วันนี้ วันพระ... ก็ได้นำเอาบท กาเล ททนฺติ สปญฺญา วทญฺญู วีตมจฺฉรา... ขึ้นมาเป็นหัวข้อในการแสดงธรรม เฉพาะคำว่า วทญฺญู หรือภาษาไทยนำมาใช้ตั้งชื่อตรงตัวว่า วทัญญู ซึ่งก็เห็นอยู่ทั่วไป เป็นคำที่ต้องอธิบายเพิ่มเติม จึงถือโอกาสนำมาเล่าซ้ำที่นี้...
วทัญญู แปลตามศัพท์ว่า ผู้รู้ซึ่งคำพูด โดยมาจาก วทะ แปลว่า คำพูด และ ญู แปลว่า รู้ (วทะ + ญู = วทัญญู) ดังมีอรรถวิเคราะห์ว่า...
อย่างไรก็ตาม วทัญญู เมื่อเพ่งโดยอรรถ ท่านก็แปลว่า คนใจบุญ คนมีน้ำใจ คนเอื้อเฟื่อ เผื่อแผ่ คนใจดี ... จึงทำให้งงได้ว่ามันเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร จาก ผู้รู้ซึ่งคำพูด จึงมากลายเป็น คนใจดี คนใจบุญ... เป็นต้น
สำหรับผู้เขียนเอง ตอนที่เรียนบาลี เมื่อแปลคำอธิบายตามคัมภีร์ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนักเพราะเข้าไม่ถึง แต่เมื่อจำเป็นต้องนำมาแสดงธรรมจึงต้องตีความให้แตก ซึ่งผู้เขียนก็ขยายความทำนองว่า ญาติหรือเพื่อนเก่าแก่มาเยี่ยมที่บ้าน หลังจากพูดคุยกันแล้ว เค้าก็เล่าให้ฟังว่า
ถ้าเป็นไปทำนองนี้ เราก็พอจะรู้จากคำพูดได้ว่าญาติหรือเพื่อนที่มาหาเรานั้นเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ แต่ไม่กล้าพูดตรงๆ จึงได้ช่วยเหลือไปตามสมควรเท่าที่พอจะช่วยได้... ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จัดว่า วทัญญู คือ รู้ซึ่งคำพูด (แต่ถ้าแกล้งเมินเฉย เอาหูทวนลม หรือบ่ายเบี่ยงไปพูดเรื่องอื่น ก็ไม่ชื่อว่า วทัญญู)
อนึ่ง คัมภีร์บางแห่งยกประเด็นว่า แม้พระ-เณรที่อุ้มบาตรมายืนอยู่หน้าบ้านตอนเช้า เราเห็นแล้วทราบได้ทันทีว่า "ท่านมาบิณฑบาต" จึงได้จัดหาสิ่งของใส่บาตรตามสมควร... แม้อย่างนี้ก็จัดว่า วทัญญู ผู้รู้ซึ่งคำพูด เช่นเดียวกัน
เฉพาะประเด็นนี้ ผู้เขียนเพิ่มเติมว่า คำพูดหรือถ้อยคำนั้น เกิดจากวจีกรรม แต่อาจแสดงออกทางวาจาหรือกายก็ได้ เช่น ถ้าเพื่อนชวนเราว่า ไปทะเลหรือไม่ ? เมื่อเราตอบว่า ไม่ไป ก็จัดเป็นวจีกรรมเป็นไปทางวจีทวาร... แต่ถ้าเราไม่พูดอะไร เพียงแต่สั่นศรีษะ ก็จัดเป็นวจีกรรมเป็นไปทางกายทวาร เพราะเป็นการให้รู้ว่าเป็นการปฏิเสธการชักชวนเช่นเดียวกัน... ซึ่งก็เหมือนกับที่พระ-เณรมาบิณฑบาตตอนเช้า ท่านขอเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่ได้ขอด้วยวาจาเพราะขอด้วยกายนั่นเอง
สรุปว่า วทัญญู แปลว่า ผู้รู้ซึ่งคำพูด นั่นคือ รู้คำพูดที่ผู้อื่นแสดงออกมาเพื่อให้เราช่วยเหลือบางสิ่งบางอย่าง ถ้าใครแกล้งไม่รู้ ไม่ช่วยเหลือก็ไม่จัดเป็นวทัญญู ซึ่งการเป็นวทัญญูตามนัยนี้ ตรงกับสำนวนแบบไทยๆ ว่า คนใจดี คนใจบุญ คนมีน้ำใจ คนชอบช่วยเหลือเผื่อแผ่ผู้อื่น นั่นแล..
ศัพท์นี้กระผมก็ติดในสำนวนว่าเป็นผู้รู้ถึงถ้อยคำของผู้มีความต้องการมีสันดานปราศจากตระหนี่ จนชินครับ มาเห็นพระอาจารย์อธิบายไว้ก็ค่อยชัดเจน ได้ความรู้ดีครับผม