สินค้าส่งออกหลายอย่างที่เรามี ประเทศเพื่อนบ้านก็มีเช่นกัน เช่น ข้าวเวียตนามก็มี และสิ่งทอจีนก็มี ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการแข่งขันกันทางการค้า ผู้ซื้อก็จะดูราคาและคุณภาพประกอบการตัดสินใจซื้อ
ถ้าเราในฐานะผู้ขาย ลดราคาโดยลดคุณภาพ เช่น มีการปลอมปนข้าวคุณภาพต่ำเข้าไปในข้าวคุณภาพดี โอกาสที่จะขายซ้ำกับลูกค้าคนเดิมก็จะไม่มี อาจจะขายได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น คราวต่อไปเขาก็จะไม่ซื้อของเราอีก ถ้าแย่กว่านั้นเขา Reject คือคืนสินค้า เงินก็ไม่ให้แถมเราต้องเสียค่าขนกลับบ้านอีก และบางทีอาจต้องเสียค่าปรับด้วย ข้อหาเอาของผิดไปจากข้อตกลงมาส่งให้ทำให้เขาส่งสินค้าต่อให้ลูกค้าไม่ทัน ทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ
ดังนั้นการลดราคาขายของสินค้าที่น่าสนใจคือการลดค่าขนส่ง เพราะปัจจุบันสินค้าส่วนใหญ่ในบ้านเราขนส่งทางรถยนต์ไปยังท่าเรือ อย่างที่เราทราบกันดีว่าการขนสินค้าทางรถไฟมีต้นทุนถูกกวาขนส่งทางรถยนต์มาก ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ดีที่จะมีรางรถไฟเพื่อขนสินค้าไปยังท่าเรือทุกท่าในบ้านเรา
เรามาดูต้นทางและปลายทางของสินค้าต่างๆ บ้าง เช่นถ้าเราส่งยางแท่งไปญี่ปุ่น คงไม่มีใครส่งไปทางฝั่งทะเลอันดามันเป็นแน่แท้ ผู้ขนส่งจะเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุด (Shortest Route) คือส่งทางท่าเรือฝั่งตะวันออก (อ่าวไทย) ส่วนถ้าเราจะส่งข้าวไปอัฟริกา แน่นอนต้องส่งไปทางฝั่งอันดามัน
ส่งสินค้าไปทางตะวันออกก็ใช้ท่าเรือทางฝั่งตะวันออกเช่น แหลมฉบัง
ส่งสินค้าไปทางตะวันตกก็ใช้ท่าเรือทางฝั่งตะวันตก เช่น สตูล หรือกันตัง
ถ้าต้องการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่ส่งออกสินค้าอย่างเดียวกัน เราก็ต้อง ลดต้นทุน แต่ห้ามลดคุณภาพ วิธีการหนึ่งคือ Minimize Shipping Cost ขนส่งทางรถไฟ ไปยังท่าเรือ มีกองเรือของเราเอง
การอยู่ในสังคมโลกในทุกวันนี้เราต้องมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับต่างประเทศเป็นธรรมดา และสินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมาทางเรือ