เมื่อวันที่ 16 หลังกลับจากกรุงเทพฯ มาถึงช่วงตีสามกว่า ๆ นอนพัก ลากพักร้อนแล้ว กะว่าจะไปทำงานช่วงบ่าย ๆ ได้ยินเสียงโทรศัพท์ งานเข้า ถ้าเสียงโทรเบอร์นี้ หัวหน้าดทรมาตามบอกว่ามีนักเรียนพลตำรวจป่วยด้วยอาการไข้ ไอ เป็นหวัด สงสัยป่วยไข้หวัดใหญ่ มาตรวจ 1 รถตู้ บอกหัวหน้าไปว่าเดียวจะไปช่วยสอบสวนโรค ที่จริงน้องที่ทำงานก็ดุแลแทนได้อยู่แล้ว เมื่อได้รับแจ้งด้วยหน้าที่ การงาน ความรับผิดชอบของ SRRT แล้วก็ต้องไปช่วย
เราจัดการอย่างไรบ้าง ควบคุมโรคครั้งนี้ น่าจะได้ผลนะคะ นักผู้บริหารสถานศึกษาเห็นความสำคัญ นักเรียนเชื่อฟังครูฝึกและคำแนะนำจากทางโรงพยาบาล พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำ
การจัดการควบคุมโรคครั้งนี้
1. ตรวจสอบข่าว สัมภาษณ์ สอบสวนโรคกับนักเรียนที่มีอาการสงสัยป่วย
2. แพทย์ให้การรักษา ให้ยาลดไข้
3. สุ่มตรวจ PCR นักเรียนที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ที่มีประวัติชัดเจน จำนวน 3 ราย ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
4. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งรายงานโรค
5. ให้คำแนะนำกับนักเรียน ให้เอกสาร คำแนะนำ เอกสารคัดกรองโรคและให้ลงบันทึก ติดตามว่ามีนักเรียนป่วยเพิ่มกี่ราย
6. ลงพื้นที่ ประชุมนักเรียน ชี้แจง ทำความเข้าใจกับนักเรียน ไม่ให้ตื่นตระหนกและกลัว ให้คำแนะนำเรื่องการปฏิบัติ เน้นผู้ป่วยต้องสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ
7. ทำความเข้าใจและประสานงานกับครูฝึก ครูพยาบาล ตรวจคัดกรองนักเรียนที่ป่วย ถ้ามีอาการไข้มากกว่า 2 วัน ไข้สูง 38 องศาเซลเซียส ให้พามาโรงพยาบาล
8. ตรวจเยี่ยม สำรวจโรงนอน ห้องเรียน ห้องพัก ที่มีการใช้พื้นที่ร่วมกัน ดูว่าภาวะความเสี่ยง หาสาเหตุการเกิดโรค และให้คำแนะนำว่าควรแยกนักเรียนที่ป่วยมานอนอีกโรงนอนอีกโรง เพื่อป้องกันการแร่กระจายเชื้อโรค ในทีมคิดว่าวิธีนี้น่าจะได้ผล
9. ติดตามเฝ้าระวังอาการนักเรียนร่วมกับครูฝึก
บทเรียน โรงเรียนนี้ มีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลา เตรียมหน้ากากอนามัยไว้ให้นักเรียนป่วยอย่างเพียงพอ จึงทำให้การควบคุมได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว อยากฝากบอกสถานศึกษาให้มีการตรียมความพร้อมทั้งบุคลากรที่จะต้องคัดกรองนักเรียนที่ป่วยและให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้นได้อย่างดี จะช่วยลดภาะความแออัดของโรงพยาบาลและที่สำคัญ นักเรียนไม่ต้องจ่ายเงิน
ผลการตรวจทางห้อง
ผลตรวจทางฏิบัติการให้รายงานผปลได้รวเร็ว ส่งผลให้การทำงานจะยากกว่านี้ รอดูพรุ่งนี้จะมีนักเรียนป่วยอีกไหม อากาศเริ่มหนาวแล้วคะ ดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจนะคะ ปฏิบัติตาม 3 อ นะคะ
งานเข้าจริงๆ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
ขอเพิ่มเติมเนื้อหาข่าวนะคะ
สธ.สั่ง สสจ.รับมือหวัด 2009 ใน 35 จังหวัดเหนือ-อีสานเข้ม มั่นใจหน้าหนาวเอาอยู่!
|
|
สธ.กำชับ สสจ.รับมือไข้หวัด 2009 ในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะ 35 จังหวัดภาคเหนือ อีสาน คงมาตรการ 2 ลด 3 เร่ง ส่วนประชาชนทั่วไปขอความร่วมมือคงพฤติกรรมกินร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัด ไอจาม หรือเมื่อเข้าไปในที่คนแออัด หากทุกภาคส่วนร่วมมือแข็งขัน มั่นใจการป้องกันควบคุมโรคไข้หวัด 2009 สำเร็จแน่
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จ.แม่ฮ่องสอน นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะ ติดตามการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุข
นายวิทยากล่าวว่า ขณะนี้โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังแพร่ระบาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีคนไทยติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันโรคแล้วประมาณ 6 ล้านคน ที่เหลือ 57 ล้านคนยังเสี่ยงติดเชื้อเพราะไม่มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งขณะนี้เข้าสู่ฤดูหนาว สภาพอากาศหนาวเย็น ทำให้เชื้อไวรัสเจริญเติบโตและแพร่ได้ดีในสภาพอากาศแห้งชื้น รวมทั้งเป็นฤดูท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้โอกาสเสี่ยงต่อการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น
สวัสดีค่ะ
งานเข้านะคะนาง น้องแตมบอกว่าแม่ลาพักร้อนทีไรมีโรคระบาดทุกที
เพิ่มเติมเนื้อหาข่าวจากกระทรวงนะคะ
นายวิทยากล่าวต่อว่า ได้ กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด โดยเฉพาะ 35 จังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เข้มงวดเป็นพิเศษ เนื่องจากอากาศหนาวเร็วและนานกว่าที่อื่น โดยขอร่วมมือจากทุกภาคส่วน ร่วมรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว เข้าใจมาตรการป้องกันควบคุมโรค เพราะโรคไข้หวัดใหญ่ติดต่อกันได้ง่ายมากหากขาดความระมัดระวัง โดยขอความร่วมมือประชาชนทุกคนคงพฤติกรรม กินร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัดไอจาม หรือเมื่อในไปในที่แออัด ก็จะทำให้ปลอดภัยจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 แน่นอน
นอกจากนี้ ได้ให้ทุกจังหวัดคงมาตรการ 2 ลด คือ ลดการติดเชื้อและป่วย ลดการเสียชีวิต และ 3 เร่ง คือ เร่งให้ อสม.ค้นหาผู้ป่วยในชุมชน เร่งเผยแพร่ความรู้ประชาชนในการป้องกันตนเอง และเร่งรัดการบริหารจัดการความร่วมมืองทุกภาคส่วน ให้โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลจังหวัด 96 แห่ง จัดทีมแพทย์ดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะ และให้กรมการแพทย์จัดทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาแพทย์ที่ให้การรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง กรณีมีปัญหาในการรักษาโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้ป่วยโรคปอด หอบหืด โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวาน และผู้สูงอายุ
สำหรับ ที่แม่ฮ่องสอน มีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 97 ราย ใน 6 อำเภอ คือ ปางมะผ้า เมือง ปาย ขุนยวม แม่สะเรียง และแม่ลาน้อย มากที่สุดที่ อ.ปางมะผ้า 49 ราย ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยที่ อ.สบเมย
ตอนนี้ยิ่งเข้าหน้าหนาว คงต้องระวังให้มากกว่าเดิมนะครับ สำหรับนักเรียน
สวัสดีค่ะ พี่ประกาย....ป้องกันง่ายนิดเดียวค่ะ
"กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากาก"
พี่ไก่
ลงภาพหรือยังครับ
อยากเห็น
อิอิ
สวัสดีค่ะพี่ไก่ อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยจังค่ะ
ร้อนๆ กลางวัน ตกเย็น ฝนตก ดึกๆ ลมหนาวมาแล้วนะคะ
ในโรงเรียนคงต้องคุมเข้ม จริงๆ ขอบคุณค่ะ
สวสดีคะท่ารองวิชชา คงต้องระวังมากกว่าเดิมนะคะ ตอนนี้ลูกสาวก็ลงมาบอกว่าเป็นหวัด มีน้ำมูก ตัวร้อนแล้วคะ ฝากประชาสัมพันธ์นักเรียนนะคะ
สวัสดีคะน้องนุช คำขัวญ ง่ายนิดเดียวคะ แต่ปฏิบัติยากคะ ในเมือง OK คะ
หน้ากากอนามัยต้องเปลี่ยนบ่อยด้วยนะคะ ไม่ใช่ 1ชิ้น ใส่ทั้งวัน
ดูแลสุขภาพนะคะ พักให้พอนะคะ อากาศหนาวห่มผ้าให้ร่างกายอบอุ่นะคะ
มีข่าวใหม่ออกมาเรื่อย ๆ และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่จะต้องฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง
ต้องศึกษากันดี และหามาตรการวิธีการเฝ้าระวังติดตามผู้ป่วย อาการที่ไม่พึงประสงค์