ชีวิตที่พอเพียง : 28. ขายกะปิ


• ที่บ้านผมเป็นร้านชำ    ขายทุกอย่างที่มีคนต้องการ    ยกเว้นเหล้าและบุหรี่    แม่ผมเป็นลูกจีน ที่มีอาชีพขายของ     เมื่อมีโอกาสแม่ก็จะเปิดร้านชำขายของ ทำขนมขาย ทำก๋วยเตี๋ยวผัด ขนมกล้วย ฯลฯ ขาย    โดยมีผมและน้องเป็นพนักงานเอาไปเดินขาย    มีอยู่ช่วงหนึ่งแม่จัดการให้ผมหาบของชำไปเดินขายในตลาด    เป็นการฝึกวิชาค้าขาย    ผมโดนบังคับก็หาบไปแบบไม่เต็มใจ    ชาวบ้านก็พูดกันว่าแม่ง้อ (แม่ผมชื่อเพ็กง้อ ภายหลังตัดเหลือง้อเฉยๆ) ใช้ลูกหาบของขายโดยไม่จำเป็น    ชาวบ้านเขามองว่าเราฐานะดี ไม่น่าจะต้องใช้ลูกให้ทำงานแบบนั้น    ผมมาเข้าใจภายหลังว่าแม่คงจะเตรียมให้ผมได้ฝึกวิชาค้าขาย จะได้มีความรู้ติดตัวไว้ทำมาหากินเมื่อโต    ตอนนั้นพ่อแม่คงจะไม่ได้คิดเลยว่าจะส่งลูกเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย
• ช่วงหนึ่งแม่เปิดเพิงขายของชำหน้าบ้าน    โดยมีผมช่วยเป็นพนักงานขาย    ตอนนั้นผมยังอายุไม่ถึง 10 ขวบ    ต่อมาเปิดร้านถาวรเลย และยังอยู่จนเดี๋ยวนี้โดยน้องชายดำเนินการต่อ แต่เวลานี้สินค้าที่ขายไม่จุกจิกอย่างเมื่อผมยังเด็กๆ
• ผมจำได้ติดตาเรื่องขายกะปิ    เราตวงขายด้วยถ้วยตะไล มีไม้พายเล็กๆ ตักและปาดให้หน้าราบเสมอ    ถ้าเราปาดไม่ดี หน้ากะปิยังโป่งอยู่ เราก็ได้กำไรน้อย    ถ้าปาดให้เว้าเข้าไป เราก็ได้กำไรมาก    มีชาวบ้านบางคนที่ระมัดระวัง จะคอยจ้องว่าเราจะปาดแบบเอาเปรียบหรือไม่    บางคนไม่จ้องเปล่า ปากก็คอยว่าไปด้วย ว่าอย่าปาดออกมากนัก จะหมดอยู่แล้ว     ขายของไปนานๆ ผมก็รู้นิสัยใจคอคนแถวนั้นหมด
• บางคนไม่ซื้อทั้งถ้วย แต่ซื้อเพียงครึ่งถ้วย    เราก็ต้องตวงแล้วใช้ไม้พายตัดแบ่งครึ่ง    ลูกค้าจู้จี้บางคนก็ต้องคอยดูและขอเลือกว่าจะเอาซีกไหน
• แม่บอกว่าผมเป็นคนไม่มีไหวพริบ    ค้าขายไม่เก่ง แม่มักจะพูดถึงลูกคนจีนคนหนึ่งซึ่งอยู่ที่ปากน้ำ    ว่าเป็นคนพูดจาคล่องแคล่ว ค้าขายเก่ง     แม่บ่นว่าผมไม่ได้ครึ่งหนึ่งของคนนั้น    ทั้งๆ ที่ตอนนั้นผมเรียนหนังสือสอบได้ที่หนึ่งทุกครั้ง ไม่เคยได้ที่สองเป็นเวลาสามปี แม่ก็ไม่เคยชมว่าเก่ง    ความเก่งของแม่ (ในตอนนั้น) มีอย่างเดียว คือค้าขายเก่ง     ตอนนั้นแม่คงจะหดหู่ใจมากว่าลูกชายคนโตเป็นคนไม่เอาถ่านในเรื่องค้าขาย
• แม่คิดถูกต้องที่สุด    ผมเป็นคนไม่มีความถนัดด้านค้าขาย    คือเป็นคนไม่โอภาปราศรัย    เอาใจคนไม่เก่ง
• แม่จะกองพริกขี้หนูไว้เป็นกองๆ กองละสลึง เลือกกองได้ แต่เลือกเม็ดพริกเป็นเม็ดๆ ไม่ได้     แต่ก็จะมีลูกค้าจู้จี้บางคนแอบหยิบจากกองอื่นไปเติมในกองที่ตนจะซื้อ
• แม่สอนเสมอ ว่าอย่าเอาเปรียบลูกค้า    ต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้า   แต่ก็ต้องระมัดระวังลูกค้าตัวร้ายบางคน    พอคนนั้นเข้ามาในร้านเราก็จะต้องคอยจับตา
• งานขายของเป็นงานที่จุกจิกและต้องขยัน อดทน    เข้าใจว่าคงได้กำไรดี แม่จึงชอบทำ    ผมไม่มีหัวทางด้านนี้     ไม่เคยคิดเรื่องกำไรเลย

วิจารณ์ พานิช
๒๓ พค. ๔๙


 

หมายเลขบันทึก: 30832เขียนเมื่อ 25 พฤษภาคม 2006 08:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 21:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
คนขายของต้องพูดเก่งครับ จะเป็นการโกหก หรือจริง ก็ต้องพูดก่อน เป็นการเรียกลูกค้า โดยไม่ทำให้รู้สึกว่าโดนยัดเหยียดให้ซื้อของ ลูกค้าก็จะเกิดความสบายใจที่จะเลือกสินค้าว่าดีจริง? แม่ผมก็เป็นแม่ค้าครับ (ขายไส้กรอกอีสาน) กำไรดี ทุกครั้งที่มีการลงทุนเค้าไม่เคยจดเลย ว่าต้นทุนอะไรเท่าไร รู้แค่ขายได้เท่าไรแค่นั้นเอง ของเหลือก็แจก หรือเอาไปแลกกับแม่ค้าขายของอย่างอื่น ทุกวันนี้ยังมีอยู่ หากเป็นวัฒนธรรมเช่นนี้ต่อไป เชื่อว่าแม่ค้าไม่เดือดร้อนครับ (ขายไม่ได้ ก็ได้ของอย่างอื่นกลับบ้าน ไม่ใช่จะเอาแต่เงิน!!!!)
คนขายของต้องพูดเก่งครับ จะเป็นการโกหก หรือจริง ก็ต้องพูดก่อน เป็นการเรียกลูกค้า โดยไม่ทำให้รู้สึกว่าโดนยัดเหยียดให้ซื้อของ ลูกค้าก็จะเกิดความสบายใจที่จะเลือกสินค้าว่าดีจริง? แม่ผมก็เป็นแม่ค้าครับ (ขายไส้กรอกอีสาน) กำไรดี ทุกครั้งที่มีการลงทุนเค้าไม่เคยจดเลย ว่าต้นทุนอะไรเท่าไร รู้แค่ขายได้เท่าไรแค่นั้นเอง ของเหลือก็แจก หรือเอาไปแลกกับแม่ค้าขายของอย่างอื่น ทุกวันนี้ยังมีอยู่ หากเป็นวัฒนธรรมเช่นนี้ต่อไป เชื่อว่าแม่ค้าไม่เดือดร้อนครับ (ขายไม่ได้ ก็ได้ของอย่างอื่นกลับบ้าน ไม่ใช่จะเอาแต่เงิน!!!!)

No need to learn much about CRM when we do have and share our tacit knowledge especially with our Chinese community who sure has lots of experiences and skills in this area ka...I learned a bit from my father too ka.

Ptk

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท