เพื่อนร่วมทางเขียนเมื่อ 21 พฤษภาคม 2549 09:36 น. ()
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2556 17:23 น. ()
ลปรร มักจะเป็น how to ซึ่งไม่มีในตำรา หรือในงานวิจัย

คำถามที่ 4
ถ้าจะ ลปรร. ไปดูงานวิจัยที่เขามีอยู่แล้ว ไม่ดีกว่าหรือ
- เรื่องที่ ลปรร มักจะเป็น how to ซึ่งไม่มีในตำรา หรือในงานวิจัย ถ้าจะเทียบก็อาจบอกว่าเป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งมีอยู่น้อย หรือถ้ามีก็มักเป็นบทเรียนหรือข้อสรุปกว้างๆหรือเป็นหลักการใหญ่ๆ
- .... รอข้อเสนอค่ะ ...
FAQ KM กรมอนามัย [1] - เริ่มต้นตรงไหนดี ผู้บริหารไม่สน จะทำยังไง
FAQ KM กรมอนามัย [2] - อะไรคือ CoP ... สร้างยังไง
FAQ KM กรมอนามัย [3] - เราก็ทำคู่มือโดยไม่เคยใช้ KM ... ทำไมบอกว่า KM นำไปสู่คู่มือ
FAQ KM กรมอนามัย [5] - ความรู้ที่ได้จาก ลปรร. เชื่อถือได้แค่ไหน
FAQ KM กรมอนามัย [6] - Website มีประโยชน์อะไร ทำ KM โดยไม่มี Web ไม่ได้หรือ
FAQ KM กรมอนามัย [7] - คำเท่ห์ๆ จากการ ลปรร.
ความเห็น
การไปหาดูงานวิจัย
ที่เขามีอยู่แล้ว
คิดว่าเป็นขั้นแรกสุดในการสำรวจความรู้ที่มีอยู่แล้ว (ดีค่ะ)
แต่อย่างที่รู้กันอยู่ในหมู่นักปฏิบัติที่เคยนำงานวิจัยมาลองปฏิบัติตาม
ว่ายังไม่พอ
บางทีต้องดั้นด้นไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้เจาะลึกกับตัวนักวิจัยเพื่อให้ได้ความรู้
Tacit Knowledge แบบละเอียดยิบ
และตามไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกลุ่มคนอื่นๆ
อีกที่ทำจริง
อาจเป็นเพราะว่าเทคนิคอันละเอียดอ่อนอีกมากมาย และบริบทที่แตกต่าง
ที่เป็นความรู้ฝังลึกนั้นถ่ายทอดลงใน paper
วิจัยไม่หมดและยากที่จะเขียนออกมาได้หมด
กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จึงมีประโยชน์มากในการสกัดความรู้เหล่านี้ออกมาใช้ค่ะ
อีกประเด็นที่อยากเติมก็คือ
ความจริงแล้วการไปหางานวิจัยที่มีอยู่แล้วมาอ่าน ก็คือ KM
แบบหนึ่งที่มีการยำ้เน้นมานานแล้ว เพราะสำหรับ KM ที่เน้น explicit
knowledge ขั้นตอนที่หนึ่งคือการถามตัวเองว่า
เรื่องที่เราอยากรู้คือเรื่องว่าด้วยอะไร
จากนั้นก็ลงมือค้นดูว่ามีใครรวบรวมสรุปความรู้ไว้แล้วยังไงบ้าง
ซึ่งถ้าทำด้วยวิธีปกติในปัจจุบันก็จะไปเจอความรู้จากตำรา
หรือไม่ก็จากผลงานวิจัยที่มีคนตีพิมพ์ไว้แล้ว
ซึ่งเราก็ต้องเอามาเปรียบเทียบกับความต้องการของเรา
โดนเฉพาะในประเด็นที่ว่ามันอยู่ในบริบทเดียวกันหรือไม่
มาประยุกต์ได้แค่ไหน
ส่วนการเรียนรู้จากการ ลปรร ความรู้แฝงก็ควรทำ
เพราะเหตุผลอย่างน้อสอข้อ ข้อหนึ่งก็อย่างที่คุณอ้อว่ามา
อีกข้อก็คือว่า หลายเรื่องอาจไม่มีทั้งในตำรา หรืองานวิจัยเลย ต้อง
ลปรร อย่างเดียว
ผมเคยพยายามหาเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนากำลังคนในแง่ของ
แนวทางการจัดระบบและกลไกนโยบายกำลังคนว่า แต่ละประเทศมีระบบยัไง
ปรากฏว่าไม่เจอ เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับเรื่องระบบวิจัย
อย่างนี้เป็นต้น
รู้จกการ ลปรร ย่อมดีกว่ารู้แค่วิธีค้นข้อมูลจาก web หรือ search
engine ต่างๆเพียงอย่างเดียวครับ
แต่เมื่อ ลปรรเป็นแล้วก็อย่าลืมฝึกฝนวิธีฝช้ search engine
หรืออ่านหนังสือบ้างนะครับ
ทำให้อดคิดถึงสำนวนเหน็บแนมที่พวกนักปฏิวัติชอบใช้
(นัยว่าอ้างอิงจากคำพูดของ เหมา) ที่บอกว่า
พวกลัทธิคัมภีร์(ชอบอ้างตำรา) กับพวกลัทธิเจนจัด (ชอบอ้างประสบการณ์
ตัวเอง)
อโนชา-สถาบันเพิ่ม
เขียนเมื่อ
ความรู้ที่ได้จากการทำวิจัยนั้น
แม้จะเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
แต่นักวิจัยก็ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดทุกอย่างผ่านอักษรและร้อยเรียงเป็นข้อความได้อย่างถ่องแท้
และไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถอ่านผลงานวิจัยได้อย่างกระจ่าง ดังนั้น
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้ปฏิบัติ
จึงเป็นการดึงดูดและถ่ายทอดความรู้สู่กลุ่มผู้ปฏิบัติได้
และถ้าเป็นการแลกเปลี่นรเรียนรู้ระหว่างผู้วิจัยก็อาจจะทำให้เกิดเป็นความรู้ใหม่ขึ้นมาอีกก็ได้