ความน่ากลัว...ในมหาวิทยาลัย


ปัญญาชน กับ บางสิ่งที่ต้องทบทวน

วันนี้ผมเข้ามาติดต่อประสานงานความัดเจนสำหรับตัวเองกับทางมหาวิทยาลัย...ตลอดสองข้างทางเดินระหว่างตึกคณะต่างๆรอบมหาวิทยาลัย ผมถือเอกสารหนึ่งชิ้นที่ผมพยายามติดต่อขอความชัดเจน สุดท้ายก็อัลฮัมดุลิลละฮฺ(ขอบคุณพระเจ้า) สำหรับความชัดเจนที่ตามมาเนิ่นนานนับเดือน ประเด็นของการเขียนบล๊อกไม่ได้อยู่ตรงนี้ครับ แต่มันทำให้ผมฉุกคิดระหว่างเดินอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย เมื่อสัมผัสกับความเงียบเหงาัของบางสิ่ง เลยเกิดคำถามขึ้นกับตัวเองครับว่า 

"อะไรคือความน่ากลัวในมหาวิทยาลัย...?"

 


 

  สิ่งที่ทำให้ผมฉุกคิดสำหรับบันทึกวันนี้คือมุมคิดที่ว่า...หลายคนมักมองความน่ากลัว (ความเป็นห่วงเป็นใยของใครๆหลายคนนั่นแหละครับ) ในมหาวิทยาลัยว่าสิ่งที่เราทุกคนควรจะหาทางป้องกันและช่วยกันแก้ไขเยียวยา คือ ระบบ บุคคล วัฒนธรรมองค์กร หรือ องค์กรแห่งวัฒนธรรม โดยการปรับเปลี่ยนเอาใจเขามาใส่ใจเรา สร้างความคุ้นชิน พัฒนาปรับปรุงตนเอง

       แต่...สิ่งที่ผมคิดว่ามันน่ากลัวมากกว่าสิ่งเหล่านี้ คือ บุคคลที่เรียก "ปัญญาชน" ครับ เพราะอะไรนั่นหรือครับ ช่วงตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ผมได้มีโอกาสพบเจอนักศึกษาหลายท่านและหลากหลายสถาบัน มีสิ่งหนึ่งที่ผมอดคิดและเป็นห่วงไม่ได้ คือ เรื่องวิถีคิดของพวกเขาเหล่านี้ครับ เพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่ฝังตัวไปกับความคิดของผู้คนเหล่านี้ไปแล้วครับ และบางครั้งหากเราจะมองหาต้นตอและมักค้นหาไม่เจอกับบางปัญหา คือ การหลงและลืมไปว่าหลายต่อหลายเรื่องมันอาจเกิดจากวิถีคิดของผู้คนกลุ่มนี้ก็เป็นได้ ผมไม่ได้มองแค่ด้านลบนะครับ แต่ อยากจะให้มองอีกด้านนึงว่า...ถ้าเราทุกคนสามารถช่วยเสริมสร้างวิถีคิดพัฒนารอยต่อห้วงของคาวมคิดมันจะทำให้ผู้คนกลุ่มนี้จะกลายเป็นกำลังสำคัญที่จะ่ช่วยพัฒนาบ้านเมืองในอนาคต

       แต่ผมเป็นห่วงมากกว่านั้นครับ คือ แล้ววิถีคิดของคนบางกลุ่มที่สอดแทรกเข้ามาในผู้คนเหล่านี้หละครับใครจะรองรับได้บ้างว่าบางครั้งมันถูกหรือมันจะเป็นอันตรายอะไรไหม๊ แต่ที่แน่ๆผมเจอแล้วครับว่า "ปัญญาชนทุกวันนี้หลายท่านหลวมตัวและเิชิดชูวิถีคิดบางอย่างไปแล้ว" แต่อีกเ่ช่นกันดอกไม้หลากสีย่อมมีความสดใสไม่เหมือนกัน และความสดใสที่ว่านั้น คือ ความน่ากลัวที่ควรระวัง(เอาไว้บ้าง) ดีกว่าเยมและมองเพียงสีสันที่พบเจอ

แต่...............

แต่.............................

แต่................................................

ความน่ากลัวที่เคยชิน ก็ น่าขบคิดนะครับ

หมายเลขบันทึก: 308841เขียนเมื่อ 27 ตุลาคม 2009 11:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ครับ...ผมก็กลัวเหมือนกัน

  • ในบันทึกที่แล้วผมได้เขียนที่ผมรู้สึกว่าผมไปว่าเขาหรือเปล่า?? คือ เหตุผลที่เขาเปลียนจากคำว่า รูฮฺ วิญญาณ เป็น จิต ... ไม่ใช่เพราะศาสนาหรือ ? ที่เขาต้องเปลี่ยน... คนที่ทันสมัยมีศาสนาก็อยู่ที่ปาก การกระทำมันคนละอย่าง
  • เท่าที่ผมอ่านจากบันทึกของอาจารย์แล้ว... สิ่งที่เรากลัวเกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่ คือ กลัวเขาไปมีความสุขในรูแย้...ใช่ไหมครับอาจารย์

ขอบคุณมากครับอาจารย์

 

P

Ibm ครูปอเนาะ ڬوروفوندق

 ครับ...ใ่เลยครับ ผมเหมือนจะจำเรื่องนี้ได้ครับตอนได้อ่านหนังสือของอาจารย์

อันนี้แหละครับที่น่ากลัวและน่าขบคิดสำหรับคนรุ่นใหม่

+บางคนรู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ++++

++ความเป็นหวงของเขาอาจจะแฝงด้วยความคาดหวังอะไรบ่างอยางจากเราหรือป่าว

+++อันนี้แหละคับหน้ากลัวกว่า++

++++คำว่าปัญญาชนใครๆก็พูดได้ว่าเป็นปัญญาชนแต่สิ่งที่ทำต่างหากจะตัดสินว่าคนๆนั้นเป็นปัญญาชนหรือป่าว

ขอบคุณมากครับ

30

สมานฉันท์

       เห็นด้วยอย่างยิ่งครับกับประโยคนี้

"คำว่าปัญญาชนใครๆก็พูดได้ว่าเป็นปัญญาชนแต่สิ่งที่ทำต่างหากจะตัดสินว่าคนๆนั้นเป็นปัญญาชนหรือป่าว"

สลาม เห็นความน่ากลัวแล้ว

ต้องรีบพัฒนาตัวเองให้เพิ่มขึ้น

ขอบใจมากน้อง

 

P

คนตานี

 ความน่ากลัวที่ว่าเราต้องช่วยกันพัฒนาครับ เพื่อต่อเติมสังคมแห่งความสมานฉันท์และยั่งยืน

ชวนคิดมากครับ...
หากแต่วันนี้...

สุขสันต์วันลอยกระทง นะครับ

ขอบคุณมากครับอาจารย์

P

แผ่นดิน

          สุขสันต์ทุกการดำเนินชีวิตเช่นกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท