บทเรียน จากคาราวาน


คาราวาน ดนตรีที่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้เวลาจะล่วงเลยนานเเสนนาน

                           

      คาราวาน เป็นวงแรกๆ ของประเทศไทย ถือกำเนิดมาจากการรวมวงดนตรีสองวงคือทอเสนและสัญจรและบังกลาเทศแบนด์. คาราวานมีซิงเกิลแรกออกมาเมื่อปี พ.ศ. 2518 ชื่ออัลบั้ม คนกับควาย ออกจำหน่ายราว 500 แผ่น ราคาแผ่นละ 25 บาท  ในยุคมืดของประเทศไทย คือ เหตุการณ์ 14 ตุลา และ เหตุการณ์ 6 ตุลา นั้นวงคาราวานเป็นวงดนตรีที่แต่งเพลงออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างจริงจัง และอาจจะเป็นวงดนตรีวงเดียวจากเหตุการณ์สมัยนั้นที่ยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้           

                      ภาพจาก: softganz.com/meeped/paper/1915

          

                สมาชิกยุคแรกของวงคาราวานประกอบไปด้วย สุรชัย จันทิมาธร (หงา) ร้องนำ, วีระศักดิ์ สุนทรศรี (แดง) เล่นกีตาร์, ทองกราน ทานา (อืด) เล่นกีตาร์ลีด ฟลุต และร้องประสาน, มงคล อุทก (หว่อง) เป่าเมาท์ออร์แกน พิณ และร้องประสาน นอกจากนั้นยังมีสมาชิกชั่วคราวคนอื่นๆ เช่น พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ (หมู) อู๊ด ยานนาวา ชัคกี้ ธัญญรัตน์ อีกด้วย   ........ผมเป็นแฟนคาราวาน มาตั้งเเต้สมัยเรียนที่เพาะช่าง...เป็นวงดนตรีที่เป็นแบบอย่างให้กับ นักดนตรียุคหลังๆ ผมชอบที่เขามีจุดยืนไม่เปลี่ยนเเปลง...วงดนตรีที่มีการพัฒนา เเต่จุดยืนไม่เปลี่ยน..ยังห่วงหาความสงบสุขของสังคม ...หนักแน่นเหมือนหินผา เข้มเเข็งเเม้ กาลเวลาจะเปลี่ยนไป คาราวาน ก็ยังเป็น......คาราวาน....ไม่เปลี่ยนจุดยืน

คำสำคัญ (Tags): #คาราวาน
หมายเลขบันทึก: 307870เขียนเมื่อ 22 ตุลาคม 2009 22:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (60)

สุรชัย จันทิมาธร หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ หงา คาราวาน เป็นนักร้องนำและหนึ่งในผู้ก่อตั้งวงคาราวาน สุรชัยเป็นนักแต่งเพลงชั้นแนวหน้าคนหนึ่งของวงการเพลงไทย ผู้คนในวงการเพลงเพื่อชีวิตมักเรียกเขาอย่างนับถือว่า น้าหงา หรือ พี่หงา และได้รับฉายาว่า อาจารย์ใหญ่แห่งวงการเพลงเพื่อชีวิต

              

      มงคล อุทก หรือ หว่อง คาราวาน เป็นนักดนตรีเพื่อชีวิต หนึ่งในสี่สมาชิกหลักของ คาราวาน เป็นอดีตสมาชิกวงบังคลาเทศแบนด์ ร่วมกับทองกราน ทานา (อืด) ก่อนจะร่วมกับวงดนตรีของสุรชัย จันทิมาธร ก่อตั้งเป็นวงคาราวาน เมื่อ พ.ศ. 2517 มงคล อุทก เกิดที่อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดยโสธร) ตั้งวงบังคลาเทศแบนด์ขณะเรียนหนังสือที่เทคโนฯ โคราช (ปัจจุบัน คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน) [2] เล่นพิณ และเมาท์ออร์แกน มีผลงานแต่งเพลงให้กับคาราวาน เช่นเพลง ลุกขึ้นสู้ และ กุหลาบแดง มงคล อุทก มีผลงานเขียนหนังสือ เล่าเรื่องราวประสบการณ์ในแวดวงการเพลงเพื่อชีวิต ชื่อ "เพลงพิณพนมไพร" ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2544 [3]

http://th.wikipedia.org/wiki คือเเหล่งข้อมูลที่กล่าวมาครับ

......ขยายความอีกเล็กน้อย คาราวาน วงนี้ผมเริ่มตั้งข้อสงสัยเเต่เเรกที่ได้ยินชื่อเเล้วแปลกเเละดูคุ้นเคย

..เพราะผมเป็นลูกชาวนา ใกล้วัว ใกล้ควาย ชื่อจึงดูใกล้ชิด พอมาสนใจฟังเพลงเเล้วใช่เลย..จุดยืนเเน่นอนมาก...จนเวลาล่วงเลยมาปัจจุบัน คาราวานยังมีจุดยืนเดิม ทึ่งครับ...คนเราก็เช่นเดียวกันต้องหนักแน่นเหมือนหินผา..

คิดถึง ดวงจำปา...สุรชัย จันทิมาทรแต่งให้นุ่นร้อง..เพราะดี..ภาษาสวย..เอามาฝากก่อนน่ะ...

ถามว่า เส้นทางเดินของคาราวาน เกิดบทเรียนอะไรบ้าง ขอตอบเเทนพี่หงานะ...เกิดประสบการณ์มากมาย ที่เเสดงถึงการต่อสู้ อย่างไม่ย่อท้อ..แม้จะเหนื่อยยาก เหน็บหนาว ...เเละเหมือนเดินคนเดียวในป่ากว้างที่หาจุดจบที่สวยงามยาก เเต่คาราวานยังคงมุ่งหน้าออกเดิน อย่างไม่ย่อท้อ

     วีระศักดิ์ สุนทรศรี หรือ แดง คาราวาน เป็นนักดนตรีเพื่อชีวิต หนึ่งในสี่สมาชิกหลักของ คาราวาน วีระศักดิ์ สุนทรศรี เกิดที่กรุงเทพมหานคร เติบโตแถบค่ายทหารอเมริกันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อ พ.ศ. 2514 เป็นนักเขียนในกลุ่ม "พระจันทร์เสี้ยว" เจ้าของนามปากกา “สัญจร” เป็นเพื่อนร่วมกิจกรรมการประท้วงกับสุรชัย จันทิมาธร มาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ได้ร่วมกันก่อตั้งวงดนตรี “ท.เสนและสัญจร” มีผลงานเช่น เพลง คนกับควาย เปิบข้าว และข้าวคอยฝน วง ท.เสนและสัญจร ได้ออกตระเวนเล่นดนตรีในต่างจังหวัด และได้ร่วมเล่นกับบังคลาเทศแบนด์ ของทองกราน ทานา และมงคล อุทก บ่อยครั้งจนสนิทสนมกัน และได้ร่วมกันแสดงเป็นครั้งแรกภายใต้ชื่อวงดนตรี “คาราวาน” เมื่อกลางปี พ.ศ. 2517 และยังคงแสดงร่วมกันเป้นครั้งคราวจนถึงปัจจุบัน

ตอนเย็นขับรถกลับบ้านไปเรื่อยๆ ถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่งอยู่...เพลงในรถฟังจนหมด ปวดหัวจากงานที่เข้ามา หันไปหยิบแผ่นเพลง 20 ปีคาราวานมาฟัง...เออ แฮะ...ได้บทเรียนกับสัจธรรมมากมายจากเพลงของคาราวาน...ตัวอย่างเช่นได้เห็นวิถีเเห่งการต่อสู้ของผู้ชายที่มีอุดมการณ์กลุ่มหนึ่งที่ทำด้วยความมุ่งมั่น....ให้ย้อนกลับมาที่ตัวเรา แล้วตั้งคำถาม แล้วเราทำอะไรเพื่อใครบ้าง...เออ..นั่นซินะ..เเต่บทเรียนที่ประทับใจพี่หงา มาตลอดคือ การป็นตัวตน ของหงา คาราวาน กับจุดยืนที่เด็ดเดี่ยวเเน่วเเน่นั่นเอง......

  • ชอบคาราวานตั้งแต่เรียนแล้วครับ ครั้งแรกที่สนใจเพราะพวกเขาเป็นนักศึกษาที่เข้าป่า พอฟังเพลงจริงๆจังๆของพวกเขาแล้วยิ่งชอบ ภาษาสวย ความหมายดี เริ่มฟังตั้งแต่คนกับควาย เรื่อยๆมา คืนรัง ใกล้ตาไกลตีน ลุกขึ้นสู้ อีแหมะ ยิ้มกลางสายฝน ข้างถนน ฮิโรชิมา แม้เราจะไม่พบกัน ฯลฯ
  • เคยเขียนถึงกระต่ายกับเต่า เพราะคิดถึงเด็กๆที่ต้องแข่งขันมากๆ ในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เคยเขียนถึงคนนอกคอกเพราะรู้สึกว่าในชีวิตของเด็กๆต้องมีอย่างนี้ด้วย
  • บันทึกนี้เห็นอีกมุมมองหนึ่ง ที่ตัวเองไม่ค่อยนึกถึงครับ จุดยืนเเน่นอนมาก จนเวลาล่วงเลยมาปัจจุบัน คาราวานยังมีจุดยืนเดิม คนเราก็เช่นกัน ต้องหนักแน่นเหมือนหินผา..
  • ขอบคุณเรื่องดีๆของคาราวานครับ

ของคาราวาน..จำได้เพลงนี้..คนตีเหล็ก

 เรียนอาจารย์ธนิตย์ ผมสมัยหนึ่งชอบเล่นดนตรีหารายได้พิเศษ กับเพื่อน 4-5 คน

เเต่ไม่รุ่งเพราะเราเเค่อยากได้เงินเลี้ยงชีพ...เเต่มาระยะหนึ่งผมก็ทิ้งดนตรีหมด หันมาทำงานที่สังคมบอกใช่เเละยอมรับนับถือ ผมเรียนอย่างนี้ครับ...คนเราเปลี่ยนจุดยืน อาจจะด้วยเหตุปัจจัยอะไรก็เเล้วเเต่..แต่ผมเชื่อมั่นว่า บางคน ตัวตนอยู่ภายในที่เเนบเเน่นดังหินผา..อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งละครับ..ที่ไม่เป๋ไปเป๋มาครับ.....

เป็นเเฟนเพลงเพื่อชีวิตเหมือนกันค่ะ

                                    

               เพลงของคาราวานทุกเพลง ล้วนมีความหมายที่ลึกซึ้งกินใจ..ฟังเท่าไรก็ยิ่งเห็นเเง่งามใน 2 ลักษณะ กล่าวคือ 1.เเง่งามทางวรรณศิลป์ 2.เเง่งามทางปรัชญา ผมว่าไม่ง่ายนะครับที่นักดนตรีไม่กี่คนที่หยิบความหมายเหล่านี้มานำเสนอ คลุกเคล้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เหงา เศร้า ดีใจ กดดัน .....บางเพลงดุ..บางเพลงของคาราวานเหงา ฟังเเล้วคิดถึงบ้าน สุนทรียในการฟังเราสัมผัสได้ครบทุกรสครับ

เคยเล่นดนตรีด้วยหรือครับ..ชอบครับๆ

ขอบคุณเเมวเหมียวครับ.....ทุกวันนี้เราทุกคนนอกจากฟังเพลงเพื่อชีวิตเเล้ว... เราคงต้องระมัดระวังวิถีชีวิตเราด้วยนะ.....เป็นกำลังใจให้นะครับ..สู้....

 

อาจารย์ธนิตย์ครับ ผมเล่นเมื่อตอนหนุ่มๆนะครับ เพียงช่วยเเม่หาเงินค่าขนมกับค่าเช่าหอพัก พ่อกับแม่มีเงินน้อย ผมก็เลยหารายได้เเบบนี้ เเต่ที่กล้าสุดๆเคยเล่นดนตรีเปิดหมวกตอนอยู่ชลบุรี เล่นไปวาดรูปให้คนดูไป สนุกครับ....

                                                                       

ชอบเเละติดตามคาราวานมาตลอดครับ...แหมคอเดียวกันนะเนี่ย

น้าหงา มีเสียงที่ไม่เหมือนใครเลยค่ะ อาจารย์

  • ขอบคุณพอลล่ามากครับ....
  • น้าหงา พลังเสียงมีพลังมากเเละเป็นต้นเเบบให้นักร้องเพื่อชีวิตคนอื่นๆต่อมาเลยครับ

เป็นแฟนคุณหงาและวงคาราวานเช่นกันค่ะ

เคยไปดูคอนเสิร์ต  ชอบลีลาการร้องของคุณหงามาก

เนื้อเสียงของเขามีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น  หวานปนเศร้าและมีเสน่ห์ ที่ไม่มีใครเหมือนเลย

ชอบเพลง โอ้ยอดรัก  ค่ะ

            เพลงคืนรังครับ

  • โอ้...ยอดรักฉันกลับมา
  • จากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล
  • จากโคนรุ้งที่เนินไสลจากดอกไม้หลากสีสัน
  • ฉัน...เหนื่อย ฉัน...เพลีย ฉัน...หวัง
  • ฝากชีวิตให้เธอเก็บไว้ฝากดวงใจให้นอนแนบรัง
  •  ฝากดวงตาและความมุ่งหวังอย่าชิงชังฉันเลยยอดรัก
  •  นานมาแล้ว เราจากกันโอ้คืนวันนั้นแสนหน่วงหนัง
  • ดั่งทุ่งแล้งที่ไร้เพิงพัก ดั่งภูสูงที่สูงสุดสอย
  •  โอ้...ยอดรักฉันกลับมาดั่งชีวาที่เคยล่องลอย
  • มาบัดนี้ที่เราเฝ้าคอย เจ้านกน้อยโผคืนสู่รังฉัน....เหนื่อย
  •  ฉัน...เพลีย ฉัน...หวัง

สวัสดีจ้าาาาท่านอาจารย์กู้เกียรติ...ชอบเพลงนี้เลย..."ร้อยบุปผา"..."แม้เราจะไม่พบกัน"...ช้อปชอบ แล้วก็รักเสียงเพลงของน้าหมูมั๊กมากด้วย

  • ..."ร้อยบุปผา"..."แม้เราจะไม่พบกัน"...เป็นเพลงที่น่าฟังของคาราวาน ร้องโดยน้าหงา  
  • อีกเพลงที่น่าสนใจคือ ดวงจำปา
  • ส่วนน้าหมู Vij น่าจะหมายถึงพงษ์เทพ    กระโดนชำนาญนะครับ

ขอบคุณภาพของคุณสุรชัย คุณทองกราน และคุณมงคล เอ! จะว่าอีกคนเป็นคุณวีระศักดิ์ก็ไม่ใช่ สงสัยสมาชิกใหม่กระมังครับ(ฮา)

แหม..อาจารย์ธนิตย์ครับ คนสุดท้าย..เนี่ยขอเเจมหน่อยครับเป็นนักดนตรีเปิดหมวกข้างถนนดีๆ นี่เองนะครับ

  • ขอบคุณคุณกู้เกียรติมากนะคะ
  • ที่ช่วยบอกชื่อเพลงและนำเนื้อเพลงมาให้ร้องคลอไปด้วย
  • เป็นเพลงที่คุณหงาแต่งได้อย่างละเมียดละไมมาก
  • คุณกู้เกียรติว่าไหมคะ

สวัสดีค่ะ

  • บันทึกนี้...รอดสายตาพี่คิมไปได้อย่างไรกัน
  • ขอเก็บไว้เป็นพิเศษนะคะ
  • โปรดมาก..สำหรับเพลงเพื่อชีวิต  จนทำให้เด็ก ๆ ชอบไปด้วยค่ะ

อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ อ.กู้

เเวะมาตอนเช้าเล็กน้อยเดี๋ยวบ่ายจะเข้ามาตอบทุกท่านครับ..วันนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับคาราวานมาเพิ่มด้วยครับ

ครูอรวรรณ ครับผมเข้าใจว่ายังมีคนรุ่นใหม่อีกเยอะที่ชอบเเบบเพื่อชีวิตเเบบนี้ ผมหาเนื้อเพลงมาให้คุณครูอีกครับ   

เพลงดวงจำปา

  • โอ้ดวงจำปา  เวลาซมน้อง
  •  นึกเห็นบ้านซ่อง  มองเห็นหัวใจ เฮานึกขึ้นได้ ในกิ่นเจ้าหอม
  •  เห็นสวนดอกไม้ บิดาปลูกไว้ตั้งแต่นานมา  
  • เวลาง่วงเหงา  ยังช่วยบันเทาเฮาหายโสกา  
  • เจ้าดวงจำปา  คู่เคียงเฮามา  แต่ยามน้อยเอย
    กิ่นเจ้าสำคัน  ติดพันหัวใจ
  •  เป็นน่าฮักใค่  แพงไว้เซยซม  ยามเหงาเฮาดม    โอจำปาหอม
  •  เมื่อดมกิ่นเจ้า  ปานพบเพื่อนเก่าที่พัดพากจากไก  
  • เจ้าเป็นดอกไม้  ที่งามวิไล  ตั้งแต่ใดมา
  •  เจ้าดวงจำปา  มาลาขวันฮักของเฮียมนี้เอย
    โอดวงจำปา  บุบผาเมืองลาว  งามดั่งดวงดาว
  •  ซาวลาวเพิ่งใจ  เกิดอยู่พายใน  แดนดินลานซ้าง
  •   มื้อใดพัดพาก  เมื่อไปไกจาก  บ้านเกิดเมืองนอน
  •   เฮียมจะเอาเจ้า  เป็นเพื่อนร่วมเงา  เท่าสิ้นซีวา  
  • เจ้าดวงจำปา  มาลางามยิ่ง  มิ่งเมืองลาวเอย

(เพลงดอกจำปา หรือ จำปาเมืองลาว แต่งคำร้องและทำนอง โดยท่านอุดตะมะ จุนละมะนี อดีต รมช.กระทรวงศึกษาลาว  เพลงนี้แต่งขึ้นตั้งแต่สมัยลาวยังถูกฝรั่งเศสยึด เป็นอาณานิคม)

 

 ครูคิมครับขอบคุณนะครับ.....ที่เข้ามาเป็นกำลังใจกับคนเเกร่งอย่างคาราวาน

ภาพจาก

http://baanmaha.spaces.live.com/blog/cns!5BF84BDA0F08EF0B!150.entry

ผมหาข้อมูลมาฝากครับ......

 สำหรับพี่หมู หรือน้าหมู พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ บ่อยครั้งที่ร่วมงานกับคาราวานเช่นกัน...ผมชอบมากกับความเป็นตัวตนของน้าหมูครับ

                       

        พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ เจ้าของฉายา "กวีศรีชาวไร่" เป็นสมาชิกคนหนึ่งของวงดนตรีเพื่อชีวิต คาราวาน ยุคเริ่มต้น รวมทั้งได้หนีเข้าป่าไปพร้อมกับคาราวาน และนักศึกษาใน ยุค 6 ตุลา 2519 เกิดที่ อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา เริ่มต้นเป็นศิลปินเพลงเมื่อกลับออกมาจากป่าแล้ว พงษ์เทพได้เข้าร่วมกับวงคาราบาวโดยเดินทางร่วมแสดงคอนเสิร์ตไปด้วยกัน แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกวง จนกระทั่งคาราบาวโด่งดังจากอัลบั้ม เมดอินไทยแลนด์ แล้ว แอ๊ด คาราบาว (ยืนยง โอภากุล) จึงช่วยเล่นดนตรีให้กับการออกอัลบั้มชุดแรกของพงษ์เทพ คือ ชุด "ห้วยแถลง" กับเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม โดยมีจังหวะเร็กเก้สนุก ๆ กับเนื้อหาที่เสียดสีชีวิตมนุษย์ จากนั้นพงษ์เทพก็ได้เป็นศิลปินเดี่ยว และมีชื่อเสียงในเวลาต่อมา เพลงที่เป็นที่นิยมและรู้จักกันดีของพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ก็ได้แก่ คนกับหมา, ตังเก, น้ำตาหอยทาก, ต้นขับขี่, โคราชา, ตรงเส้นขอบฟ้า,คิดถึงบ้าน เจ้าสาวผีเสื้อ เป็นต้น โดยเนื้อเพลงส่วนมาก พงษ์เทพจะเป็นผู้แต่งเอง โดยใช้ถ้อยคำสำนวนที่เหมือนบทกวี สมกับฉายาของตัวเอง โดยฉายา "กวีศรีชาวไร่" นี้ "นายผี" อัสนี พลจันทร์ ปัญญาชนนักปฏิวัติเป็นผู้ให้ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ มีชื่อเล่นว่า "หมู จนเรียกกันติดปากว่า "น้าหมู" มีบุคลิกเป็นคนสนุกสนานเฮฮา พูดเก่ง เมื่อแสดงคอนเสิร์ตครั้งใด มักจะสร้างความสนุกให้กับผู้ชมด้วยการพูด ด้วยลีลาของตัวเอง จนกลายเป็นเหมือนการทอล์กโชว์กลาย ๆ ปัจจุบัน มีบ้านและไร่ชื่อ "ดอกเหงื่อ" อยู่บริเวณเชิงเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา บ้านเกิด โดยใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายชอบอยู่สันโดษไม่ชอบคบกับใครง่ายๆแต่ชอบอยู่กับชาวบ้าน ไม่เข้ากรุงหรือเข้าสังคม นอกจากจะมีงานแสดงดนตรี น้าหมูที่เราเรียกติดปากกันนั้น ยังหันไปทำมูลนิธิ โดยตั้งชื่อว่า " มูลนิธิเขาใหญ่ " ตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 จนถึงปัจจุบัน มีความประสงค์และความตั้งใจที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรบ้านเกิดของตัวเองโดยมีผู้ร่วมอุดมการณ์หลายคน ไม่ว่าจะเป็ยยุวชน เยาวชน ก็สามารถเขาร่วมกันได้ ในวันอาทิตย์ อาสาสมัครมูลนิธิเขาใหญ่จะขึ้นเขาใหญ่ไปเก็บขยะกันเสมอ แต่ในตอนนี้สมาชิกของเราน้อยมากเนื่องจากต่างคนต่างมีภาระกิจกัน แต่เรายังจะไม่หยุดที่จะอนุรักษ์ http://members.thai.net/wanyong/pong.htm

ขอบคุณแมวเหมียว มนัสนันท์ที่มาทักทายเเต่เช้า ขอบคุณจริงๆ

มาเยี่ยมคืน ชมรมคนนอนดึกคะ  สบายดีอยู่ใช่ไหมคะ ขอบคุณที่เข้าไปชื่นชมพี่สุ  พี่สุก็มาชื่นชมน้องกู้เกียรติคืนคะ เพลงเพื่อชีวิตหรือเปล่าคะ พี่สุยังไม่ได้เขียนเรื่องใหม่คะ เข้ามาทักทาย เฉยๆ แล้วค่อยไปเยี่ยมวันหลังนะคะ คนดี เอ้อ  เอาดอกไม้กุหลาบแดงแรงฤทธิ์สวยๆ ไปเป็นกำลังใจน้องกู้เกียรติคะ

                                    

            เพลงเราและเธอ.

  • ส่งดวงใจนี้ให้เพื่อนภาพความหลังมิเคยเลือนหลุดสลาย
  •  ภาพรอยยิ้มและความกล้ามาปลุกเร้าการต่อสู้อยู่หนไหนความมั่นใจยังไม่คลาย
  •  มิเคยแหนงหน่ายหนทางแห่งธรรม
  • อยู่ต่างแดนแสนไกลห่างสุดขอบฟ้าเห็นลางๆดุจจะย้ำ
  •  ให้คำนึงถึงใจเจ้าข้ามภูเขาและทะเลจะเร่คว้างไปอย่างไร วอนให้จำ
  • มั่นใจจงทำก้าวไปให้ถึง
  •  เรา...และเธออยู่ไกล...แสนไกลกัน
  • ความผูกพันเหมือนดังว่าติดครึง ใจ...เจ้าลอย
  • คล้อยตามสายลมตึง บอกคิดถึง เฝ้ารำพึงกับไปไม้
  • ฝากบทเพลงนี้ให้เพื่อน ได้ยินแล้วเหมือนการเยือนสื่อความหมาย
  •  เกี่ยวดวงใจร้อยให้มั่นอยู่ที่ไหน ไม่สำคัญ
  • ชีวิตนั้นดังพืชพันธ์แห่งเสรี
  • งอกงามเต็มที่ใต้ดวงตะวัน ใต้ดวงตะ.........วัน

เพลงนี้เป็นอีกบทเพลงหนึ่งของคาราวาน ที่สื่อความหมายได้จับใจผมมาก เเละเปิดฟังเมื่อไร อดคิดไม่ได้ว่าน้าหงาเเกเก่งจริง...เเต่งเพลงมีชีวิตมากๆครับ

                     

 

 

                                                     

       สุรชัย จันทิมาธร (หงา) ปี พศ. 2508 เด็กหนุ่มจากจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเข้ามาหาความหมายของชีวิตและความใฝ่ฝันที่จะเรียนทางด้านศิลปะ ด้วยเงิน 300 บาทที่ทางบ้านได้ส่งให้ ชีวิตของคนไม่ได้เรียบง่าย สองปีแรกสุรชัย สอบเข้าช่างศิลป์ไม่ได้เหมือนที่ฝัน จึงเรียนการช่างนนท์อยู่ 1 ปี ด้วยชีวิตที่ดิ้นรนในเมืองหลวงจึงทำให้เงิน 300 บาทที่พ่อส่งมาให้ไม่เพียงพอ หลังจากที่เข้าเรียนช่างศิลป์ได้สองปี ก็ต้องออก เพราะความลำบากในด้านการเงิน สุรชัยจึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อ นับแต่นั้นชีวิตของเด็กหนุ่มก็ออกมาผจญชีวิตด้วยตัวเอง " เพลงเก่าๆ จะมีคนขอฟังอยู่มากถึง 80 % เพลงใหม่แต่งไปเท่าไรมีคนสนใจน้อย รู้สึกเซ็งๆ นิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนฟัง มีคนซื้อเทป แต่ไม่มากอะไร จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าอะไร เพราะโดยตัวเองแล้วคิดว่า จะทำเพลงไปเรื่อยๆ ไม่ยึดติดกับเพลงเก่าๆ ทนไม่ไหวเหมือน กัน อยากทำเพลงใหม่ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการต้อนรับอะไรมากก็ไม่เป็นไร อนาคตก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ค่อยได้คิดหรอกอยู่มาจนธรรมดาแล้ว ก็หวังว่าจะดีขึ้นกว่านี้ในเรื่องชีวิตส่วนตัวและการงาน ถ้าถามว่าตอนนี้รวยหรือเปล่า ไม่รวย นะเมื่อเทียบกับที่เขารวยๆกันมันคนละเรื่องที่พูดกันเพราะเปรียบเทียบสมัย ก่อน ตอนนั้นไม่ได้ยึดเงินตรา ปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้ยึดถือแต่ต้องทำงาน เพราะไม่มีใครมาเลี้ยงเรา ต้องเลี้ยงตัวเอง ยังหวังว่าสังคมจะดีขึ้น หวังว่าจะมีหนทางใหม่ๆช่วยเหลือสังคมได้ "

สวัสดีจ้าาา... อาหารใจที่ส่งไปให้นะ...Vij กินเกลี้ยงเลยค่ะ...เสร็จสรรพก็รีบล้างจานซะ...อิ อิ อิ เผื่อจะมีใครใจดีไปส่งอีกจาน ฮ่าๆๆๆๆ

ไม่เชื่อดูสิ...ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับอาหารจานโปรด...น่ารักเชียวค่ะ

                                    

               วีรศักดิ์ สุนทรศรี (แดง) เกิดที่กรุงเทพ แต่ไปโตที่อีสาน คลุกคลีอยู่กับทหาร จี. ไอ. ตั้งแต่จ.อุดร ถึง โคราชสัมผัสอยู่กับ ทหารอเมริกัน ปัญหาโสเภณี เด็กหัวแดง และปัญหาอธิปไตยของชาติ แดง เดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้งเมื่อปี 2514 โดยเรียนที่รามคำแหงและได้เข้ากับกลุ่มนักเขียน จนได้มาพบกับ สุรชัย จันทิมาทร " เรื่องความฝันนี่อาจจะมาสุดทางแล้วมั้ง ผมฝันมามากจนคิดว่าเดินทางมาจนสุดทางฝัน เพราะฝันแล้วไม่เคยเป็นอย่างที่ฝัน ฝันอยากให้โลกสวยงาม แต่เหมือนมันกลับแย่ลง เน่าลง ตอนวัยหนุ่มนี่มีความฝันมากในเชิงอุดมคติ แต่พอวัยขนาดนี้ก็เหมือนสุดทางแล้วไม่ต้องฝันอีก ต่อไปเป็นอย่างไรก็ช่าง ปล่อยๆมันไป ฝันมากไปก็ไม่ได้เราต้องลงมือทำแล้ว ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ท้อแท้ ถ้าเหนื่อยล้าก็หยุด มีแรงก็ทำต่อ "

                                        

           มงคล อุทก (หว่อง) นักศีกษาวิชาศิลปกรรม วิทยาลัยเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หนึ่งในสมาชิกวงดนตรีบังคลาเทศแบนด์ จาก อ. พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ดินแดนแห่งเสียงแคน หมอลำ และทุ่งแล้งกุลา " ชีวิตที่ผ่านมาก็เปลี่ยนไปตามธรรมชาติ จากที่เคยอยู่ด้วยกัน ในบ้านหลังเดียวกันไม่มีทรัพย์สมบัติ ไม่มีผลประโยชน์จนเป็นตายร่วมกันแล้วกลับออกมา ที่เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนคือ ต่างคนต่างมีครอบครัว แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือ ความเป็นเพื่อน ทรรศนะต่อการงานที่ยังเห็นด้วยกันเหมือนเดิม เข้าใจกัน เพราะว่าช่วงชีวิตหนุ่มได้ต่อสู้มาแล้วอย่างรุนแรง ตามสภาพสังคมตอนนั้น เข้าป่าถือปืนก็ล้มเหลวมาแล้ว เรารู้ว่าสมควรจะทำอย่างไรจึงจะดีที่สุด ทุกคนมีเป้าหมายเหมือนกันคือ ทำเพลงเก่าให้ยังอยู่ ส่วนเพลงใหม่ก็แสดงทรรศนะ ไปบ้างตามสภาพสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

  Vij แหม...เอาจานมาคืนอีก ล้างให้เรียบร้อยเลย ว่าเเต่ว่าที่บ้านมีอีกเยอะนะครับ

                                    

       ทองกราน ทานา (อืด) นักศึกษาวิชาศิลปกรรมวิทยาลัยเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หนึ่งในสมาชิกวงบังคลาเทศแบนด์ เคยจน จนถึงที่สุดต้องกินน้ำเปล่ากับมงคล อุทก ทำให้เป็นที่มาของเพลง ลุกขึ้นสู้ " คืออยากจะบันทึกเพลงเกี่ยวกับธรรมชาติ เสียงนก กบ เขียดไม่จำกัดเป็นแนวใด ที่ตรงนั้นมันเงียบอยู่ในธรรมชาติด้วย มีเวลาคิด อยู่กรุงเทพส่วนใหญ่เป็นเรื่องงาน เวลาจะคิดสร้างสรรค์อะไรก็ไม่พอแต่ก็จะไปๆมาๆ เพราะยังต้องทำบริษัทคาราวาน ผมอยากทำอะไรเล็กๆ เพราะไม่สามารถที่จะไปวิ่งเต้นเข้าสู่ระบบทุนนิยมได้ ก็คิดในส่วนไม่ไปอิงอยู่กับคนอื่นมากนัก ไม่ต้องร่ำรวยหรือต้องการเงินทองมากๆเอาแค่พออยู่ได้ก็พอ "

ทั้งหมดคัดลอกจากเวปไซด์ คาราวานออนซอน

วันนี้กินข้าวยัง...กินอิ่มป่ะ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

  • คาราวานเป็นต้นแบบให้ผมหลายเรื่องเช่น การดำเนินชีวิตที่มีอุดมการณ์
  • การนำหลักปรัชญามาทำความเข้าใจเเม้บางครั้งผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน

ไม่ชอบกินข้าวเหรอ..กินราดหน้าก็ได้อ่ะ..เอามาฝากง่ะ...

สวัสดีครับอาจารย์กู้เกียรติ

         ผมคนหนึ่งละครับที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของพี่หงา คาราวาน เริ่มตั้งแต่สมัยเรียนวิทยาลัยครูสงขลา เมื่อปี 2518 ตอนนั้นพอพักเที่ยงทางวิทยาลัยก็เปิดแต่เพลงคนกับควายและเพลงเปิบข้าว ทุกวัน พอมาเป็น ตชด.เวลาไปตั้งฐานฯในป่าแถว อ.เบตง ก็พกซาวด์อะเบ๊าท์ ฟังเพลง ยิ้มกลางสายฝน อีแหมะ ชายคนนั้น จดหมายจากแม่ ฯลฯ ตอนนั้นผู้บังคับหมวด คือ ร.ต.ต.สมเกียรติ มณีเนตร ซึ่งจบมาจากสามพรานใหม่ท่านก็ชอบฟังเพลงของพี่หงาด้วย เลยคุยกันถูกคอ ผมยังนึกอยู่เลยว่าอุดมการณ์ของพี่หงาน่าจะอยู่ฝ่ายเสื้อแดง แต่ไหงกลายเป็นฝ่ายเสื้อเหลืองไปเสียได้.

สมัยหนึ่ง..ช่วงที่หัดเล่นดนตรี คาราวานเป็นต้นเเบบให้หลายเพลง เริ่มสนใจ หาประวัติวงนี้มาอ่าน ปรากฎว่ามีบทเรียนมากมายที่เกิดขึ้น....จากการอ่านครั้งนั้น...สรุปสั้นๆ ได้ คือ

1.ความอดทน

2.การมีความคิดที่กว้างไกล

3.การไม่ยอมจำนนกับบางสิ่งบางอย่าง

4.การดำรงตนในสถานการณ์วิกฤต

5.ความมั่นคง

6.การต่อสู้ที่ไม่ย่อทัอ

7.ส่วนรวม

 ขอบคุณหมอน้อย447 ครับเราคอเดียวกันชัวร์ครับ

ฟังเพลงคาราโอเกะร้อยบุปผาแบบเต็มๆได้ตามลิ้งค์นี้ค่ะ..คลิกฟังเบยนะคะ..

http://i275.photobucket.com/player.swf?file=http://vid275.photobucket.com/albums/jj314/ch-a/5a894d67.flv

 

ขอบคุณเพื่อนที่เเสนดีครับ

http://tantawan1963.multiply.com/photos/album/10/10

มีคนพูดถึงคาราวานกันมากมายครับผมเเวะมาก่อนนอน...เอาภาพมาฝาก

            

 

                                  

             เส้นทางทำเพลงของน้าหมูพงษ์เทพ

      ต้องกลับไปหน้าฝนปี 2526 โน่นกระมัง เทปคอนเสิร์ตคาราบาวที่มีเพลง "โคราช" และ "เฉย" ในนั้น ทำให้ผมได้รู้จักและชื่นชอบหมอเพลงเมืองโคราช ... จากนั้น งานเพลงชุดที่สอง (เดี่ยว # 1) ของพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ก็ออกมาวาดลวดลายใส่ลูกคอสิบสองชั้นหันลิ้นอีกยี่สิบตลบ แล้วมิตรรักแฟนเพลงก็รู้จัก "ศิลปินเดี่ยว" (น่าจะเป็นน้าหมูนี่แหละที่เป็นคนใช้คำนี้คนแรก ๆ ของไทย) ผ่านเพลง คนกับหมา ตายหยังเขียด ลิงทะโมน ครูไม่ใหญ่ และเพลง มือเรียวเกี่ยวรวง ... หากเพื่อชีวิตมีทัพหน้า คือ คาราบาว (เมด อินไทยแลนด์) พงษ์เทพ ก็คงเป็นเงาตามตัวคาราบาวไปทุกหนทุกแห่ง เพราะในงานเพลงพงษ์เทพสองชุดแรก คือ ห้วยแถลงและเดี่ยว # 1 มีคาราบาวเป็นกำลังหลักทั้งในสตูดิโอและเวลาเล่นคอนเสิร์ต บางคอนเสิร์ตของคาราบาว น้าหมูเองก็ทำหน้าที่คล้าย ๆ กับเป็นโฆษกวงให้ด้วยซ้ำ ... ความสามารถด้านการเขียนเนื้อเพลงนั้น ยังมีอะไรจะต้องอธิบายอีกไหม หากเราจะเอ่ยถึงเพลงของเขาอย่าง นกเขาไฟ นกละเมอ หยดน้ำ รื่นเริง สันทรายมูล ลิงทะโมน ตรงเส้นขอบฟ้า เพียงลมพัดผ่าน วันเวลา มือเรียวเกี่ยวรวง ลำตะคอง ยิ้มเหงาๆ เศร้างาม ๆ คิดถึงบ้าน ฝนจางนางหาย คิดถึง ด.ญ.ปรางค์ ลมรำเพย หรือแม้แต่เพลงฮิตอย่าง ตังเก น้ำตาหอยทาก จ.รอคอย ล้วนแสดงชั้นเชิงกวีมีทำนอง ... ว่ากันว่า ความเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์ของพงษ์เทพนั้น ฉายแววมาตั้งแต่เป็นโฆษกวงฅาราวานแล้ว เพราะหัวขบวนเพลงเพื่อชีวิตอย่างฅาราวานนั้นขาดโฆษก ขาดคนพูดคุยกับคนฟัง ลองหาซีดีชุด caravan live concet for unicef มาฟังดูนะครับ โดยเฉพาะตอนก่อนขึ้นเพลงสุดท้ายในคอนเสิร์ต (คาราวาน) จะเห็นว่า น้าหงาในตอนนั้นช่างต่างกันลิบลับกับหงา เชิญยิ้มในปัจจุบัน ... หากเคยฟังเทปคอนเสิร์ต 15 ปี ฅาราวาน หรือแม้แต่เทปคอนเสิร์ตคาราบาว (ที่ขายโดยอามีโก้นะครับ) ที่มีเพลงพงษ์เทพด้วยแล้ว อีตาพงษ์เทพนี่ล่ะ สุดยอดเอนเตอร์เทนเนอร์เลยล่ะ (เคยมีคนพยายามเปรียบเทียบไว้ในนิตยสารสีสันว่า หากฝั่งเพลงป๊อปมีเบิร์ด - ธงไชย ฝั่งเพื่อชีวิต ก็มีน้าหมู - พงษ์เทพ นี่หละ) มีอยู่ช่วงหนึ่งน้าหมูออกเทปคนพูดเพลงมา ประมาณว่า พูดมากกว่าเล่นเพลงซะอีก แต่คนก็ซื้อ ผมก็ซื้อมาฟังนะ ... สำหรับผมแล้ว เสน่ห์ของการเล่นคอนเสิร์ตของน้าหมูก็คือ มีน้าหมูกับกีต้าร์โปร่งตัวเดียวนั่นหละ จะได้เห็นปฏิภาณ ลีลา อารมณ์ของน้าแกเต็มที่ หรือหากเล่นเป็นวงก็ต้อง 3 อ. (อืด - ทองกราน ทานา -กีตาร์/ อู๊ด ยานนาวา -กลอง / เอ็ดดี้ - สุเทพ ปานอำพัน - เบสกีตาร์ แล้วมี เครื่องเป่าเครื่องเคาะจากคัมภีร์ ณ สูงเนิน) หรือไม่ก็ข้ามไปแจมกับคาราบาว หรือ ฅาราวานไปเลย ... แต่ช่วงหลัง ๆ นับจากคอนเสิร์ตส่วนตัว (คอนเสิร์ตเดี่ยวอย่างเป็นทางการครั้งแรก) ที่สไมล์เรดิโอจัดเมื่อเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา น้าหมูก็มีวงแบคอัพเป็นของตัวเองชื่อวง โคราชา จากนั้นเป็นต้นมา น้าหมูก็ถือกีตาร์ไฟฟ้าแทนกีตาร์โปร่ง จากนั้นวงดนตรีสนับสนุนของน้าหมูก็เปลี่ยนมาเรื่อย ๆ ล่าสุดก็เป็นวงที่มีเครื่องเป่าที่สามารถเอาเพลงชุดเก่า ๆ อย่าง "มันดี" มาเล่นได้อย่างสนุกสนาน เพียงแต่ความสดและพลังของน้าหมูกลับดูล้าโรยลงไป หรือกาลเวลาพาทานตะวันหนุ่มใหญ่แห่งไร่ดอกเหงื่อไปเป็นทานตะวันในสายัณหสมัย ... เพียงอยากบอกว่า ผมคิดถึงเพลงน้าหมูหลายเพลงเหลือเกินในแล้งนี้ เพลง มือเรียวเกี่ยวรวง มันฉายภาพความงามสุดท้ายของดินอีสานก่อนจะผ่านมาสู่ภาพแห้งแล้งพร้อมเสียงเพลงไอแอมอีสาน ฝนจางนางหาย ตายหยังเขียด ตังเก และคิดถึงบ้าน ... ในยามรัก เพลงอย่าง ขอบฟ้าขอบใจ ตรงเส้นขอบฟ้า จะอ้อยอิ่งอิดออดเพียงใด ... ในยามต้องการปลอบโยนให้กำลังใจ วันเวลา คิดถึง โลกหยอกล้า และ ยิ้มเหงา ๆ เศร้างามๆ จะงดงามเพียงใดในน้ำมิตร ... เป็นคืนที่นอนไม่หลับ และกระสับกระส่ายกับการงานที่พันพัว ครั้นมองออกไปรอบตัวก็พบว่า มีเพื่อนรักที่จ่อมจมระทมเศร้าเรื่องราวที่รุมเร้าในหัวใจ อยากมีคำปลอบโยน อยากมีคำปลอบใจ ก็เลยพูดพร่ำไปยาวไกล สุดท้ายก็เพียงแค่จะขอยืมเพลง "วันเวลา" ของน้าหมูมามอบเป็นกำลังใจให้เพื่อนรัก ... มีนาคมสำหรับผมนั้นนับว่าไม่น่ารื่นรมย์นัก แต่หากมองไปที่เพื่อน อารมณ์ลมเพลมพัดแบบผม คงเป็นเรื่องเล็กน้อย ใช่ไหม? ... มีความหวังเป็นทางสร้างทำ มีความช้ำเป็นกำลังใจ เอาความจริงที่แตกสลาย ใส่เบ้าหลอมรวมเป็นพลัง เอาความเลวที่เกาะเกรอะกรัง กลั่นมันทิ้งกลิ้งเป็นตะกอน เอาน้ำตาที่เคยเปียกหมอน ไปราดรดร่างคนรุ่มร้อน ให้ชุ่มเย็น ไม่ย่ำยี... ... บางที เราก็หล่อเลี้ยงความจริงด้วยความฝัน บางที เราก็หล่อเลี้ยงความฝันด้วยความจริง และอยากให้รู้ว่า เราจะผ่านมันไปด้วยกัน นับเป็นเพื่อนมิตรกันแล้ว ถึงคราวเจ็บช้ำน้ำตานอง คำปลอบโยนให้กำลังใจจะยังมีให้กันต่อไป เพียงอยากบอกว่า ผมคิดถึงเพลงน้าหมูหลายเพลงเหลือเกินในแล้งนี้ เพลง มือเรียวเกี่ยวรวง มันฉายภาพความงามสุดท้ายของดินอีสานก่อนจะผ่านมาสู่ภาพแห้งแล้งพร้อมเสียงเพลงไอแอมอีสาน ฝนจางนางหาย ตายหยังเขียด ตังเก และคิดถึงบ้าน

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=405580

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้บทเรียน จากคาราวานด้วยคนค่ะ
  • เพลงเพื่อชีวิตทุก ๆ เพลงให้ความหมายดี ไม่มีราคา แต่มีคุณค่าในตัวของเพลงเอง
  • ขอบคุณค่ะสำหรับบันทึกดี ๆ

        ขอบคุณครับคุณบุษรา

  • ที่เข้ามาเเลกเปลี่ยน ผมชอบวงนี้มานาน
  • ด้วยเเนวเพลง การคิดเชิงสังคม
  • การนำเสนอที่คลาสสิค เป็นต้นครับ

เมื่อมีจุดหมายปลายทางแล้ว

นำมันมาเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อเดินเข้าสู่วิถีอย่างมีสุขตลอดเส้นทาง..

สาธุขอรับอาจารย์..

นมัสการท่านครับ ผมปรีดามากที่ท่านเยี่ยมเยียนครั้งนี้ครับ

น้องอ้อยเล็กจ๋า

ช่วยพี่หน่อย..ขอภาพดอกไม้สวยๆ

พร้อมตัวหนังสือ..คุณธรรม 8 ประการ

เอาภาพละข้อนะจ๊ะ...พี่จะไปทำป้าย อิงค์เจ็ท

โรงเรียนพี่เปิดแล้วจ้ะ

ขอโทษทีค่ะ อ.กู้เกียรติ

นึกว่าเป็นบล็อค น้องอ้อยเล็ก

ขอโทษนะคะ ลบให้ด้วย

อ๋อไม่เป็นไรครับ เจ้าอ้อยเล็กเพื่อนผมคนนี้ เข้าออกบ้านนี้จนไม่รู้ใครเป็นเจ้าของบ้านเเล้วครับ...ไม่นานคุณเธอจะยึดแล้วครับ

http://www.imeem.com/majortum/music/u0K61Yfp/04-mp3/

ไปฟังเสียงพิณของมงคล อุทก กันดีกว่าครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท