มีโอกาสได้ดูรายการ "วันนี้ที่รอคอย" ซึ่งเป็นเรื่องราวของแม่ที่จำใจต้องทิ้งลูกคนเล็กวัย 8 เดือนไว้กับพ่อของเด็กกับปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้น ซึ่งแม่คิดว่าพ่อน่าจะพอเลี้ยงดูลูกได้ โดยหอบไปเฉพาะลูกสาวคนโตวัย 2 ขวบ...
แล้ววันนี้แม่ก็ขอให้ทางรายการช่วยออกตามหาลูก ด้วยความคิดที่ว่าก่อนตายก็ขอให้ได้เห็นหน้าลูกสักครั้ง แต่เมื่อทางรายการได้เจอลูกสาวคนเล็กซึ่งขณะนี้ก็วัยยิ่สิบแล้ว เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เนื่องจากลูกสาวกำลังสับสนและรู้สึกเสียใจกับการที่ถูกแม่ทิ้งไปตั้งแต่ยังเล็ก แล้วยังถูกนำไปทิ้งในถังขยะอีก...
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็เติบโตมาพร้อมกับความรู้สึกเสียใจและน้อยใจที่แม่ตัดสินใจทิ้งตนเองไป โดยไม่นึกถึงจิตใจตนเองบ้างว่าอยากไปกับแม่มั้ย และตนเองจะรู้สึกไม่โกรธแม่เลยหากจะต้องไปลำบากกับแม่ ดีกว่าต้องตกอยู่ในสภาพของเด็กที่ถูกทิ้ง...
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในรายการคือ "แม่" ก้มลงกราบ "ขอโทษ" ลูกที่ลูกยังไม่หายโกรธแม่และไม่ยอมมองหน้าแม่...
มาถึงตรงนี้สำหรับความรู้สึกของคนไทย ด้วยระบบคุณค่า และวัฒนธรรมความกตัญญูของคนไทยที่ปลูกฝังกันมา หลาย ๆ คนรู้สึกสลดใจและรับไม่ได้กับภาพที่เห็น กับการที่แม่ต้องก้มลงกราบขอโทษลูก...
สำหรับผมแล้วสิ่งที่ได้เห็นคือ ภาพของความเสียใจของคนสองคนที่เกิดขึ้น โดยที่ทั้งสองคนมีเหตุแห่งความเสียใจที่น่าเห็นใจกันทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้กระทำและผู้ที่ถูกกระทำ เพียงแต่เหตุการณ์ในวันนี้ผู้กระทำกลับกลายเป็นผู้ถูกกระทำ...
แต่ท้ายที่สุดแล้วตอนจบของเรื่องราว ๆ นี้ก็จบลงตรงที่ความเข้าใจกัน เพราะ "ปมเหตุ" แห่งความเสียใจก็คลี่คลายลงได้ด้วยการให้ "อภัย" ...
เหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคนก็ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยของคน ๆ นั้นนะครับ ประคับประคอง "จิตใจ" ของเราให้ดี ๆ นะครับ ชีวิตของเราจะได้ผ่านพ้นเหตุการณ์ที่ร้าย ๆ ไปได้ด้วยดีครับผม...
ไม่ได้ดูรายการเเต่พอจะนึกภาพออกจากการบรรยายของคุณดิเรก เชื่ออยู่อย่างหนึ่งค่ะว่า เเม่ลูกกันถึงอย่างไรก็ตัดไม่ขาด ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก ความผูกพันที่มีให้กันมันคงจะมากกว่าทุกสิ่งค่ะ ได้เจอกันถือว่าเป็นบุญวาสนาเเล้ว ดีใจกับทั้งเเม่ลูก
ได้ดูเหมือนกันค่ะ ขอบคุณสำหรับการนำมาถ่ายทอดค่ะ
ไม่ผิดเลย ถ้าแม่จะขอโทษลูก
ถ้าแม่ผิด..เข้าใจผิด..เมื่อรู้ว่าผิดก็พูด
แม่ขอโทษ..คำพูดง่ายๆแต่ได้ใจเสมอ
ที่บ้านยินดีพูด..และพูดเสมอถ้าแม่เป็นฝ่ายผิด
ลูกเองก็พูด...ขอโทษครับแม่..เมื่อรู้ว่าตัวเองผิด
การลืม ไม่ใช่ทางออกของการอยู่ร่วมกัน
การให้อภัย..คือ วิธีการที่ถูกต้องที่สุด
...
ผมอยากนำบันทึกสั้นๆ ของคุณดิเรก มาจัดทำเป็นหนังสือทำมือเล็กๆ สักเล่ม เพราะผมเห็นว่ามีแนวคิดที่ดี เป็นมุมมองของชีวิตที่มีต่อโลกอย่างง่ายงาม...
ผมสนใจมากเลยทีเดียวครับ..
ครับ... คุณ ศรีวิรัตน์
ขอบคุณเช่นกันนะครับที่ติดตามอ่านเสมอ...
ครับ... คุณ ครู ป.1
ผมก็เห็นด้วยครับ...
ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มีโอกาสทำผิดพลาดได้นะครับ...
คำขอโทษจากปากคนที่สำนึกผิดน่าชื่นชมนะครับ...
ขอบคุณครับผม...
ครับ... คุณ แผ่นดิน
ด้วยความยินดีมากครับ...
หากเรื่องราวที่เราได้ถ่ายทอดในบันทึก จะได้ออกมาเป็นหนังสือทำมือสักเล่ม...
เพราะมันจะเป็นอีกช่องทางสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตนะครับ...
ขอบคุณครับผม...
เรื่องราวดังกล่าวนี้ในที่สุด ลูกก็ก้มลงกราบ แม่ด้วยน้ำตาแล้วคะ
มันไม่ง่ายเลยที่จะให้อภัยหรืออโหสิกรรมคนที่เคยทำร้ายเรา มันยากมากๆๆ โดนเฉพาะคนที่ขึ้นชื่อว่าแม่ คนนอกทำ ยังไม่เจ็บเท่าคนที่เรียกว่าครอบครัว คนรักหรือเพื่อน แต่ถ้าทำได้มันก็ดีกับตัวเองที่ได้ปลดล็อคความรู้สึก ไม่เคยเจอกับตัวไม่มีวันเข้าใจ การถูกทิ้งตั้งแต่ยังแบเบาะที่ถังขยะมันเหมือนการปล่อยให้ตายเอง เติบโตมาขาดความรักความอบอุ่นและขึ้นชื่อว่าถูกทิ้งตลอดระยะเวลา20กว่าปีไม่เคยอุปถัมป์ไม่อบรมสั่งสอนหรือมาดูดำดูดีวันนึงอยากตามหาลูก คิดหรือมั้ยว่า เด็กที่เราทิ้งขยะในวันนั้นอาจนอนตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ได้คุณเคยคิดบ้างมั้ยว่า ที่ผ่านมาเขามีชีวิตอยู่อย่างไร สุขทุกข์ ปรึกษาเคียงข้างใครได้บ้างทุกคนย่อมมีเหตุผลของตัวเองไม่มีใครไม่รักลูกขนาดหมายังลูกของมัน