ปกปิดด้วยเครื่องต่างๆว่าเป็นเช่นไร ธรรมฐิตแปลมาจากบาฬีวิสุทธิมรรค
แบบอ่านเข้าใจง่ายๆ ลองอ่านกันดูนะขอรับ
กราบนมัสการท่านธรรมฐิตยามเช้าเจ้าค่ะ
กระดูกในร่างกายคนเราแบ่งออกเป็น 206 ชิ้น (ไม่นับรวมฟันนะเจ้าคะ) แล้วก็ไม่นับรวมกับกระดูกอ่อน ทั้ง 206 ชิ้นได้แก่
กระโหลกศรีษะส่วนกลาง(cranium) 8 ชิ้น
กระดูกส่วนใบหน้า(face) 14 ชิ้น
กระดูกส่วนหู(ear) ประกอบด้วย -กระดูกรูปค้อน(malleus) 2 ชิ้น -กระดูกรูปทั่ง(incus) 2 ชิ้น -กระดูกรูปโกลนม้า(stapes) 2 ชิ้น
กระดูกโคนลิ้น(hyoid bone) 1 ชิ้น
กระดูกสันหลัง(vertebral column+sacrum+coccyx) 26 ชิ้น
กระดูกหน้าอก(sternum) 1 ชิ้น
กระดูกซี่โครง(ribs) 24 ชิ้น
กระดูกส่วนแขน(upper extermity) 64 ชิ้น
กระดูกส่วนขา(lower extermity) 62 ชิ้น
ส่วนข้อต่อกี่ข้อ เส้นเอ็นกี่เส้นนั้น ในวิชากายวิภาคศาสตร์ไม่ได้มีบอกไว้เจ้าค่ะ....บอกแต่ว่าเส้นไหนชื่ออะไร เกาะที่ไหนบ้าง
สำหรับทวารทั้ง 9 ในทางการแพทย์บางอวัยวะไม่ได้มีหน้าที่ขับถ่ายของเสียโดยตรง เช่น ตา หรือว่าหู หากแต่พิจารณาให้ดีก็จะเห็นว่ามีแต่ของเสียดังที่ท่านผู้รู้ได้กล่าวมาแล้ว
เคยคิดถามตนเองว่า สิ่งสกปรกเหล่านี้สร้างขึ้นมาทำไม? แม้ว่าพวก อุจจาระ ปัสสาวะ น้ำมูก น้ำลาย เหงื่อไคลเป็นสิ่งสกปรกชวนน่าสะอิดสะเอียนเพียงไร แต่ร่างกายมนุษย์จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านั้น เพื่อรักษาสมดุลของร่างกายและเป็นกลไกลอย่างหนึ่งในการป้องกันร่างกาย หากขาดสิ่งเหล่านี้ไป...ร่างกายย่อมไม่สามารถยังสามารถดำรงอยู่ได้
น้อมธรรมข้อพิจารณานครกายไปพิจารณาเจ้าค่ะ
กราบนมัสการท่านธรรมฐิตยามเช้าเจ้าค่ะ
กระดูกในร่างกายคนเราแบ่งออกเป็น 206 ชิ้น (ไม่นับรวมฟันนะเจ้าคะ) แล้วก็ไม่นับรวมกับกระดูกอ่อน ทั้ง 206 ชิ้นได้แก่
กระโหลกศรีษะส่วนกลาง(cranium) 8 ชิ้น
กระดูกส่วนใบหน้า(face) 14 ชิ้น
กระดูกส่วนหู(ear) ประกอบด้วย -กระดูกรูปค้อน(malleus) 2 ชิ้น -กระดูกรูปทั่ง(incus) 2 ชิ้น -กระดูกรูปโกลนม้า(stapes) 2 ชิ้น
กระดูกโคนลิ้น(hyoid bone) 1 ชิ้น
กระดูกสันหลัง(vertebral column+sacrum+coccyx) 26 ชิ้น
กระดูกหน้าอก(sternum) 1 ชิ้น
กระดูกซี่โครง(ribs) 24 ชิ้น
กระดูกส่วนแขน(upper extermity) 64 ชิ้น
กระดูกส่วนขา(lower extermity) 62 ชิ้น
ส่วนข้อต่อกี่ข้อ เส้นเอ็นกี่เส้นนั้น ในวิชากายวิภาคศาสตร์ไม่ได้มีบอกไว้เจ้าค่ะ....บอกแต่ว่าเส้นไหนชื่ออะไร เกาะที่ไหนบ้าง
สำหรับทวารทั้ง 9 ในทางการแพทย์บางอวัยวะไม่ได้มีหน้าที่ขับถ่ายของเสียโดยตรง เช่น ตา หรือว่าหู หากแต่พิจารณาให้ดีก็จะเห็นว่ามีแต่ของเสียดังที่ท่านผู้รู้ได้กล่าวมาแล้ว
เคยคิดถามตนเองว่า สิ่งสกปรกเหล่านี้สร้างขึ้นมาทำไม? แม้ว่าพวก อุจจาระ ปัสสาวะ น้ำมูก น้ำลาย เหงื่อไคลเป็นสิ่งสกปรกชวนน่าสะอิดสะเอียนเพียงไร แต่ร่างกายมนุษย์จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านั้น เพื่อรักษาสมดุลของร่างกายและเป็นกลไกลอย่างหนึ่งในการป้องกันร่างกาย หากขาดสิ่งเหล่านี้ไป...ร่างกายย่อมไม่สามารถยังสามารถดำรงอยู่ได้
น้อมธรรมข้อพิจารณานครกายไปพิจารณาเจ้าค่ะ
ขอบพระคุณเจ้าค่ะ...จะน้อมนำสิ่งต่างๆ ในร่างกายมาพิจารณาอสุภะเจ้าค่ะ เผื่อว่ายางเหนียวที่ยึดเหนี่ยวจะได้คลายลง...
...ร่างกายที่สมดุล..(เมื่อถูกพิจารณาแล้ว)..มักจะเลือกเดินทางสายกลางใช่ไหมคะ..พระคุณเจ้า..
อ่านแล้วเหมือนพระสมัยก่อน มีอาหารเก่า อาหารใหม่ เกษา โลมา ทันตา นะขา ตะโจตะโจ หลวงพี่สบายดีไหมครับ
นมัสการ พระคุณท่าน
อ่านท่อนแรกแล้วเห็นภาพเลยขอรับ
นมัสการค่ะ...หลวงพี่
"ถ้าข้างในของกายนี้พึง(กลับ)เป็นข้างนอกไซร้ บุคคลก็จะพึงถือไม้ไว้คอยป้องกันกาและสุนัขอย่างแน่นอน"...มนุษย์มักพึงใจกับสิ่งห่อหุ้มภายนอกเจ้าค่ะ...เหตุเพราะเป็นสิ่งต้องตาต้องใจ...หากเป็นสิ่งของแม้ราคาจะแพงกว่า...แต่ก็ยอมซื้อเืพราะความยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอก...ยิ่งหากเป็นของราคาเท่ากัน แต่รูปลักษณ์ต่างกัน ใคร ๆ ก็ต้องเลือกที่รูปลักษณ์เจ้าค่ะ...อยากนะเจ้าค่ะ เรื่องของความพึงใจ...ต้องตานี่...อยากนะเจ้าค่ะเรื่องของการยึดติดกับสิ่งของอะไรสักอย่าง...เพราะตอนที่เข้าไปฝังในความรู้สึกมนุษย์มันก็คงใช้เวลานานอยู่หรอก...ดังนั้นกว่าจะแซะให้หลุดได้คงใช้เวลานานกว่า...ค่อย ๆ แซะความคิดที่ยึดติดทีละน้อย ในแต่ละวัน คงหลุดหมดสักวันนะเจ้าค่ะ...ไอ้ยางเหนียว ๆ ที่ติดหนึบนะเจ้าค่ะ
ขอบพระคุณเจ้าค่ะ