ในความไม่ดีของเรื่องก็มีความดีที่แฝงตัวอยู่เป็นเงารางๆ.. หากมัวแต่ทุกข์อยู่กับเรื่องก็อาจจะมองข้ามเงาสะท้อนไปอย่างน่าเสียดาย แต่โชคดีวันนี้..เราพยายามเฝ้ามองจิตใจตัวเองด้วยความเป็นกลางมากกว่าทุกที..!!
วันสองวันนี้.. มีเรื่องแบบไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกแล้ว
ถ้าจะคิดว่าเป็นเรื่องไม่ดี -- มันก็ดูจะเป็นเรื่องเลวร้ายใช่ได้เลย
แต่ถ้าจะคิดว่าเป็นเรื่องดี -- มันก็กลายเป็น 'บทเรียน' อีกหนึ่งเรื่องที่มาทดสอบความเข้มแข็งและแรงใจของเรา เหมือนมาท้าทายเราเล็กๆ ว่า.. "เราจะเอาชนะใจตัวเองได้ไหม และได้อย่างไร??"
ในความไม่ดีของเรื่องก็มีความดีที่แฝงตัวอยู่เป็นเงารางๆ.. หากมัวแต่ทุกข์อยู่กับเรื่องก็อาจจะมองข้ามเงาสะท้อนไปอย่างน่าเสียดาย แต่โชคดีวันนี้..เราพยายามเฝ้ามองจิตใจตัวเองด้วยความเป็นกลางมากกว่าทุกที..!!
- มันทำให้เรารู้สึกว่า.. "เราโตขึ้นแล้วนี่หว่า..!!" เราดูไม่ฟูมฟาย เราดูจะปล่อยวางได้ในเวลาอันรวดเร็ว เราดูจะมองเห็นความเป็นไปของเรื่องโดยใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ แล้วเราก็ไม่โกรธคนที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้น.. แปลกแต่ก็รู้สึกดี..!!
- มันทำให้เรามองเห็นความรักความห่วงใยของคน 3 คน เป็นอย่างน้อย (เนื่องจากไม่ได้เล่าให้ใครฟังสักเท่าไหร่..)
-
คนแรก คือ เพื่อนสนิทที่คบกันมากว่า 15 ปี
- เป็นเพื่อนที่จริงใจที่สุดในโลก เพราะมันจะบอกความจริงให้เรารู้โดยไม่กลัวเราจะโกรธ ด้วยรักและหวังดี และวันนี้มันก็ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างดีเยี่ยม..!!
- เป็นเพื่อนที่ปลอบใจคนไม่เป็น แต่วันนี้มันก็พยายาม เพราะมันรู้ว่าเรากำลังต้องการ
- วันนี้มันทำให้เราเห็นว่า มันสามารถกระโดดเข้ามาช่วยเหลือทุกวิถีทาง แล้วก็พร้อมที่จะ fight กับคนที่ทำให้เราเสียใจ
- แล้วเรารู้ว่า.. เวลาเดือดร้อนใครที่จะอยู่กับเราเสมอ
-
คนที่สอง คือ แม่ที่ไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิดเราในทางกายภาพ แต่เป็นคนให้ชีวิตใหม่แก่เราและสอนให้เรารู้จักชีวิตมากขึ้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม..
- แม่ยังตื่นมารับโทรศัพท์ตอนตี 1 แม้ว่าวันนี้จะเหนื่อยมาทั้งวัน เหมือนแม่รู้ว่าเรากำลังมีปัญหา
- แม่ฟังอย่างตั้งใจ และเตือนสติเราอย่างเป็น "ธรรมะ" ที่สุด
- แม่บอกว่า.. ความผูกพันสร้าง "กรรม" ต่อกัน ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว แม่ให้เลือกว่าจะสร้างกรรมแบบไหนกับใคร เมื่อเราตัดสินใจก็ต้องยอมรับผลกรรมนั้นๆ
- แม่สอนให้มองชีวิตอย่างที่มันเป็น คงมองเหมือนเวลาเราดูหนัง มองเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น อะไรที่ทำได้ก็ทำ อะไรที่ทำไม่ได้เกินกำลังก็ปล่อยวาง
- มีอยู่ประโยคหนึ่งที่แม่พูด และฝังอยู่ในจิตใจตลอดมา แม่บอกกับเราว่า.. "ชีวิตมันก็เป็นเช่นนั้นเอง"
-
คนที่สาม คือ พี่สาวที่แสนดีคนหนึ่ง ที่เราได้รู้จักและสร้างความผูกพันระหว่างกันจากการทำงานเพื่อสังคมในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
- กำลังใจส่งมาจากบนดอยสู่เมือง ทาง e-mail หัวข้อว่า "ความสุขที่แท้จริง"
- วันนี้ยังแอบคิดอยู่ในใจว่า..อยากจะโทรไปเล่าให้พี่ฟัง เพราะทุกครั้งที่เรามีปัญหาไม่ว่าจะเรื่องงานเรื่องส่วนตัวพี่จะมีความคิดดีๆ ทำให้เรา "ใจสงบ" ขึ้นเสมอๆ
- วันนี้ก็แค่คิดแต่ก็ไม่ได้โทรไป.. แต่พอเปิด e-mail ก็ต้องตกกะใจ เหมือนกระแสจิตเราส่งถึงกันได้เลยแฮะ
- พี่กำลังสอนเราผ่าน e-mail ว่า.. คนที่มีความสุขที่แท้จริงนั้น คือ คนแบบไหน??
- เป็นคำสอนที่มาทันเวลาพอดี แบบ delivery at home เลยทีเดียว (แอบคิดแบบขำๆ)
..ชีวิตมันก็เป็นเช่นนั้นเอง..