วราภรณ์
นางสาว วราภรณ์ (ดอกไผ่) ธรรมทิพย์สกุล

เรื่องเล่าจากห้องนวด...


ความสะอาดทำให้ชีวิตสดใส

 

กราบเท้า  คุณลุงคุณป้าด้วยความเคารพรัก

             ช่วงนี้ปิดเทอมค่ะ  พอมีเวลาเขียนบล็อกบ้นทึกความจำดี ๆ ได้บ้างค่ะ   จำได้ว่าปิดเทอมทุกครั้งหนูหน่อยมักจะเดินทางไปเยี่ยมคุณลุง คุณป้าเสมอ... หลายปีมาแล้วนะคะ...ที่หนูหน่อยเก็บตัวไม่เคยไปเยี่ยมใครอีกเลย   หลังจากที่คุณลุง คุณป้าจากไป...อย่างไม่มีวันกลับ   ทิ้งไว้แต่ความทรงจำดี ๆ ที่ทำให้คิดถึง  แม้วันนี้ก็ยังรู้สึกคิดถึงเป็นที่สุดค่ะ... 

             เมื่อคืนก่อนนอนนึกอยากอ่านหนังสือ   มองเห็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ บนชั้นหนังสือหยิบมาเปิดหน้าแรก  ได้พบลายมือ  บรรจง เป็นระเบียบเรียบร้อยของคุณลุง..."ฝากหนูหน่อยไว้คอยบรรเทาทุกข์"....ได้อ่านจนเกือบจบ "สู้กิเลสด้วยธรรมาวุธ" ปาฐกถาของ   หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ...   ท่านเล่าเรื่องการดำเนินชีวิตของหลวงปู่พุทธทาส   อ่านแล้วประทับใจมากในวิถีชีวิตที่เรียบง่าย   ท่านไม่มีโต๊ะเขียนหนังสือ เวลาเขียนหนังสือก็นั่งบนม้าโยก ใช้แผ่นกระดานวางไว้บนหน้าตัก  แล้วก็เขียนหนังสือ  ตื่นตีสาม  มานั่งอ่านหนังสือ  เขียนหนังสือ  มีเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องหนึ่งเวลาพิมพ์ก็นั่งกับพื้น  คิดอะไรได้ก็อัดเสียงบ้าง  พิมพ์บ้างเขียนบ้าง....  นักปราชญ์มักดำเนินชีวิตด้วยความเรียบง่ายทิ้งมรดกทางปัญญาให้กับผู้คน       ต่างจากทุรชนที่สร้างรอยจำให้ผู้คนเกลียดชังสาปแช่ง  แม้มีลมหายใจอยู่....

             ช่วงนี้มีข่าวไม่ดีหลายอย่างค่ะ    โลกใบนี้ผู้คนกำลังลำบาก        มุมหนึ่งของโลกที่ประเทศเคนยาเกิดภัยแล้ง   เอธิโอเปีย ผู้คนกำลังล้มตายเพราะอดอยาก  ฟิลิปปินส์กำลังประสบปัญหาอุทกภัย  เมืองไทยนั้นเล่าหลายจังหวัดก็กำลังบอบช้ำกับภัยน้ำท่วม ท่วมแล้วท่วมเล่า  ท่วมแบบซ้ำซาก  ท่วมแบบยั่งยืน... นี่แหละภัยธรรมชาติที่ไม่มีใครเอาชนะได้   

               อีกข่าวหนึ่งที่ทราบแล้วตกใจก็คือ  นักชกชาวไทยนายสมบูรณ์ เวียงชัย หรือ    ซาไก จ๊อคกี้ยิม หรือ เงาะ อายุ 19 ปี นักมวยสากลดาวรุ่ง ที่เดินทางไปชกไต่บัลลังก์โลกกับ "คาสึโยชิ นิกิ" ที่ญี่ปุ่น แล้วถูกจับแพ้ทีเคโอ  ในยกที่ 10 แต่ "ซาไก" บอบช้ำหนักเลือดคั่งในสมองเสียชีวิต ที่ประเทศญี่ปุ่น  อ่านแล้วก็สลดใจกีฬามวย กีฬาชนไก่ให้อะไรแก่คนดู  และคนเล่น  

              เปลี่ยนเรื่องดีกว่าค่ะ  วันก่อนหนูหน่อยไปนวดมาค่ะ  รู้สึกปวดเมื่อยสงสัยจะเขียนบล็อกมากเกินไป... ไปนั่งรอที่โรงพยาบาลในตอนเย็น (นอกเวลาราชการ)  ได้พบลูกศิษย์เดินอุ้มแตงโม (ตั้งครรภ์ค่ะ) มือหนึ่งก็หิ้วตะกร้า  มือหนึ่งก็หิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่ซึ่งบรรจุขนมขบเคี้ยวเต็มไปหมด ครรภ์แก่คงใกล้คลอดแล้ว เห็นแล้วก็ตกใจค่ะ...

               ใครเลยจะคาดคิด  เด็กสาวผิวขาวหน้าใส   หน้าตาสะสวย  มีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี  ขยันขันแข็ง  ทำงานสารพัดเพื่อส่งตัวเองเรียนแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ ด้วยการทำงานที่ตนเองถนัด เช่นการร่ายรำ ... จะพลาดพลั้งตั้งครรภ์...เดชะบุญที่เรียนจบ มัธยมปลายแล้วแต่คาดว่าเธอคงเริ่มตั้งครรภ์อ่อน ๆ ในช่วงสอบปลายภาคพอดี....พ่อของเด็กก็คงมีปัญหาในครอบครัวใกล้เคียงกัน  เมื่อคนเหงาพบกับคนเหงา...ผู้ที่ต้องเหงากว่าก็เกิดมา... เห็นแล้วก็เศร้าใจ       เคยทราบข่าวมาบ้างแล้วเพิ่งจะเห็นสภาพจริง... ส่วนลูกศิษย์ผู้ชายก็ใช่ย่อยค่ะคุณลุง   บางคนเรียนจบก็มีลูกเลยค่ะคุณลุง  แถมลูกฝาแฝดอีกต่างหาก 

               คิด ๆ ก็สะท้อนใจนะคะ....นี่กระมังคะความล้มเหลวในสังคมไทย  เคยมีผู้หลักผู้ใหญ่บางคนบอกว่า  วันนี้สอนเรื่องการรักนวลสงวนตัวช้าเกินไปแล้ว  ต้องสอนวิธีป้องกันจะดีกว่า....นับวันผู้คนก็หยาบกระด้าง  มักง่าย และมักมากจนน่ากลัวนะคะ.... อาจเกิดจากเหตุปัจจัยหลายอย่างโดยเฉพาะสื่อที่ส่งผ่าน  ความเจริญของเทคโนโลยีกลับกลายเป็นดาบสองคมที่ทำร้ายผู้เสพที่ขาดปัญญาในที่สุด

               เล่าต่อดีกว่าค่ะ... หนูหน่อยนั่งรอจนได้รับบริการ  และวันนี้ก็มีเรื่องเล่าจากห้องนวดมาเล่าให้คุณลุงฟังค่ะ

               บังเอิญมีหนูหน่อยอยู่คนเดียวที่รับบริการนวดอยู่   บรรดาคุณหมอแผนไทยทั้งหลายซึ่งว่างงานก็เลือกขนมที่เขาเอามาขาย      แล้วก็ล้อมวงกันนั่งขบเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย (เห็นแล้วก็พลอยเปรี้ยวปากค่ะ)   กินกันไปก็นินทากันไปทำให้ออกรสชาติดีค่ะ

                เรื่องแรกก็คือ  เพื่อนร่วมอาชีพคนหนึ่ง เดินหน้าเชิด  มือก็หิ้วอาหาร  ขณะกำลังเดินอยู่นั้นก็ลื่นล้ม  หัวคะมำไปข้างหน้า.... เล่าเสร็จก็หัวเราะกันครื้นเครง  น่าแปลกนะคะคุณลุง            ที่บ่อยครั้งความรู้สึกขบขันของเรามักเกิดจากความเจ็บปวดและความโชคร้ายของผู้อื่นเสมอ  คุณลุงคุณป้าว่าจริงไหมคะ ?

                 เรื่องที่สองที่พอจับประเด็นได้ก็คือ  มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่งที่ทำงานร่วมกัน  จะเป็นคนตรงมาก  เวลาใครด่า  ใครว่าอะไรก็จะเฉย  ไม่เคยโต้ตอบ...ขณะที่กำลังคุยกันนั้น   หมอ...ที่กำลังนวดหนูหน่อยก็พูดทันควันว่า  "รู้เปล่า  จริง ๆ แล้ว พี่...เขาเก็บเอาไว้ในใจ  ก่อนกลับบ้านเขาจะเข้ามาในห้องสปาแล้วก็ปิดประตู  เปิดน้ำ  ตะโกนด่า  คนโน้นที  คนนี้ที..ที่ด่าเขาไว้ ทีละคน ๆ ๆ  แล้วก็หัวเราะชอบใจ  ฮ่า ฮ่า ฮ่า  เปิดประตูกลับบ้านด้วยความสบายใจ   น้ำก็ไม่ปิด.... เธอต้องไปปิดเป็นประจำ

                 อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรคะ ?   ฟังแล้วก็รู้สึกขำนะคะ   หนูหน่อยคิดว่าพูดเล่นจึงถามหมอ... ว่าจริงหรือ  เธอกล่าวย้ำ "จริงค่ะ..อาจารย์  ทำเป็นประจำเลย  หนูดูแลตึกนี้ด้วย.."

                 โลกใบนี้ก็มีอะไรแปลก ๆ ดีเหมือนกันนะคะ... หากทำบ่อย ๆ แบบนี้ก็คงไม่ดีแน่...คงส่งผลต่อสุขภาพจิตระยะยาวแน่นอนค่ะ... หรือคุณลุงว่าอย่างไรคะ ?     สมัยคุณลุงคุณป้าเวลาเครียดได้รับความกดดันแก้ปัญหาอย่างไรละคะ ?

                  วันนี้ต้องปลอบใจคนช้ำรักอีกแล้วค่ะคุณลุง คุณป้า  อยู่ดี ๆ ก็มีเด็กหนุ่มวัยยี่สิบสี่ปีเรียนปริญญาโทอยู่ที่ฝรั่งเศสมาทักทายทาง MSN (คุณลุงคุณป้าคงงงนะคะว่ามันคืออะไร ? เป็นการสนทนากันแบบออนไลน์ค่ะ      โต้ตอบกันได้ทันทีทันควันผ่านระบบอินเทอร์เน็ต)  ไม่ทราบไปได้ที่อยู่ทางอีเมลหนูหน่อยมาจากไหน  สอบถามจึงทราบว่าได้มาจากเพื่อนผ่านเว็บไซต์พลังจิตอีกต่อหนึ่ง....  ใครก็ไม่รู้...รู้แต่ว่าเขามีความทุกข์ใจ  หากเราผลักไส  ไม่ให้เวลา  ไม่ปลุกปลอบใจเขา  เขาก็คงต้องน้อยใจ... 

                   เขามีปัญหาความรักไม่ลงตัวค่ะ  มีผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งมารักเขาแต่เขาไม่รัก      แล้วก็ดันไปรักผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งเขาไม่รักตัวเองแถมมีแฟนแล้วอีกต่างหาก  เรื่องราวความรักบ่อยครั้งที่มันไม่ลงตัว ... หลานเองก็พยายามแนะนำชี้ช่องส่องทางธรรมให้เขาเดิน  ตามลีลาของตัวเอง  ฮ่า ฮ่า  แต่ไม่เคยมีประสบการณ์  เล่านิทานเรื่องสั้น สารพัด  เท่าที่ปัญญาน้อย ๆ จะนึกได้  ดูเขาจะอารมณ์ดีขึ้น  คุยกันเป็นชั่วโมง ๆ แต่ก็
แนะนำหนทางที่ประเสริฐสุดให้เขาศึกษา  เป็นการจุดไฟชีวิตให้คิดถึงกฎไตรลักษณ์ และ
ให้การบ้านเรื่องทำไมคนส่วนใหญ่จึงมองไม่เห็น อนิจจัง ทุกขัง  อนัตตา เพราะอะไรมาบดบัง   หากเขาเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ป่านนี้คงพยายามหาคำตอบอยู่กระมังคะ  

                   บ่อยครั้งที่หนูหน่อยต้องเสียเวลาไปกับลูกศิษย์บ้าง  ผู้คนที่มีความทุกข์ยากบ้าง  ต้องคอยปลอบขวัญ  ให้เวลา  ให้กำลังใจเขา  ให้เขามีความสุข  แม้บางครั้งเรารู้สึกเสียดายเวลา       แต่เราก็ต้องทำเพราะเป็นการสร้างกุศลอย่างหนึ่ง  คุณลุงว่าจริงไหมคะ?  "การทำความดีทำได้ทุกโอกาส  ความประมาททำให้พลาดจากความดี"

                   ดึกแล้วค่ะคุณลุงคุณป้า  จริงแล้วคนเราควรอาบน้ำก่อนตะวันตกดิน  นอนก่อนสามทุ่ม  ตื่นตั้งแต่เช้า  เพื่อส่งเสริมนาฬิกาชีวิตให้ลงต้วแต่ก็ทำยากเหลือเกินค่ะ  ฉบับหน้าค่อยพบกันใหม่นะคะ

                                                         ด้วยความเคารพรัก

                                                               หนูหน่อย
                                                            ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๒





"ความสะอาดทำให้ชีวิตสดใส
ความไม่มีระเบียบวินัยทำให้ชีวิตยุ่งเหยิง
ความไม่ซื่อสัตย์สุจริตทำให้ชีวิตเป็นมลทิน"
     ( ข้อคิด เก็บตกค่ะ)

     ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต   

                   

หมายเลขบันทึก: 306807เขียนเมื่อ 18 ตุลาคม 2009 22:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 23:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

แวะมาอ่านความสะอาดทำให้ชีวิตสดใส

ขอให้มีความสุขกับการพักผ่อน

สวัสดีค่ะพี่ธรรมทิพย์...
บางคนระบายความคับแค้นใจ...มีพี่คนหนึ่งเป็นคนสุขุมคัมภีรภาพมาก...น้องจึงถามเขาว่า "พี่ไม่เคยโกรธใครเลยเหรอ"...เขาตอบว่า "โกรธสิ"...จึงถามต่อว่า "แล้วพี่เคยต่อว่าหรือปะทะคารมกับเขาไหม เห็นพี่เป็นคนวางเฉยมาก"...เขาตอบว่า "โต้ตอบบ้าง...แต่บางเรื่องคิดแล้วว่าไม่พูดน่าจะดีกว่า...พอกลับบ้านก็จดคำพูดที่อยากต่อว่าใคร ๆ ในสมุดบันทึก...ระบาย ระบาย แล้วก็ระบาย...จบ"...แต่ยามพี่เขาพูดแต่ละครั้งฟังดูเสมือนว่าจะหวานแต่ฟังให้ดีช่างเชือดเฉือนใจคู่ต่อสู้เหลือเกิน...เรื่องบางเรื่อง กับคนบางคน "พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทองน่าจะดีกว่า"...ป่ายิ่งลึกยิ่งเงียบ ยิ่งน่ากลัว...เหมือนคนเลยนะคะ...แฮ่ๆๆๆ มีความสุขกับชีวิตนะคะ

  • สวัสดีค่ะ น้องVij P
  • พักผ่อนหรือยังคะ ?  อย่าบอกว่ายังไม่นอนนะคะ
  • ขอบคุณค่ะที่แวะมาอ่าน  อีกทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ดี ๆ ค่ะ
  • เขียนใส่สมุดระบายความรู้สึก...ก็ดีค่ะไม่เดือดร้อนใคร 
    "...ป่ายิ่งลึกยิ่งเงียบ ยิ่งน่ากลัว...เหมือนคนเลยนะคะ..."
    คนยิ่งเงียบยิ่งเก็บกดกระมังคะ ?   คนที่ชอบพูดชอบบ่น...ดีกว่าคนไม่พูดนะคะ
    เพราะอย่างน้อยก็ได้ระบายออก... อิ อิ

 

มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีเป็นคนจู้จี้ ขี้บ่น ขี้ว่า ภรรยา มาก มาก แต่ภรรยาไม่เคยโต้ ตอบ จนสามียอมแพ้ และสอบถามภรรยาว่า เนี่ย เธอ ฉันว่า อะไรเธอทำไมเธอไม่เคยเถียงไม่เคยโกรธเลย เธอทำไม เป็นคนดี อย่างเนี่ย เธอมีเคล็ดลับระงับอารมณ์ โกรธได้อย่างไร สามี สอบถาม...ภรรยาบอกว่าทุกครั้งที่คุณด่าฉัน บ่นฉัน ฉันก็จะเอาแปรงสีฟันของคุณ จุ่มลงไปในคอห่านชักโครก ฉันก็หายโกรธคุณแล้ว....5555

  • สวัสดีค่ะ  คุณป้าเหมียว P
  • ขอบพระคุณค่ะที่มาทักทายพร้อมกับแลกเปลี่ยนวิธีระบายอารมณ์...
    ภรรยาคนไหนอยากจะนำไปใช้   คงไม่สงวนลิขสิทธิ์นะคะคุณป้าเหมียว  อิ อิ
    ทำไปได้....

 

บันทึกนี้หลากหลายมุมมองเลยนะครับ ค้มค่าสาระดีๆ

  • เรียน  ท่านรอง ฯ small man
  • ขอบพระคุณค่ะที่เข้ามาทักทาย
    "ชีวิตมีหลายมุมให้มองเสมอค่ะ..."
    ขึ้นอยู่กับคนจะเลือกมองนะคะ...

มาอ่านบันทึก ธรรมะ

"สะอาด สว่าง  สงบ" จงมีแด่ คุณ ธรรมทิพย์

ขอบคุณค่ะ

 

พาน้องๆเยาวชนจิตอาสามาเยี่ยมอ่านเรื่องราวดีๆ ขอให้มีความสุขค่ะ

  • สวัสดีค่ะ คุณครูจิ๋ว P
  • ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยมพร้อมคำอวยพร
  • ขอให้พรนั้นย้อนกลับผู้ส่งเช่นกันค่ะ
  • สวัสดีค่ะ คุณนงนาท P
  • ขอบพระคุณที่พาเด็ก ๆ มาเยี่ยมค่ะ
    ยินดีต้อนรับเยาวชนจิตอาสาทุกคนค่ะ
  • อนุโมทนาบุญกับหนู ๆ ที่สร้างสรรค์สิ่งดีสู่สังคมค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์วราภรณ์

เข้ามาอ่านบันทึกหลายมุมมองครับ

  • สวัสดีค่ะ  คุณBob P
  • ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทายยามดึก
  • สุข  สดใส  ต้อนรับวันใหม่ค่ะ

 

  • ...สวัสดีครับ...คุณวราภรณ์...
  • ...บันทึกนี้ รวมเรื่อง  หลากรส  หลายสไตล์  จริง ๆ นะครับ...
  • ...ก็เพียงแต่ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า "การไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนและผู้อื่นเดือดร้อน" เพียงเท่านี้ ถ้าทุกคนปฏิบัติอย่างจริงจัง สังคมไทยมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันครับ...
  • เรียน ผอ.udomran P
  • ขอบพระคุณค่ะที่ให้เกียรติมาเยี่ยม และแสดงความคิดเห็นค่ะ
  • ...บันทึกนี้ รวมเรื่อง  หลากรส  หลายสไตล์  จริง ๆ นะครับ...
    เห็นด้วยค่ะ  เขียนเองงงเองค่ะ... จับฉ่ายจริง ๆ ค่ะ ยอมรับ  แต่ก็สรรสาระเพื่อคนอ่านเสมอค่ะ
  • ...ก็เพียงแต่ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า "การไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนและผู้อื่นเดือดร้อน" เพียงเท่านี้ ถ้าทุกคนปฏิบัติอย่างจริงจัง สังคมไทยมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันครับ...
  • ถ้าเช่นนั้นก็ต้องเป็น โลกบาลธรรม  ธรรมคุ้มครองโลก  ๒ ข้อ
            ๑. หิริ  ความละอายแก่ใจ     ๒. โอตตัปปะ  ความเกรงกลัวต่อบาป
    ถ้าทุกคนมีคุณธรรมสองข้อนี้รับรองสังคมร่มเย็นเป็นสุขแน่นอนค่ะ..
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท