แม่ติ๋วแห่งบ้านโฮมฮัก


“ตราบใดที่มีลมหายใจ จงทำให้ชีวิตมีคุณค่า"

 

 

หลายคน  คงรู้จักแม่ติ๋วแห่งบ้านโฮมฮัก   เป็นอย่างดีแล้ว  แต่อาจยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เคยรู้จัก  ผู้เขียนจึงขอนำเรื่องราวนี้มาถ่ายทอดอีกครั้งเพื่อเชิดชู  "ครูเพื่อศิษย์"   อีกหนึ่งตำนาน

ครูติ๋ว (แม่ต้อย) แห่งบ้านโฮมฮัก สุขใจที่ให้ชีวิตผู้อื่น



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก pantip.com , arunsawat.com , apacnews.net , iptvnewsone.com

          เชื่อว่าหลายคนคงได้ยิ้มทั้งน้ำตาไปพร้อมๆ กับความซาบซึ้งกินใจ หลังจากได้ชมโฆษณาประกันชีวิตของบริษัทแห่งหนึ่งที่เสนอเรื่องราวชีวิตของแม่ต้อย ผู้ให้เส้นทางชีวิตใหม่แก่เด็ก 3 คน ที่หลงเดินทางผิดและกำลังจะกลายเป็นปัญหาสังคม แต่แม่ต้อยกลับพาเด็กๆ เหล่านั้นมาอุปการะเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ราวกับเป็นลูกของเธอเอง แม้เธอจะป่วยเป็นมะเร็ง และมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ 2 ปี แต่เธอก็ยังสามารถเล่นกีตาร์ร้องเพลงสนุกไปกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ

          ภาพชีวิตของบุคคลหนึ่งที่อุทิศตัวเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้กับเด็กๆ แม้ตัวเองจะป่วยเป็นมะเร็งก็ไม่หวาดหวั่นดังเช่นในโฆษณา ละม้ายคล้ายคลึงกับชีวิตของ "ครูติ๋ว สุธาสินี  น้อยอินทร์"แห่งบ้านโฮมฮัก บ้านที่เปรียบเสมือนออกซิเจน ที่ช่วยต่อลมหายใจให้กับเด็กไร้โอกาสหลายๆ คนในสังคม


          "ครูติ๋ว" หรือ "แม่ติ๋ว" ของเด็กๆ เคยเป็นอาสาสมัครตามมูลนิธิต่างๆ ก่อนจะมาก่อตั้ง "มูลนิธิ สุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน" ขึ้น และสร้างบ้านโฮมฮักขึ้นที่จังหวัดยโสธร ตลอดเวลา 20 ปีของบ้านโฮมฮัก ครูติ๋วได้ทุ่มเทความรักให้กับเด็กๆ ด้อยโอกาสและเด็กที่ประสบปัญหาวิกฤติต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเด็กติดเชื้อเอดส์ เด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือเด็กถูกทำร้ายทุบตี รวมๆ กว่า 100 ชีวิต


          แม้ตัวครูติ๋วเองจะมีฐานะไม่สู้ดีนัก ซ้ำยังทรมานจากอาการป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มานานหลายปี ซึ่งอาการก็ทรงๆ ทรุดๆ และกำเริบขึ้นมาวันใดก็ได้ แต่ครูติ๋วก็ไม่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับการรักษาตัวเองเสียทั้งหมด เวลาส่วนใหญ่ของเธออยู่ที่การได้ดูแลเด็กๆ ในบ้านโฮมฮัก นั่นเพราะครูติ๋วมีหลักในการดำรงชีวิตว่า "ชีวิตที่มีค่า คือการทำให้ชีวิตผู้อื่นมีค่า" ดังนั้นครูติ๋วจึงสุขใจที่จะได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเด็กๆ ผู้เปรียบเสมือนต้นกล้าเล็กๆ ที่กำลังรอการรดน้ำพรวนดินและใส่ปุ๋ยที่ดีก่อนจะเติบโตเป็นต้นไม้ที่สวยงามต่อไป สมกับชื่อบ้าน "โฮมฮัก"ที่เป็นภาษาอีสานหมายถึง "ศูนย์รวมแห่งความรักนั่นเอง"



          นับวันที่บ้านโฮมฮักจะมีเด็กๆ เข้ามารับไออุ่นจากบ้านมากขึ้น นั่นสะท้อนให้เห็นว่าสังคมเรายิ่งเลวร้ายลงเพียงใด บ้านโฮมฮักที่กลายเป็นจุดพักพิงของเด็กๆ ด้อยโอกาส จึงกำลังประสบปัญหาอย่างหนักเรื่องเงินทุนที่ต้องใช้กว่าเดือนละเจ็ดแสนบาท ทั้งค่าอาหาร ค่ายา และอุปกรณ์ต่างๆ จนครูติ๋วก็ไม่รู้ว่าชะตากรรมของเด็กๆ จะดำเนินต่อไปได้อย่างไร หากขาดเงินทุนมาหล่อเลี้ยงชีวิต แต่หลังจากครูติ๋วได้ออกรายการโทรทัศน์หลายๆ รายการ นั่นก็ทำให้เกิดธารน้ำใจจากกลุ่มต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาช่วยเหลือจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อมอบเงินทุนให้กับบ้านโฮมฮัก เป็นการตอบแทนน้ำใจของครูติ๋วที่ได้แบ่งปันและให้สิ่งดีๆ กับสังคม

          และนี่คือชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านภาพยนตร์โฆษณา เป็นการกระตุ้นให้คนตระหนักถึงสังคมมากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับความคิดของ "ครูติ๋ว" ที่แม้ร่างกายของเธอจะอ่อนแอจากโรคร้ายที่รุมเร้า แต่หัวใจของเธอยังคงเข้มแข็งเต็มเปี่ยมพร้อมที่จะ "ให้" และเติมเต็มในสิ่งที่ขาด ในทุกๆ โอกาสที่เธอจะทำได้

                            

http://www.banhomehug.org/2009/02/12/initiation-seed/

 

บ้านโฮมฮัก หรือ มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน ตั้งอยู่ที่จังหวัดยโสธร เป็นบ้านแห่งความรักของเด็กๆ กว่า 112 ชีวิต ที่มาพักพิงในยามไม่เหลือใคร เด็กๆ ที่นี่มีทั้งเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอดส์จากพ่อแม่ เด็กกำพร้าไม่ติดเชื้อแต่ถูกชุมชนผลักไสด้วยความรังเกียจ เด็กที่พ่อแม่มีปัญหาไม่สามารถเลี้ยงดูได้ เด็กที่มีปัญหายาเสพติด เด็กบางคนมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย พร้อมกับร่างกายที่บอบช้ำจากการกระทำที่ทารุณกรรมของผู้ใหญ่ โดยมีแม่ติ๋ว สุธาสินี น้อยอินทร์ เป็นเสมือนความหวังและโอกาสของเด็กๆ เธอเป็นแม่ที่ต้องคอยดูแลลูกๆ เป็นพยาบาลเมื่อยามเด็กป่วยไข้ เป็นครูผู้ทุ่มเทและเสียสละ เป็นได้กระทั่ง “หมาน้อย” ของเด็กๆ อีกด้วย

กล่าวได้ว่า แม่ติ๋ว สุธาสินี น้อยอินทร์ เป็นหญิงเหล็กหัวใจแกร่ง ที่ตลอด 21 ปีที่ผ่านมา เธอพยายามต่อสู้เพื่อเด็กๆ บ้านโฮมฮัก ซึ่งเธอเชื่อเหลือเกินว่า หากเธอทำให้สังคมมีมุมมองกับเด็กที่มีเชื้อ HIV ในทางที่ดีได้ ไม่ใช่แค่เด็กในโฮมฮักเท่านั้นที่จะถูกสังคมโอบอุ้ม แต่หมายถึงเด็กทั้งหมดในประเทศไทย จะได้รับการดูแล ใส่ใจ และเอื้ออาทร เพราะทุกคนจะเชื่อมั่นว่า เด็กๆ เหล่านี้ เขาน่ารักสดใส เขาสามารถโตได้

และสิ่งหนึ่งที่ได้เป็นข้อคิดหลังจากการสัมภาษณ์แม่ติ๋วในครั้งนี้ นั่นก็คือ “ตราบใดที่มีลมหายใจ จงทำให้ชีวิตมีคุณค่า"

 

และนี้คือเสียงของเด็กๆจากบ้านโฮมฮัก

หนูรักโฮมฮัก »เมล็ดพันธุ์แห่งความเป็นพี่น้อง

อยู่บ้านโฮมฮักมานานแล้ว ผมอยู่แบบพี่และน้อง ทุกคนต่างช่วยเหลือกันและสามัคคีกัน แต่ก็มีบางทีที่พวกเราทะเลาะกัน และต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ เพราะที่เราทะเลาะกัน มันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ และผมก็มีอาชีพเสริม เช่น ปลูกผัก ล้างรถให้แม่ ตามกำลังเท่าที่จะทำได้ และผมมีน้องๆ และเพื่อนๆ ที่อยู่สุรินทร์ อำเภอศรีขรภูมิ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นต้องค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละอย่าง พวกเขาเหล่านั้นจะมีอาชีพเสริมและต้องเลี้ยงดูพวกสัตว์ต่างๆ เช่น ปลา เป็ด ไก่ กบ เป็นต้น เมื่อพวกเขาโตขึ้น หากไม่มีงานทำ อาชีพเหล่านี้ก็ยังสามารถช่วยให้พวกเขาอยู่รอดได้

และสุดท้ายนี้ ผมอยากจะบอกกับผู้ใหญ่ทุกๆ คนว่า พวกเราก็สามารถเติบโตได้ และเป็นเมล็ดพันธุ์ของแผ่นดินได้ และไม่ได้มีปมด้อยอะไร พวกผมก็มีครบ 32 ประการเหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิดอยู่เคียงข้างเท่านั้น ผมอยากจะขอให้ผู้ใหญ่ทุกคนดูแลพวกผม และไม่ทอดทิ้งพวกผม และเด็กกำพร้าที่ไม่มีที่อยู่อาศัยด้วยครับ

ขอขอบคุณมากครับ “โฮมฮักบ้านนี้มีรักนำทาง”

โดย…น้องเผือกหอม

 

หนูรักโฮมฮัก »

เมล็ดพันธุ์แห่งความรัก

ฉันเป็นเมล็ดพันธุ์ที่แม่ๆ ทุกคนในบ้านโฮมฮักบอกว่า พวกแม่ๆ อยากให้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี และเป็นผลไม้ที่หอมหวาน เจริญเติบโตได้อย่างสวยงาม ถ้าเปรียบเป็นชีวิต จะเป็นชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม เพราะฉะนั้น ฉันจึงอยากเป็นผลไม้ที่หอมหวาน อย่างที่พวกแม่ๆ คาดหวังไว้ว่าอยากให้ฉันเป็น เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับบ้านที่ฉันรัก

นั่นคือ บ้านโฮมฮัก และที่นี่…เป็นบ้านที่รวมเอาความรักของแม่ๆ และลูกๆ ทุกคนเอาไว้ ฉันภูมิใจและไม่เคยอายที่ได้มาอยู่ภายในบ้านหลังนี้ นับตั้งแต่ที่ฉันได้เข้ามาอยู่ ฉันได้รับรู้ถึงความรักและความอบอุ่นของที่นี่ จนตอนนี้ฉันคิดว่าที่นี่เป็นที่ของฉัน และได้สร้างชีวิตของฉันให้มีความหมายต่อใครหลายๆ คน

โดย…น้องเจนนี่

เมล็ดพันธุ์แห่งการเริ่มต้น

12 February 2009 One Comment

ความสุข

ณ บ้านโฮมฮัก มีเด็กชายชื่อ น้องต้นหอม อายุประมาณ 12-13 ปี อยู่กับเพื่อนหลายคน ผมมีความสุขมากเลย

ทุกๆ เช้า ผมต้องดูแลน้องๆ และทำความสะอาดต่างๆ ผมทำอย่างนี้มาจนเคยชิน ผมเสียใจมากที่พ่อแม่ผมได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมกลับมีความสุขมาก ผมคิดว่าผมอยู่ที่นี่เหมือนเป็นบ้านของผมไปเลย แต่ตอนผมมาใหม่ๆ ผมคิดว่าจะไม่มีความสุข แต่เปลี่ยนไปกับที่ผมคิดเลย มีความสุขมากเลยที่พวกผมได้ไปโีรงเรียน ที่โรงเรียนมีเพื่อนมากขึ้น แต่ผมสงสัยว่าทำไมถึงรังเกียจพวกผมทุกคนเลยนะ? เป็นพวกผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจเลยนะว่า เด็กๆ จะเป็นอย่างไร พวกผู้ใหญ่ไม่เคยเข้าใจเด็กๆ เลย

เด็กคือต้นกล้าของแผ่นดิน ถ้าผู้ใหญ่ให้ความรักกับเด็กๆ เด็กจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมและประเทศชาติต่อไป

โดย…น้องต้นหอมผู้น่ารัก

 

หมายเลขบันทึก: 296051เขียนเมื่อ 9 กันยายน 2009 23:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 01:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (29)

อ่านเรื่องราวของเธอทีไร ก็ให้ทึ่งในความมีหัวใจที่รักและมุ่งมั่น ในการดูแลช่วยเหลือเด็กๆ สนใจจะให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ติดต่อได้ที่นี่ค่ะ

  • ขอบพระคุณพี่อรวรรณที่นำเรื่องเล่าคุณครูเพื่อศิษย์แบบอย่างที่ดีมาเล่าให้ฟังค่ะ
  • ตอนทราบเรื่องนี้ครั้งแรกสองสามปีมานี้ เคยตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมบ้านโฮมฮักนี้สักครั้ง แล้วก็ลืมความคิดแรกนี้ไป จนได้มาอ่านบันทึกนี้ ทำให้กลับมาคิดใหม่อีกครั้ง และจะดูความเป็นไปได้ค่ะ ...ไม่นานนี้ กำลังจะเดินทางไปสุรินทร์ ซึ่งไม่ไกลยโสธรค่ะ
  • ชื่นชมคุณครูติ๋ว ศูนย์รวมแห่งความรู้สึกร่วมกันของเด็ก ๆ สร้างเมล็ดพันธุ์ของความเป็นพี่น้องค่ะ
  • เคยดูในทีวี น้ำตาซึม แกเป็นยอดมนุษย์คนหนึ่งครับ..ชื่นชมๆๆ
  • ขอบคุณสาระดีๆ ชีวิตคนสวยงามขึ้นอีกเยอะเลยครับ

มิบังอาจจะเทียบความยิ่งใหญ่กับพี่ติ๋วนะครับ

ผมกับพี่ติ๋วมีโอกาสได้พบปะกันบ้างเพราะผมเป็นอโชก้าเฟลโลว์เช่นเดียวกับพี่ติ๋ว

คร้ังสุดท้ายผมฟังเรื่องเล่าของพี่ติ๋วในการประชุมวงหนึ่ง

ผมปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่อายสายตาใคร ๆ

ยังระลึกถึงพี่ติ๋วอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันครับ

สวัสดีค่ะ  น้องศิลา

  • ถ้ามีโอกาสไปเยี่ยมบ้านโฮมฮักมาแล้วอย่าลืมนำเรื่องราวมาบอกเล่าต่อนะคะ
  • พี่ครูอรวรรณ  กำลังปรับตัวกับโฉมใหม่ของโกทูโนอยู่ค่ะ
  • ขอบคุณมากนะคะที่แวะเข้ามาเยี่ยม

สวัสดีค่ะ  อาจารย์ธนิตย์

  • ครูดียังคงมีอีกมากมาย
  • ในมุมหนึ่งมุมใดของประเทศ
  • ละครูติ๋วแห่งบ้านโฮมฮักก็คือหนึ่งในนั้นค่ะ

สวัสดีค่ะ  น้องหนานเกียรติ

  • เชื่อเลยค่ะว่าความดี  และความศรัทธา  มีพลังที่ยิ่งใหญ่มาก
  • ยินดีเหลือเกินที่ได้รู้จักอโชก้าเฟลโลว์  ทั้ง 2 ท่าน
  • ตอนแรกไม่ทราบว่าอโชก้าเฟลโลว์คืออะไร  เลย search ดู
  • จึงถือว่าเป็นโชคดีที่ได้สัมผัสกับความดีงามทั้ง 2  จากน้องหนานเกียรติและครูติ๋วที่นี่ 

พี่ครับ

ผมเนี่ยเป็นระดับหางแถว

อยากแนะนำให้พี่เข้าไปดูในเวปและดูผลงานของเฟล์โลว์คนอื่น ๆ น่าสนใจมากครับ

สวัสดีค่ะ  น้องหนานเกียรติ

  • ขอบคุณที่เปิดโลกทัศน์
  • ทำให้พี่ครูอรวรรณได้รู้จักกับเฟล์โลว์ต่างๆ
  • รวมทั้งน้องหนานเกียรติ คนเก่งที่ชอบถ่อมตัวคนนี้ด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณครูอรวรรณ

  • มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ
  • จำได้ว่า ครั้งแรกที่เห็นโฆษณานี้  ก็ได้คุยกันกับเพื่อนร่วมงานว่า จะส่งเงินและของใช้จำเป็นไปให้น้องๆ เหมือนกันค่ะ 
  • ตั้งใจไว้ว่าหลังสอบเทอมนี้แล้วจะเก็บของใช้ เสื้อผ้า และหนังสือรวบรวมส่งไปให้น้องๆ ด้วยค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ  น้องชาดา

  • อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
  • ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเยี่ยมให้กำลังใจ

 

 

ดูหลายครั้งมากๆๆ เห็นแล้วซึมๆๆทำอย่างไรให้บ้านเรามีคนดีๆๆมากๆๆแบบนี้หนอ

ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวเพิ่มเติมให้ค่ะ

สวัสดีค่ะ  อาจารย์ขจิต

  • อยากให้บ้านเรามีคนดีๆมากๆแบบนี้เช่นกัน
  • แต่คนเราอาจมีวิธีการทำดีที่แตกต่างกันค่ะ
  • ตามความสามารถและตามบริบทของเรา

 

สวัสดีค่ะ  คุณดาวลูกไก่

   ขอบคุณเช่นกันค่ะ  ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียน

   สบายดีนะคะ

สวัสดีค่ะ  ได้ชมแต่โฆษณา  ก็ชอบแล้ว  แต่ไม่ทราบรายละเอียดเลย

ขอบคุณเรื่องราวดีดี  ที่มีให้กันนะคะ 

น่าชื่นชมนะคะ เรื่องของคนดี ค่ะ

ขอบคุณ KRUPOM ที่เข้ามาอ่านนะคะ

ขอบคุณพี่ใหญ่  นงนาท สนธิสุวรรณ  เช่นกันค่ะ

 

 

 

ขอบคุณคุณ ใบบุญ ที่เข้ามาแวะเยี่ยมนะคะ

สวัสดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาเยี่ยมให้กำลังใจ

ดีใจ...จังเลยจะเจอกันแล้ว...ช่วงนี้ขอเครียดรับการประเมินรพ.ก่อนนะคะ

 

สวัสดีค่ะ  คุณแดง

สู้ๆๆๆ  เป็นกำลังใจให้นะคะ

  • แวะมาขอบคุณที่ไปเยี่ยมเยียนกันค่ะ
  • ........
  • เลยทำให้ได้อ่านเรื่องครูติ๋วอีกครั้ง
  • ........
  • ขอคารวะครูติ๋วที่มีน้ำใจงามไว้ ณ ที่นี้
  • ขอบคุณครูที่นำเรื่องมาเผยแพร่ให้ได้ร่วมรับรู้ความงามของใจคน
  • ขอบคุณครูที่ได้แสดงความงามของใจออกมาเป็นตัวอย่างด้วยอีกคนค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ  หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
  • และร่วมแบ่งปันกำลังใจให้แก่ครูติ๋ว สุธาสินี นะคะ

 

 

ผมคนยโสธรยังไม่ได้เข้าดู อ่านแล้วใจหาย ขอบคุณครูวรรณที่เล่าให้ฟัง จะไปเยี่ยมถ้ามีโอกาสครับ

สวัสดีค่ะ  ท่าน ผ.อ.พรชัย

  • เขียนเรื่องครูติ๋ว สุธาสินี  เพราะได้อ่านมาจากสื่อ จึงสนใจ

  • จากนั้นก็ค้นคว้าเพิ่มเติม  จึงได้เกิดความศรัทธาในความมุ่งมั่นเสียสละ  เพื่อเด็กๆ

  • ถ้ามีโอกาสท่าน ผ.อ.ลองติดต่อตามที่อยู่นี้นะคะ

  • แล้วอย่าลืมเขียนมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ

 

มูลนิธิ สุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน

เลขที่ 3 หมู่ที่ 12 บ้านประชาสรรค์

ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร 35000

โทรศัพท์/โทรสาร: 045-722-241, 045-580-200

E-mail: [email protected]

Website: http://www.banhomehug.org

 

นำสื่อมาฝากครับ
สื่อเหล่านี้นอกจากจะทำให้รู้ว่าใครทำอะไรแล้ว ยังมีมิติของบุญกุศล และองค์ความรู้หรือวิธีการ กระบวนการที่ทำด้วย
แต่ก็นั่นละครับ ในยุคโมหะภูมิเช่นนี้
สื่อดีๆพวกนี้ไม่มีโอกาสออกช่วง prime time พอที่จะให้คุณครูกับเด็กๆได้ชมหรอก
เป็นเสียงที่ไม่ได้ยิน.....และเป็นแสงที่มองไม่เห็น
น้อยคนที่จะมีบุญได้ชม..
.
สื่อชั่วๆออกฟรี สื่อดีๆ เสียสตางค์..... แถมยังวางอยู่หน้า1
คนในชาติเสพอยู่กับสื่อประโลมโลก มีพวกตลกหยาบคายเป็นผู้ผลิต
กับพวกขายเนื้อหนัง บริโภคนิยม สื่อแดงเหลืองกระตุ้นโทสะ โมหะ โลภะ
สังคมไทย จึงดุจดั่งจมอยู่ในบ่ออุจจาระเน่าเหม็น.. ยากจะสัมผัสกับอะไรสะอาดๆ
ช่างน่าสะอิดสะเอียน เวทนาเป็นอย่างยิ่ง 
น่าสงสาร...ประเทศไทย สังคมไทยเสียจริงๆ...
เรามาช่วยกันปฎิวัติวงการสื่อบ้านเรากันเถอะครับ


 

http://gotoknow.org/blog/yatsamer/309337

ชวนอาจารย์ไปเยี่ยมพี่สุกันครับ

กลับมาอ่านย้อนหลัง มีความประทับใจ จากคนที่มีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ ให้คนทุกคน มีค่าความเป็นมนุษย์ ที่ควรให้โอกาสแก่คนไร้การเอาใจใส่ขาดการดูแล

ขอบคุณนะที่หาเรื่องดีๆมาให้อ่านคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท