมงานถอดบทเรียนรับฟังเรื่องราวการทำงานด้วยหัวใจของพี่ด้า ที่อดทน รักและทำเพื่อคนไข้และครอบครัว การมองผู้คนอย่างเข้าใจเข้าถึงความรู้สึก การมุ่งมั่นในการทำงานของตนเองอย่างไม่ย่อท้อ จากวันนั้น จนวันนี้ พี่ด้าใช้เวลามาไม่น้อยทีเดียวที่จะทำให้คนหันมามองงานที่งดงามของพี่ด้า....วันนี้ขอมาเจาะลึกชีวิต ความเป็นมาของพี่ด้า ชีวิตและประสบการณ์ในวัยเยาว์ของพี่ด้าที่น่าเรียนรู้ และน่าประทับใจมากๆค่ะ พอลล่าฟังไปร้องไห้ไปเพราะบางช่วงตรงกับชีวิตจริงของเรา...ขอนำมาแบ่งปันเพื่อเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่เหนื่อยและท้อกับงานนะคะ

ใช้แสงแห่งความดีนำพา ศรัทธานำทาง

พี่ด้า เป็นลูกคนที่ ห้า ของพ่อแม่ที่เป็นคนจีนร้อยเปอร์เซ็นต์ พี่ด้าเล่าให้ฟังว่า เกิดในขณะที่พ่อไม่ต้องการมีลูกแล้ว แม่ต้องการทำหมัน แต่เตี่ยไม่ยอมทำเพราะกลัวจะไม่แข็งแรง ตอนท้องแม่เครียดมาก มีอาการแพ้อย่างรุนแรง ทานเนื้อสัตว์ไม่ได้ เหม็นคาวปลามาก กินผักต้มได้อย่างเดียว ไม่สามารถทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้เลย คิดว่าแม่คงอุ้มท้องด้วยความเครียดตลอด แม่คลอดที่รพ.บางมูลนาก นพ.พยุง ทำคลอดให้ เมื่อคลอดออกมา เป็นเด็กตัวเล็กมากๆ น้ำหนักน้อยกว่า 1000 กรัม (ไม่แน่ใจว่าครบกำหนดหรือไม่) หน้าเล็กกว่างบน้ำอ้อย(แค่ไหน ไม่ทราบค่ะ แต่คงเล็กมากเลย) คล้ายๆลูกกรอก ชาวบ้านคิดว่าเป็นลูกกรอกที่ไม่ตาย หมอที่ทำคลอดแนะนำว่าเด็กตัวเล็กมาก ให้ไปเข้าตู้อบเด็กที่ รพ.พิษณุโลก เพราะ รพ.พิจิตรไม่มีตู้อบเด็ก แต่เตี่ยไม่อนุญาตให้ไป เตี่ยบอกอย่างแข็งกร้าวว่า ”ตายฝังยังเลี้ยง ไม่ต้องพาไปรักษา”  แต่แม่รู้สึกว่าลูกต้องไม่ตาย แม่เอาลูกกลับมาอาบน้ำ เห็นลูกตัวเล็กมากตกร่องขาแม่ ชัก แต่ไม่ตาย แม่รู้เลยว่าอาบน้ำลูกไม่ได้ ต้องห่อตัวไว้ นมก็กินไม่ได้ เพราะหัวนมแม่ใหญ่กว่าปาก แม่จึงต้องบีบน้ำนม สมัยนั้นไม่มีหลอดหยด แม่จึงใช้บีบนมใส่แก้ว จุ่มสำลีแล้วให้ดูด แม่เรียนจบป. 2 แต่พยายามทำให้ลูกดูดนมได้ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่สำเร็จ(สมัยนี้เรายังรณรงค์ให้เด็กกินนมแม่กันอยู่เลยค่ะ ซึ่งทำยากพอ ควรเลย)เรื่องตัวเล็กนั้น เตี่ยไม่ให้ไปเข้าตู้อบ แต่แม่ก็กลัวลูกตาย แม่จึงไปถามหมอว่าตู้อบเป็นอย่างไร หมอบอกว่าเป็นตู้สี่เหลี่ยม  มีไฟ แม่จึงเอากล่องนมตราหมีมาแล้วตัดช่องเอาไฟหลอดมาส่อง ขนาดสามแรงเทียน ชาวบ้านมักจะมาดูว่าลูกกรอกตายแล้วหรือยัง พี่ด้าโตมาด้วยนมข้นหวานที่ห้ามใช้เลี้ยงทารก 

ตั้งแต่เด็กพี่ด้าไม่ได้เล่นเหมือนเด็กคนอื่น เพราะมีปัญหาโรคหัวใจ cardiac arrthymia (หัวใจเต้นผิดจังหวะ) ต้องรับประทานยาที่ศิริราชเป็นประจำ เดินทางจากพิจิตรไปเอารองเท้าไปจองคิวตรวจที่รพ.ศิริราชตั้งแต่เช้ามืดเป็นประจำ ทำอย่างนี้จนเรียนพยาบาล  ตอนเด็ก เข้าโรงเรียน ก็มีอาการสามวันดี สี่วันป่วย บางครั้งไม่ได้สอบ จนต้องมาเรียนคู่กับน้องสาว เพราะเราตัวเล็ก น้องตัวใหญ่ พี่ด้าเป็นนักเรียนที่ถูกดูแลแบบเด็กป่วยมาตลอด พี่น้องเล่นกัน เล่นตี่จับ พี่ด้าไม่เคยเล่น เพราะเหนื่อย ได้แต่ดูเขา แต่ก็ไม่รู้สึกเหงา เพราะได้โอกาส ในการอ่านหนังสือ พี่ด้าบอกว่า...”เป็นสิ่งที่วิเศษมากที่ได้อ่านหนังสือ” ได้เงินมา เอาไปซื้อหนังสืออ่าน ตั้งแต่เล็กจนโตแม่จะตีด้วยเรื่องเดียว คือเอาเงินไปซื้อหนังสือ แม่บอกว่าให้เอาเงินไปซื้อของกิน หนังสือกินไม่ได้ พี่ด้าจึงคิดอุบายทำให้หนังสือเก่า เพื่อที่จะได้อ่านหนังสือ เอาหนังสือมาให้เพื่อนเช่าหนังสือ ถ้าเพื่อนไม่มีเงิน เอายางวงมาแลกหนังสือได้ (หัวการค้าตั้งแต่สมัยประถมแล้ว..)

ทุกๆเปิดเทอม แม่จะจูงมือพี่ด้าไปพบครูใหญ่ ว่าขอไม่เล่นพละ คุณครูก็ไม่ว่าอะไร ก็เพราะป่วย จึงห้ามวิ่ง แต่พี่ด้าอยากเล่น ไม้หึ่ง แต่หึ่มไม่ได้ ไปขอเป็นตัวแถม ก็ไม่ได้ เล่นกีฬาไม่ได้ เชียร์ไม่ได้ วันที่ปรับตัวได้ ขอมาพากษ์กีฬา ไม่ได้เพราะเครียด พี่ด้าไม่เข้าใจกีฬา เรียนมาก็ไม่เคยเล่นกีฬา ชีวิตพี่ ต้องเอาชีวิตรอดมากกว่าเราต้องพูดจาดีไว้ก่อน พี่ด้าเป็นเด็กปากหวาน มักชอบนั่งหน้าบ้าน “เมื่อแม่ค้าเอาของมาขาย จะทักทุกคน อย่างเสียงหวาน ป้า ขา แกงอะไรคะ คิดว่าเป็นต้นทุนของเรา” พี่น้อง ไปเล่น แต่ เราจะไปดูแลอาแปะ ที่เป็น CVA ข้างบ้านรู้สึกว่าสงสาร เราเข้าใจเขา ไปถามว่ากินอะไร ปากหวานจะไปซื้อให้ เพราะเราก็เป็นคนป่วยเหมือนกันจึงเข้าใจเขาดี

หมู่บ้านที่อยู่เป็นหมู่บ้านคนจีน ไม่กี่ครอบครัวที่เป็นคนไทย ยายผันป่วยเป็นวัณโรค ชาวบ้านรังเกียจ แม่ๆจะสั่งลูกไม่ให้ไปพูดคุยกับยายผัน แม่สั่งไว้ว่าถ้าไปจะตี พี่ด้าแอบไปบ้านยายผัน เห็นสภาพบ้านสิ่งแวดล้อมที่มืดทึบไม่เปิดหน้าต่าง ซุกตัวอยู่ในบ้าน ครอบครัวยายผันมีอาชีพขายขนม แต่ขายไม่ได้เพราะคนรังเกียจ ยายผอมมาก พี่ด้าไม่กลัว เพราะยายผันชอบเล่านิทาน ยายผันเล่าเก่งมาก พี่ด้ารู้จักวิธีป้องกันการติดต่อทางลมหายใจตั้งแต่เล็ก ให้ยายผันนั่งข้างใน พี่ด้านั่งข้างนอก นั่งต้นลม เข้าไปคุยกับยายผัน เห็นว่าเขามีความสุขที่ได้คุยกับยาย

 

พี่ด้า คิดว่าสิ่งที่พบมาตั้งแต่เด็กมีผลต่อการทำงานวันนี้ พี่ด้าจะเล่าให้เพื่อนฟัง จากนิทานเรื่องที่ไปฟังยายผันมา หรือจากการที่ไปอ่านหนังสือมา ตอนเด็กๆมักจะโดนดุ เพราะครูว่าชอบคุยให้เพื่อนฟัง ชอบเล่านิทานจากแม่ จากยายผัน จากการอ่าน คิดว่ายายผันเป็นคนที่ดึงดูดน่าสนใจ เพราะเล่านิทานเก่ง  พี่ด้าชอบรู้จักสร้างสัมพันธ์กับคน เป็นคนรับผิดชอบ เพราะพี่ด้าเรียนคู่กับน้อง เรียนคู่กัน รู้สึกกดดัน ใส่ชุดเหมือนกัน หน้าตาเหมือนกัน สุกัญญญา สุกานดา เกิดการแข่งขันในชีวิต เรียนแพ้น้อง พ่อแม่จะว่า เตี่ยมักจะพูดด้านลบ เพราะพูดภาษาไทยไม่เก่ง เตี่ยเคยถามว่า”มีปัญญาไหมที่จะเรียนให้ชนะน้อง” แต่เวลาชนะน้อง เตี่ยบอกว่า ธรรมดา ถามอยู่ในใจ ว่าเรียนพร้อมกันทำไมต้องชนะ เราเรียนบ่างวิชาแพ้ ทำไม น้องทำการฝีมือไม่ได้ เราต้องทำให้ แต่น้องไม่โดนว่า เราต้องทำให้ เพราะเราเป็นพี่ เราต้องทำงานสองชิ้น มาวันนี้ เรารู้สึกว่า ความกดดันวันนั้นคือโอกาสของเราในวันนี้ เรากระตุ้นให้เขาอ่านหนังสือ ทนไม่ได้ ถ้าบ้านเลอะ น้องไม่รีดเสื้อไปโรงเรียนเราจะรีดให้ จัดเก็บของให้เรียบร้อย แม่มอบหมายให้ทำงานบ้าน แม่มอบหมายหน้าที่ทุกคน แม่สอนให้ใช้เงิน แม่สอนจากการกระทำ แม่พูดเพราะมาก พูดกับคนดี แม่มีสติปัญญาดีมากในการจดจำวันเกิดคนข้างบ้าน ใครเกิดข้างขึ้น ข้างแรม ลูกคนข้างบ้าน มาถามแม่ว่าเกิดวันไหน แม่พูดว่าแม่เป็นคนโง่ แต่เราเชื่อว่าแม่ฉลาด แม่ฝังชิบว่าเราต้องเรียน ต้องเรียนเพราะชีวิตเธอเกิดยาก อย่าเกิดมาแค่ตาย”

เมื่อพี่ด้ามาทำงานที่ ICU เห็นว่าชีวิตตายง่าย เห็นผู้คนจากไปทุกวัน ทุกวัน คิดว่า เราต้องทำสิ่งที่อยากทำได้ต้องทำ เราเห็นการร้องไห้อยู่เสมอ คิดว่าเรามีชีวิตไม่เหมือนคนอื่น กว่าจะเกิดรอด และป่วย พี่คิดว่าชีวิตเกิดยากแต่ตายง่าย การดำรงอยู่จึงควรทำตัวเป็นประโยชน์มากที่สุด เท่าที่เขาให้เวลาเรามา ชีวิตครอบครัว ใช้ชีวตคู่กับสามี เราต้องอยู่กันด้วยดี กอดกันทุกวัน กอดลูก บอกรักกันทุกวัน บอกลากันทุกวันก่อนออกจากบ้าน ก่อนนอนกราบสามีก่อนนอนทุกวัน ตั้งแต่แต่งงาน ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท

 

ขอบคุณภาพฝีมือพี่เอก จตุพร ค่ะ

เรื่องความรักของพี่ด้า...

พี่มีหลักการว่าไม่หลอกใคร ไม่ทำร้ายใคร จะบอกเขา ถามตรงๆ ว่าพี่รู้สึกอย่างไร ถ้าเขาไม่รู้สึกพิเศษ จะขอคุณ ถ้าบอกว่าเป็นคนพิเศษจะขอบคุณ ว่าดีใจ แต่คิดว่าที่จะแต่งงานด้วยแล้ว ผู้ชายบอกว่า ถ่คุณยังไม่แต่งงาน ผมยังมีสืธิ์ เมื่อเกิดอะไรขึ้นเราจะไม่รอ บางคนจริงจัง ไปพบพี่น้อง มีความพร้อมมาก แต่เราเลือกพี่คนนี้ เพราะคิดว่า สิ่งที่เขามี และพี่ไม่มี จะทำให้พี่มีความสุข เพราะถ้าเทียบ ตำแหน่ง เขาด้อยที่สุด เพราะเรารู้ว่าเรามีข้อจำกัดอะไร เขามีข้อดีอะไร ข้อจำกัดอะไร เราจะไม่เลือก เพราะพอใจ เราเลือกในมุมกลับกัน มุมที่เขาต้องอดทน ข้อจำกัดของเราที่เขาทนไม่ได้ คนนั้นมีไหม ถ้าเขามีอย่าเสี่ยง แม้เราพอใจมาก วันแต่งงาน บอกกับสามีว่า เราจะใช้ชีวิตร่วมกัน ขออะไรที่เป็นหลักในการชีวิตคู่ให้มีความสุข 3 ข้อ ข้อ 1) ขอให้พูดจาดี ทั้งยามดี ยามโกรธ ชีวิตที่เราอยู่กันมานานมาก ไม่เคยมีคำว่า เธอฉัน มึงกู  2) ขอว่าถ้าต้องมีอะไรที่ต้องตัดสินใจ เกี่ยวกับชีวิตให้บอกเราก่อน ซื้อหวย ซื้อรถใหม่ เซ็นค้ำประกันต้องบอกเราก่อน เราส่งน้องเรียน คุยกันก่อนว่าเรามีภาระหน้าที่ การแต่งงานไม่ได้ทำให้เธอต้องหยุดในสิ่งที่ทำอยู่ ก็ส่งน้องเรียนต่อ 3) ถ้าเมื่อใดหมดรักให้บอก เรายินดีหย่าให้ เราอยากเป็นเมียเดียว ไม่อยากเป็นเมียหลวง ทำให้เรา CQI ชีวิตทุกวัน เราโกรธเขา แต่เรารักเขาเราก็ให้อภัยได้ เราจะควบคุมชีวิตเราได้ไหม ทุกวันนี้เราทำดีต่อกันทุกวัน เราจะทำหน้าที่ของเราทุกวันไม่ว่าเราจะจากเป็นหรือจากตาย ต่อกัน เราไม่รอ ที่จะบอกรัก พรุ่งนี้เราไม่มีโอกาสทำ ลูกถามว่าโตขึ้นหนูต้องทำแบบนี้ไหม เราอยากได้ กระหายกอด เพราะเราขาดความรักจากพ่อ เตี่ยไม่เคยกอดเลย เตี่ยปฏิเสธลูกมาตลอด แม่เล่าบ่อยๆว่าเตี่ยไม่เอาหนู ตอนเด็กร้องไห้มาก

พี่ด้าเคยถูกยกให้ไปเป็นลูกคนอื่น

คุณป้าสาวโสดเพื่อนแม่ อยากได้เด็กไปเลี้ยงไม่มีลูก คุณป้ามาขอกับเตี่ย เตี่ยให้ทันที แม่ร้องไห้แต่แม่ทัดทานเตี่ยไม่ได้ แม่พูดกรอกหูตลอดว่าจะต้องเรียน จะได้มีวิชาติดตัว พี่ด้าเก็บกระเป๋าไปอยู่กับป้า เมื่อไปอยู่กับป้าก็บอกป้าว่าไม่อยากอยู่ ร้องไห้ตลอดร้องไห้ทุกวัน บอกว่าไม่อยากอยู่ ขอกลับบ้าน  บอกป้าว่า เดี๋ยวหนูมาหาทุกวัน แต่อย่าเอาหนูมาเป็นลูก หนูอยากอยู่กับแม่ จากเหตุการณ์นี้ทำให้พี่ด้าเข้าใจเด็กที่ถูกปฏิเสธ วันนี้เราเข้าใจว่าเราไม่ใช่ลูกชายเหมือนไส้ติ่งของพ่อ รู้สึกว่าพ่อเหมือนชายแปลกหน้าที่อยู่ในบ้าน ปมในชีวิต คือเตี่ยทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม เตี่ยให้ ซองแตะเอีย พี่สาว ที่รักมากให้มากกว่าปกติเสมอ ให้พี่สาว 100 เราได้ 20 บาทเพราะรักมาก เอาไปแค่นี้ รับไม่ได้ รู้สึกตลอดว่าพ่อไม่รัก เราเป็นพี่น้องที่รักกัน เตี่ยเจ็บป่วย เตี่ยตื่นมาเห็นเราเฝ้า ไม่ถามว่าเราเหนื่อยไหม เพราะเราไม่รัก ทำให้พี่หิวกอด เรียนพยาบาล เข้าใจชีวิต เรารูว่าเราขาดอะไร

ประสบการณ์เมื่อเรียนพยาบาล เรียนไป ป่วยไป

พยาบาลสอนให้เราเข้าใจมนุษย์ ที่สวรรค์ประชารักษ์ภาคภูมิใจมาก ที่บอกถึงที่เรียนที่นี่ ใกล้บ้านและเป็นนักเรียนทุน ยังเจ็บป่วย โรคหัวใจต้อง ทานยารักษาอยู่ แต่เมื่อมาตรวจร่างกายเข้าเรียนพยาบาล หมอถามว่าแข็งแรงดีใช่ไหม เอกซเรย์ไม่เห็น จนได้ไปเรียน พยาบาล รู้สึกเหนื่อย ใจเต้นเร็ว ยาหมดจะต้องลาไปตรวจที่ศิริราช จึงไปปรึกษา อ.มาลิณี ทองคง  จบ cardio สอนเราดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ปรึกษาว่า หนูป่วย ต้องไปตรวจศิริราช ท่านก็เมตตา พาไปตรวจ และรักษา ถามว่าปล่อยมาได้อย่างไร เราต้องใช้ทุน จะต้องรักษา แนะนำอาหาร ยา บอกว่า วันหนึ่งจะดีขึ้น ต้องตรวจสุขภาพตลอด ตอนนี้เหนื่อยง่ายกว่าปกติเล็กน้อย ไม่ทำงานหักโหม ไม่เสี่ยง เป็นคนสุขภาพจิตดี  พี่ด้ายังแพ้ยาชา มาทราบเอาตอนคลอดลูก ต้องแก้ไข อยู่นานมาก ไปทำฟันที่แผนกทันตกรรม บอกว่าแพ้ยาชา Xylocain เราบอกกับหมอฟันว่าแพ้ หมอไม่เชื่อ ไม่คิดว่ามีคนแพ้ ก็ฉีดให้รู้สึกแน่นหน้าอก ทีมแพทย์ต้องรีบมามาแก้ไขช่วยชีวิต เราผ่านวิกฤตในชีวิตมาแล้ว ดังนั้นทุกอย่างที่จะมาทำกับเรา ต้องทำสดเสมอ ไม่มียาชา จึงเจ็บมาก เพราะใช้ยาชาไม่ได้ ได้เรียนรู้ฝึกฝนความอดทน ฝึกเจริญสติ อยู่กับตนเอง ท่ามกลางความเจ็บปวด

หลักยึดในการทำงาน มาเรียนพยาบาล ไม่ได้ชอบ เพราะมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเรียนกฎหมายได้ สอบทุนพยาบาลได้ แม่ไม่ต่องส่งเสีย จึงมาสอบ โดยที่ไม่มีใจรัก อยากเป็นนักฏหมาย เพราะคิดว่าเตี่ยไม่ยุติธรรม น้องสาว อยากเรียนพยาบาล สอบทุกที่แต่ไม่ได้ พี่สอบสองที่ได้สองที่ น้องสาวเป็นนักกฏหมาย  เราเรียนคู่กันมาถึงมศ. 5  น้องอยากสอบพยาบาล  วันประกาศสอบพี่ด้าสอบติดสองแห่ง แม่ดีใจมาก แม่มีอาชีพขายของ รู้สึกว่าแม่เหมือนถูกกดเอทีเอ็ม ทุกวันศุกร์กลับบ้านมาทำขนมขาย พี่สาวคนโตเป็นคนเสียสละ ลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำขนม ส่งพวกน้องๆเรียน พี่คิดว่าเจ๊ คือแม่คนที่สอง พี่ให้เงินเดือนพี่สาวทุกเดือน  พี่ดูแลพี่สาว และสอนลูกหลาน ว่าต้องดูแลป้า

เรียนพยาบาลไม่เก่งมาก เกรดเฉลี่ย 2.8 ถึง 3.3 สิ่งที่ทำคือการพูดคุยกับเพื่อนๆตลอดเวลา ได้เห็นการสอนนักเรียน สอนชีวิตที่ไม่อธิบาย ระบบอาวุโส ที่กดดัน กดขี่ ทำร้ายกัน แรกๆรู้สึกซึมเศร้ามาก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ พี่ทำได้ น้องทำไม่ได้ มองหน้าไม่ได้ เดินชนไม่ได้ รับไม่ได้ ทำไม ทำไม เรามาเห็นคุณค่าเมื่อวันจบแล้ว  ทุกวันนี้พี่ด้าจะสอนอะไรกับใคร เราจะบอกว่าจะได้อะไร เขาจะเรียนรู้ผิดๆ ใช้เมตตา พี่จะบอก น้อง เมื่อทำผิด ไม่ เบลมต่อหน้า บางครั้งหมอพูดจา ทิ่มแทงญาติ เราจะปรับภาษาพูดให้อ่อนลง ให้ญาติสบายใจ มันเป็นธรรมชาติของเรา ไม่ดุด่า ไม่กดดัน สอนให้น้องคิดว่า

ถ้าเป็นญาติเรา คำพูดนี้คิดว่าแรงไปไหม เราจะทำร้ายเขาด้วยคำพูดอีกทำไม เขาแย่มากแล้วที่ญาติเขาป่วย ไปดุเขาทำไม 

 

 

พี่ด้ากับการบันทึก

พี่ชอบเขียนบันทึกทุกวัน เก็บไว้อย่างดี แม้กะทั่งจม.รัก จากแฟนก็เก็บไว้ทุกฉบับ  เขียนบันทึกทุกวัน เพื่อเรียนรู้ทบทวนตัวเอง เราคิดอะไร มองคนอื่นอย่างไร เรียนพยาบาลสี่ปี มีบันทึกสี่เล่ม ปีละเล่ม หวงมาก การบันทึกเป็นการอยู่กับตัวเอง ไม่ให้เพื่อนอ่านเพราะอาย พี่ด้า บันทึกทุกอย่าง เรื่องความรัก การทำงาน ประสบการณ์ประจำวัน ทั้งมุมที่ดีและไม่ดี แม้เจอคนไม่ดี ก็คิดว่าเราโชคดีที่ได้เจอ บททดสอบเรา ให้เราได้ไต่ระดับ การพัฒนาจิตใจไปเรื่อยๆ

พี่ด้าสอนน้อง

เวลาทำการพยาบาลให้พูดกับคนไข้ตลอด เพราะเขาเป็นคน และเขาจะได้รู้ตัว ไม่ตื่นเต้นตกใจ วันที่คนไข้ฟื้น คนไข้มาบอกว่า จำเสียงหมอได้ มาคุยกับผม บอกผมทุกวัน ว่าจะทำอะไร เมื่อเขารู้สึกตัวขึ้นมา เขามาบอกว่าจำเสียงเราได้ เห็นการทำงานของพ่อที่จัดการศพ การต่อโลง สมัยก่อนนายสำเริงทำหน้าที่รักษาศพ พี่ด้าบอกกับเขาว่า การที่ศพจะเลอะแค่ไหน ต้องทำให้เขาให้ดี แม้เขาจะตายแล้ว ขอว่าอย่าทำเหมือนผักปลา สมัยก่อนไม่มีตู้แช่เย็น พี่ด้าไปออกแบบให้ ให้เงินไปซื้อถุงน้ำแข็ง เวลาละลาย ในถุง จะช่วยไม่ให้ศพ อุจจาด เป็นการทำบุญที่พี่ทำมาตลอด การสงเคราะห์กับคนที่ยากไร้ คนที่อยู่ในวิกฤตที่รุนแรง จะมีอารมณ์เปราะบางทุกคน ง่ายที่จะขัดหูขัดตาไม่สบายใจ เปราะบาง เราควรเข้าใจเขา รับอารมณ์เขาได้ ว่าเขาจะสูญเสีย พี่ด้ายังพูดถึงการบริการบางแห่งที่มีการจำกัดเวลาเยี่ยมของญาติว่า การเปิดโอกาสให้ญาติมาเยี่ยม วิธีคิดของพี่คิดว่า...

 

เวลาชีวิตของเขาใกล้หมดแล้ว แต่...เวลาเยี่ยมของเรารอได้

 ......เราเลื่อนได้ ...

 

พี่ด้าใช้เรื่องเล่าในการสอนน้องๆ ข้างเตียง ทำให้เห็นทำให้ดู เวลาเจอญาติ มีการพูดคุยสร้างสัมพันธภาพ เห็นอารมณ์ความรู้สึก คนที่คนไข้ต้องการมากที่สุดเวลานี้คือใคร เป็นเรื่องละเอียดอ่น จำคนไข้ได้ ทุกครั้งที่คนไข้เข้ามา เพื่อเราจัดบริการได้ถูก ไม่ได้รู้จักเขาแค่เพียงผ่านเวชระเบียน  เรียนรู้ธรรมะจากชีวิตจริง ชีวิตการทำงาน

พี่ด้าฝากถึงคนทำงานสาธารณสุข

การทำงานบริการเป็นงานที่ยากแต่ละคนมีต้นทุนไม่เท่ากัน เรารู้จักการเรียนรู้ในทุกชีวิตทุกเหตุการณ์ที่เจอ เราจะสามารถตัวเราได้ พัฒนางานเราได้ เราต้องเข้าใจตัวเราก่อน และเข้าใจคนรอบข้างให้มาก เอาใจเขามาใส่ใจเรา ว่าเขากับเรามีความต้องการไม่ต่างกัน ทุกสิ่งอย่างต้องเริ่มที่เมตตาอย่างแท้จริง อยากบอก สรพ. ว่า customer focus โอกาสสำเร็จน้อยมาก เพราะทุกคนจะถามว่าทำไมต้องคนไข้เป็นศูนย์กลาง แล้วตัวเราอยู่ไหน เราต้องมีความสุขก่อน ถึงจะแบ่งปันคนอื่นได้ ขอบคุณคนรอบข้าง ครอบครัวที่ทำให้เราเรียนรู้ชีวิต เราเต็มแล้ว เราพร้อมแบ่งปัน หากเรากินข้าวไม่อิ่มเราไม่สามารถจะตักข้าวให้คนอื่นได้เช่นกัน....

ราตรีสวัสดิ์ นะคะ

มีความสุขกับการเรียนรู้ด้วยหัวใจที่อิ่มเอมค่ะ

หมายเลขบันทึก: 317070เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2009 21:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (27)

P..พอลล่ากาแฟPมาจอง..แล้วจะหลับลงหรือเนี่ย..ตาแข็งแน่ๆเลย..

สวัสดีครับ

ใช้เวลาอ่านนานนนนนนนนมาก

เพราะยาวววววววมากกกก

แต่ดีใจมากๆครับที่ได้อ่าน

ชีวิตของพี่ด้า เหมือนหนังสือดีๆเล่มหนึ่งที่มีบทเรียนดีๆซ่อนอยู่อย่างมากมาย

แถมได้รับรู้ความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่อีกด้วย

ขอบคุณพี่ด้า,คนเขียนบันทึกที่น่ารัก ที่นำเรื่องราวดีๆมาเล่าสู่กันฟัง

ขอบคณจริงๆครับ จะแวะมาอ่านอีกนะครับ

มาอ่านอีกรอบครับ

www.pixpros.net

ฝันดีครับ ^__^

น้องครับ

เรื่องราวดีมาก

น่าจะแยกสักสองบันทึก

เพราะยาวเกินไป

คนอาจไม่ทนกับการอ่านยาว ๆ

จะทำให้เสียโอกาสในการแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ครับ

ผมได้ฟังเรื่องนี้จากคุณเอกแล้ว

และอยากจะได้เทปบันทึกนี่อัดไว้มาฟัง

ผมอยากจะเขียนบันทึกเรื่องนี้สักบันทึกนึง

แค่อ่านบันทึกของพี่เรื่องเสียแม่ได้ครอบครัวกลับมา นำตาซึมเลย

วันนั้นถ้าอยู่พิจิตรได้ฟัง ผมคงร้องให้แข่งกับพอลล่าแน่ ๆ

สวสดีครับ น้องพอลล่า...

บันทึกได้ละเอียดดีมากเลยครับ ...ในวันนั่งพูดคุย ผมก็มัวแต่นั่งอึ้ง และก้มหน้าซ่อนน้ำตารื้นๆไว้ อายสาวๆ(น้องฐา และ น้องพอลล่า) แต่สองสาวก็สะอื้นออกหน้าออกตานะครับ

ต้องขอบคุณครับ เรื่องราวเหล่านี้เป็นข้อมูลที่เราจะนำบางส่วนไปถอดบทเรียน บันทึกนี้เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีครับ

P
สวัสดีคะ พี่อ้อยเล็ก
ยังไงก็ง่วงอยู่ดีค่ะ อิอิ
กี่แก้วก็เอาไม่อยู่ค่ะ
P
สวัสดีค่ะ คุณกาแฟ
ดีใจมากกว่าที่มาอ่านนะคะ
ดีใจมากย่งขึ้นกว่าที่ได้เรียนรู้
ดีใจที่สุดคือมาอ่านทุกบันทึก อิอิ

ประทับใจมากเลยค่ะ...

ซึ้งๆ!!!!!

ไปพิจิตร ต้องแอบแว้บไปเจอตัวจริงซะแล้ว..น่ารักมากเลยค่ะ

ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆๆมาเล่าต่อนะค่ะ

ความรัก

P
สวัสดีคะ พี่หนาน....ไม่ทันแล้ว บันทึกไปแย้ว อิอิ
อยากให้อ่าน
อยากให้อ่าน..
ขอบคุณค่ะ พี่..

อ่านจบแล้วน้อง

อ่านยากนิดหน่อย

เพราะตัวหนังสือมันติดกันเป็นพรืด

คุณน้อง พี่ว่านะ ของดี ๆ หากขาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ ค่าลดลงไปแยะเลย

(อ้าวเผลอ ไปอีกแล้ว... ฮิ ฮิ...)

อ้าว ลืมบอก

เก็บรายละเอียดได้ดีมาก ๆ

ใช้เทคนิคการเขียนช่วยหน่อย รับรอง...

ซีไรท์ก็ซีไรท์ เถอะ

พี่หนานคะ สอนบ้างค่ะ

ยกตัวอย่างเวลาเขียนด้วยค่ะ

ไม่ใช่นักเขียน เป็นแค่นักบันทึกแล้วนำมาเล่าค่ะ

พี่สอนน้องหน่อยค่ะ

ขอบคุณค่ะ อิอิ

P
พี่หนานครับ
เดี๋ยวจัดการส่งไฟล์ให้นะคะ
อยากอ่านที่พี่เขียน คงงดงามมากกว่าพอลล่าเขียน นะคะ
รออ่านค่ะพี่ อิอิ
P
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
มาอีกนะคะ อิอิ
P
พี่เอกคะ เค้าไม่ได้สะอื้นค่ะ
แค่ไหลรินๆ ออกมาอย่างท่วมท้น อิอิ
พอลล่าเปลี่ยนความคิดทันทีเลยค่ะ พี่เชื่อไหม
P
ขอบคุณนะคะ
ว่างๆ แวะไปกอด แทนพอลล่าด้วยค่ะ
ฝากสองกอด อิอิ
P
พี่หนานคะ แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ....
ไม่ต้องมายอกันเลย เค้ารู้ตัวน่า ว่าสู้พี่ไม่ได้
P
สวัสดีคะ พี่นาง
เราใช้หัวใจคุยกันนะคะ อิอิ

อ่านทุกคำทุกตอน

อ่านได้จนจบ ...อ่าน วนซ้ำบางบท

ได้ใจมากค่ะ...ไม่แปลกใจที่คนนั่งฟังจะสะอึกสะอื้น

คนอ่านก็น้ำตาเอ่อ....พี่ด้า..เยี่ยมยอดที่สุด

...........

ไม่เม้นท์ไม่ได้แล้ว.........

ขอบคุณพอลล่าค่ะ

P
พี่อัจ เช็ดน้ำตาด้วยค่ะ
ขอบคุณที่มาเม้นนะคะ อิอิ
เฒ่า ตะลุยไซเบอร์

พี่ด้าหยิบทุกเรื่องมามองในมุมที่ลึกซึ้งและเป็นบทเรียนสำหรับชีวิตให้กับทุกคน ทำเรื่องเศร้าให้มันขำและทำเรื่องขำให้มันเศร้า (ลึก ๆ )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท