ปล่อยไป ตามเวร ตาม "กรรม..."


บางคนถึงทำดีมาตลอดทั้งชีวิต แต่ไปทำดีในที่ได้ดีน้อย ก็เลยมาบ่นว่า ทำไมทำดีถึงไม่ได้ดี

 

เงินนั้นส่งเราได้ไกลกว่านั้นอีกนิดหนึ่ง คือ ส่งถึง "เชิงตะกอน"

ตอนนั้นครอบครัว ลูก หลาน ญาติพี่น้องก็มาคอยส่งเราพร้อมหน้า

ส่งแล้วเราก็ไป เขาก็กลับ ร่างกายก็ย่อยสลายด้วยไฟอยู่ตรงนั้น

ตอนเกิดมาเราก็ไม่ได้เอาอะไรมา ตอนไปเราก็ไม่ได้เอาอะไรไป

มีแต่ "กรรม" ที่เราทำไว้จะติดตามเราไปในชาติหน้า

ชาตินี้นั้นโอกาสดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา

โอกาสทำดีนั้นดีมาก การได้เกิดมาเป็นคนไทย อยู่ในประเทศไทย ชีวิตนั้นถูกหล่อหลอมให้เราเรื่องในเรื่องเวร เรื่องกรรม

วันก่อนเจอโยมป้าที่ไปอยู่ต่างประเทศมานาน (ประมาณ ๓๐ ปี) เขาเชื่อเรื่องเหตุและผลมากกว่าเรื่อง "กรรม"

เรื่อง "กรรม" นั้นเป็นเรื่องนอกเหตุ เหนือผล

เราก็เพิ่งรู้กระจ่างใจนี้เองว่าฝรั่งเขาคิดกันอย่างนี้ เขาเชื่อแต่ในการกระทำของตน

จะว่าไม่ดีก็ดีนะ เขาเชื่อในการกระทำของเขา "ทำดีต้องได้ดี" เขาเชื่ออย่างนั้น

แต่ความเชื่อนั้นก็ถูกครึ่งหนึ่ง

อีกครึ่งหนึ่งคือ เขาไม่รู้ว่าทำดีอย่างไรได้ดีน้อย ทำดีอย่างไรได้ดีมาก

บางคนถึงทำดีมาตลอดทั้งชีวิต แต่ไปทำดีในที่ได้ดีน้อย ก็เลยมาบ่นว่า ทำไมทำดีถึงไม่ได้ดี

เหมือนกับโยมป้าที่บ่น ว่าป้าทำดีมาตลอดทั้งชีวิต ทำไมป้าต้องมาเจอปัญหาหนัก ๆ แบบนี้

ก็ป้าไปทำความดีกับใครบ้างเล่า...?

ไปทำความดีกับบุคคลผู้ทุศีลมาตลอดชีวิต เลี้ยงดูคนงานในร้าน ให้เขากินอิ่ม นอนหลับ ทำร้อยครั้งยังไม่เท่ากับเลี้ยงดูคนมีศีลห้าเพียงครั้งเดียวเลย

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงบุคคลผู้มีศีล ๘ นะ ยังไม่ต้องพูดถึงสมมติสงฆ์นะ ยังไม่ต้องพูดถึง "พระอริยะเจ้า" นะ โยมป้าต้องทำทานนับได้อีกหลายภูเขาเลยแหละ ถึงจะเทียบเท่ากับการรักษาศีลของตนเองให้ดี...

ตอนนี้ชวนไปวัดก็ไม่ไป ป้าบอกว่า "ใคร ๆ ก็รู้ว่าปกติป้าไม่เข้าวัด ป้าเชื่อในการทำความดีของตัวเอง" (แล้วจะไม่ปกติบ้างไม่ได้หรือ...?)

เราชวนถึงสามครั้ง เมื่อถึงสามครั้งแล้วก็ต้องปล่อยไป ปล่อยไปตามเวร ตามกรรม...

ป้าให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก มาเมืองไทยนอกจากจะเคลียร์เรื่องบ้าน เรื่องทรัพย์สิน ก็มีแต่โปรแกรมนัดครอบครัวมาสังสรรค์ ไปต่างจังหวัดก็ไปเยี่ยมญาติโก โหติกา ที่ไม่ได้เจอหน้ามานาน กะว่าจะเจอหน้ากันครั้งสุดท้ายก่อนตาย "แล้วตอนตายไปแล้วนี่จะพากันไปได้ด้วยหรือ...?"

เฮ้อ... พระพุทธองค์ซึ่งตรัสไว้ว่า "สัมมาทิฏฐิ" เป็นทางเริ่มต้นแห่งถนนหนทางแห่ง "อริยมรรค"

บุคคลใดที่ยังมี "มิจฉาทิฏฐิ" บุคคลนั้นก็ยังไม่เข้าสู่ถนนหนทางที่จะพ้นทุกข์

งานเลี้ยง งานสังสรรค์ที่มีญาติโก โหติกาพร้อมหน้านั้น ก็ให้ความสนุกสนาน ครื้นเครงกันก็ได้แต่เพียงคืนนี้ ชีวิตนี้ ชาตินี้

แล้ววันข้างหน้าเล่า โอกาสที่จะทำความดีให้สูงไปกว่านี้ โอกาสที่จะรู้จักความสุขที่มากไปกว่านี้ ญาติทั้งหลายที่มาสังสรรค์กันน่ะหรือเขาจะพาไปให้รู้จักได้...!!!

แต่นั่นก็เน๊อะ "ต้นทุน" ของคนเรามันไม่เหมือนกัน กรรมที่เราเคยทำมานั้นไม่เหมือนกัน เมื่อป้าตัดสินใจทำอย่างนั้นก็ต้องปล่อยท่านไป... (ที่มาจากบันทึก เงิน ข้าศึกของความ "สงบ...")

หมายเลขบันทึก: 304072เขียนเมื่อ 8 ตุลาคม 2009 07:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท