กะทิและน้ำมันมะพร้าวเพื่อสุขภาพ สรรพคุณ ประโยชน์เหมือนกัน


กรดลอริก กรดคาพริก กรดไมรีสติก ในน้ำนมแม่ และน้ำมันมะพร้าว แม่ที่มีน้ำนม สร้างให้ลูก

    กินกะทิสดแทนน้ำมันมะพร้าว ได้ เพราะประโยชน์เหมือนกันเมื่อเข้าร่างกาย แต่การใช้กับผิว  น้ำมันจะใช้ได้สะดวก และซึมเข้าผิวดีกว่า มนุษย์สร้างกรดไขมันได้เฉพาะผู้ที่เป็นแม่มีน้ำนมให้ลูกเท่านั้น คนปกติจะได้จากอาหารที่กินเข้าร่างกาย ในน้ำมันมะพร้าวจะมีกรด 7 ชนิดที่เหมือนน้ำนมแม่ มีประโยชน์ต่อร่างกายทารก ก่อนกินอาหารอี่นๆสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันเชื้อโรค   ฯลฯ   ซื่งในน้ำนมมี ประมาณ19 ชนิด(อ่านได้ที่กรดไขมันนม และกรดน้ำมันมะพร้าวในบล็อก) 


ดังนั้นถ้าเรากินอาหารที่มีกรดเหมือนน้ำนมแม่เราก็จะแข็งแรง ไม่มีโรค หรือโรคดีขึ้น การใช้น้ำมันมะพร้าวมาปรุงอาหาร จึงดีต่อร่างกาย เพราะไม่มีคอเลสเตอรอล มาจากต้นไม้เป็นพีช เหมีอนน้ำมันพืชอื่นๆที่มาจากต้นไม้เหมือนกัน( ใช่หรือไม่ )  อย่าเหมารวมว่าเป็นไขมันอื่มตัวแล้วอันตรายเหมือนน้ำมันที่มาจากสัตว์ ช่วยไตร่ตรองสักนิดที่จะโทษ กะทิและน้ำมันมะพร้าว   กะทิเป็นสิ่งที่หาง่าย มีทุกแห่งในประเทศของเรา นำมากินเพื่อสุขภาพได้แล้ว ก่อนที่จะเกิดโรคจากการใช้น้ำมันไม่ถูกตัอง อาหารบางอย่างใช้กะทิแทนน้ำมันได้เลย เช่น ผ้ดสายบัว อร่อยมาก หรือนำกะทิมาทำน้ำสลัด โดยใช้หัวกะทิสด+น้ำผึ้ง+น้ำมะนาว+เกลือ นิดๆ   อร่อยมากเช่นกัน( ไม่มีไข่หรือเนยที่มีคอเลสเตอรอล) และทำได้อีกมากมาย   รวมทั้งการอมรักษาสุขภาพในช่องปาก จะอมได้นาน และหอมกว่า


    การเข้าใจผิดทำให้ไม่ได้รับสิ่งที่ถูกต้องเข้าร่างกาย น้ำมันมะพร้าวไม่เปลี่ยนเป็นไขมัน ชนิดทรานส์  เพราะไม่ถูกเติมไฮโตรเจน ทรานส์ คือสารทำให้เกิดมะเร็ง เหมือนน้ำมันที่เป็นทรานส์เมื่อโดนความร้อนมาก และใช้ซ้ำ จนบางประเทศออกกฏหมายห้าม ประเทศเรานิ่งเฉย


   กรดลอริก คือตัวพระเอก ของกะทิ และน้ำมันมะพร้าวเพราะมีมาก ถึง 48-53 % ในน้ำนมแม่มีประมาณ 12%  จึงมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นพิเศษ เปลี่ยนเป็นพลังงานเร็วที่ตับ ร่างกายใช้เป็นพลังงานหมดและเร็ว ถูกขับออกหมดไม่สะสมในร่างกาย น้ำมันมะพร้าวเป็นพลังงานอย่างดีของมนุษย์  ที่ไม่ทำให้เกิดโรค แต่ทำให้โรคดีขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดโรค 

 

ข้อมูลจาก 

ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา

ศ.ดร.นิธิยา   รัตนาปนนท์ 

รศ.ดร. พงศธร  สังข์เผือก  

อ. สุวัฒน์      ทรัพยะประภา 

 

หรือ วิธีทำน้ำมัน และข้อมูลที่เกี่ยวกับ น้ำมันมะพร้าว     

  

   http://gotoknow.org/blog/kanda01

 

 ด้วยความปรารถนาดี  กานดา แสนมณี

 

                    

 

หมายเลขบันทึก: 299987เขียนเมื่อ 23 กันยายน 2009 05:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม 2013 13:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ต้มยำหัวปลีใส่กะทิมาฝากค่ะ....อร่อยค่ะแทนต้มยำน้ำข้นได้เป็นอย่างดีที่ปัจจุบันชอบใส่นมข้นจืด..ไม่เข้าใจค่ะ..วัฒนธรรมการใส่นมข้นจืดในต้มยำมีมาแต่เมื่อใดค่ะ..แต่ก็นั่นแหล่ะคะอยู่ที่ความชอบนะคะ..บางคนก็ไม่ชอบทานแกงที่ใส่กะทิเอาเสียเลยค่ะ...

กานดา-น้ำมันมะพร้าว

สว้สดีค่ะคุณอ้อยเล็ก

ขอบคุณ นะคะ น่าทานมาก ปลีของโปรดเหมือนกันค่ะ นี่ยังอยู่ในตู้เย็น 1 หัว จะมาลวกจิ้มน้ำพริกกะปิ และทานก้บขนมจีนน้ำพริก

แต่เชียงใหม่หาทานยากค่ะ แกงปลีที่ชม. ไม่ใส่กะทิอร่อยไปอีกแบบ ฝากเผยแพร่เรื่องกะทิด้วยนะคะ ทุกคนจะได้สุขภาพดี

สวัสดีค่ะ  แวะมาทักทายค่ะ

ตามมากินต้มยำหัวปลีค่ะ

แกงเลียงก็อร่อยดีค่ะ

กานดา-น้ำมันมะพร้าว

สวัสดีค่ะ คุณตุ๊กตา

ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาทักทาย ตอนนี้กินกะทิกันปลอดภัยแล้ว ก็จะมีอาหารอร่อยๆที่ใช้กะทิ

แต่อย่าลืมระวังไขมันในเนื้อสัตว์ด้วยนะคะ

ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ

ครูต้อยใช้น้ำมันมะพร้าวบีบด้วยความเย็น

โดยซื้อจากร้านค้าในโรงพยาบาลบ้านแพ้วค่ะ

หอมน่ารับประทาน แต่ไม่เคยรับประทาน

ซื้อมาใช้กับสมุนไพรไทยทาผิว

หน้าหนาวผิวไม่แตกค่ะ

แล้วจะลองทานดูนะคะ

เอ..น่าจะทำเป็นไอศรีมได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณครูต้อย

    น้ำมันมะพร้าวบีบเย็นหรือสกัดเย็น

ที่เราทำเองได้ มีประโยชน์มากมาย

ใช้ได้ทั้งภายในร่างกาย และภายนอกร่างโรคผิวหนังทุกชนิดค่ะ

ได้อธิบายข้อมูล อยู่ในบันทึกค่ะ

 รับประทานแบบแช่เย็นสะดวก

และง่ายเป็นก้อนๆใช้ช้อนตัก ราดน้ำผึ้งอร่อยค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท