“รู้ทุกข์ จึงเห็นธรรม” คำนี้ ผู้เขียนเคยได้ยินมานานมากนับสิบกว่าปี ทบทวนโดยใช้สติปัญญาทางโลกคิดเท่าไหร่ก็เข้าใจในระดับหนึ่ง นั่นเป็นเพราะเรามักจะควานหา “สิ่งไม่รู้” ด้วยการหาเหตุผล อาศัยตรรกะจากตำรา อ้างอิงผู้รู้มาอรรถาธิบาย
เราค้นหาสิ่งยึดเหนี่ยว เชื่อมโยงสิ่งนั้นกับสิ่งนี้ตามความเชื่อถือหรือศรัทธาของเราเอง เราไม่ได้รู้ตามความเป็นจริง ตามสิ่งที่ประจักษ์จากการรู้แจ้งภายในตัวเอง
จากประสบการณ์ผ่านความทุกข์มาแล้วเช่นเดียวกับหลาย ๆ ท่าน ผู้เขียนมองเห็น “คุณค่าของความตาย” นอกเหนือจากความทุกข์เศร้าเพื่อเป็นบทเรียนชีวิต เราก็ควรมองเห็นสภาวธรรมที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสถึงแก่นแกนก้นบึ้งของความไม่มีอะไร
ผู้เขียนมักจะถูกคนรอบตัวมองว่าเป็นผู้ใหญ่เกินวัย เนื่องจากสมัยสิบกว่าปีที่แล้ว หนุ่มสาวที่เข้าวัดมีน้อยมาก หากเปรียบเทียบกับสมัยนี้นับว่าเป็นปรากฎการณ์ที่น่ายกย่องและยินดี เห็นคนไปวัดมากมาย หลายวัย จนหมดความสงสัยอีกต่อไปว่าเพราะถึงวัยชรา หรือได้รับทุกขเวทนาเท่านั้นหรือจึงเข้าวัด เหตุผลนี้ คงใช้อ้างไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ผู้เขียนขอเริ่มต้นเล่าเรื่องผ่านภาพบรรยากาศการเดินทางไปวัดในเดือนกันยายนนี้
วัดญาณเวศกวัน ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม
จากการสอบถามคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวผู้เขียน หลายคนไปวัดเพราะศรัทธา มีฉันทะที่จะเข้าถึงแก่นธรรมมากกว่าแสวงหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งที่เป็นรูปธรรมในการยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยอาจจะด้วยจากการเผยแพร่หลักธรรมที่เข้าถึงจริตของพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่
ผู้เขียนเดินทางไปวัดสวนสันติธรรม จ.ชลบุรี
ณ ที่แห่งนี้ ได้พบกับคุณ Phornphon กัลยาณมิตรที่เดินทางมาบนเส้นทางเดียวกัน ตามรอยไปอ่านบันทึกนี้ได้ค่ะ "การพบกันที่ไม่บังเอิญ"
http://gotoknow.org/blog/phornphon/295345
การที่เราน้อมนำธรรมใส่ตนเริ่มต้นจากการมีศรัทธาเป็นพื้นฐาน นับว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สุดท้ายแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ปัญญาตนเองเป็นทุนและเพิ่มทุนต่อไปด้วยการเจริญภาวนา
ความหมายคำว่า “ศรัทธา” จากหนังสือพุทธรรมของท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
“ศรัทธาคือความเชื่อ ความซาบซึ้ง ไม่ใช่ความรู้ แต่อาจเป็นทางเชื่อมนำไปสู่ความรู้ได้เพราะศรัทธามีลักษณะเป็นการยอมรับความรู้ของผู้อื่น ฝากความไว้วางใจในปัญญาของผู้อื่น ยอมพึ่งและอาศัยความรู้ของผู้อื่นหรือแหล่งแห่งความรู้นั้นเป็นเครื่องชี้นำแก่ตน ถ้าผู้มีศรัทธารู้จักคิดรู้จักใช้ปัญญาของตนเป็นทุนประกอบไป ศรัทธานั้นก็สามารถนำไปสู่การเจริญปัญญาและการรู้ความจริงได้…”
ปัญญามาจากการรู้และเห็นแจ้งประจักษ์ได้ด้วยตนเอง โดยปราศจากการอาศัยอ้างอิงจากสิ่งใด ปัญญาจึงอาศัยศรัทธาเป็นสะพานเชื่อมหรือเครื่องช่วย มีความเกื้อหนุนกันและกัน ทำให้เห็นธรรมอย่างประจักษ์แจ้ง
ปัญญาในที่นี้ ผู้เขียนไม่ขอเริ่มจากการรู้ในสิ่งไกลตัว ขอเพียงแค่รู้กายใจของเรา...สภาวะภายในตัวเอง... สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น มองเห็นตัวจริงของเรา ไม่ใช่ตัวปลอม …
"ถ้าเราเป็นตัวปลอม จะดับทุกข์ไม่ได้"
เป็นคำกล่าวของท่าน Robert David Larson อดีต สันติกโรภิกขุ (สัมภาษณ์พิเศษ / โดย มนสิกุล โอวาทเภสัชช์ เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 15 ฉบับที่ 684 วันที่ วันจันทร์ที่ 02 มกราคม พ.ศ. 2549)
"สิ่งที่ท่านอาจารย์พุทธทาสเก่งที่สุด ท่านเป็นตัวของตัวเอง ถ้าเราเป็นตัวปลอมของตัวเอง จะดับทุกข์ไม่ได้ เพราะว่าชีวิตเป็นมายา ต้องเป็นตัวเอง และเป็นตัวเองที่ค่อยๆ ปล่อยวาง ปล่อยวาง แต่ถ้าพยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง มันจะปลอม และชีวิตจะสับสนไปหมด การปฏิบัติธรรมต้องอยู่บนความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เป็นตัวของรูปแบบ หรือโดยตัวของระบบใดๆ แล้วความเป็นตัวของตัวเองก็ไม่ต้องไปขัดแย้งกับใคร คนโง่เท่านั้นที่จะไปขัดแย้งกับคนอื่น "
มันไม่ง่ายหรอกที่เราจะเห็นตัวจริงของเรา…การเริ่มต้นที่ดีคือ
“ดู ตัวเอง” ให้มาก ๆ “เพ่งผู้อื่น” ให้น้อย ๆ …
"หาตัวจริงให้เจอ ดูให้ถูกตัว"
เมื่อเรา "รู้และเห็นตัวเอง" แล้ว ก็ค่อย ๆ ปล่อยเบา ๆ …แล้ววางลงไป…เพราะแท้จริงแล้ว ไม่มีอะไรเป็นของเราตั้งแต่แรกแม้แต่ตัวเราเอง เพียงแต่ว่าเป็นสิ่งที่เรารู้จากการบอกต่อกันมา ยังไม่ได้เห็นด้วยตนเองเท่านั้น
----------------------
ความหลงหรือความไม่รู้ 8 อย่าง
1. ความไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้จักทุกข์ว่าคืออะไร
2. ความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์
3. ความไม่รู้การดับทุกข์
4. ความไม่รู้ทางแห่งการดับทุกข์
5. ความไม่รู้ ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ในอดีต (คือมีความเชื่อว่าทุกอย่างเกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ ไม่มีเหตุก็เกิดได้ )
6. ความไม่รู้ ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ในอนาคต ( คือมีความเชื่อว่าเมื่อเราตายแล้วสูญ )
7. ความไม่รู้ ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ทั้งในอดีตและอนาคต ( คือเชื่อว่าไม่มีการกระทำกรรม)
8. มีความเห็นผิดว่า มีตัวตน
--------------------------------------------------
การเรียนรู้เป็นเรื่องไม่รู้จบจริงๆ..
ชีวิต-จึงหมายถึงการเติบโตงอกงาม เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมเชื่อตามแนวคิดแบบมนุษยนิยม...
ขอบคุณครับ
"ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก คือดอกไม้บาน" ... ;)
ผู้เข้าไม่ถึงหลักธรรมใด ๆ เข้ามาเยี่ยมครับ อาจารย์นพลักษณ์ ๙
สวัสดีค่ะ
“ดู ตัวเอง” ให้มาก ๆ “เพ่งผู้อื่น” ให้น้อย ๆ …
"หาตัวจริงให้เจอ ดูให้ถูกตัว"
สวัสดีครับ มาภาพงาม ๆ มาฝากเยอะเชียว บางทีมองดูภาพก็เข้าใจ อะไรบางอย่าง ขอให้มีสุขภาพกายใจที่ดีครับ..
ขอเข้ามารับรู้และเรียนรู้ธรรมะ ด้วยครับ
มันไม่ง่ายหรอกที่เราจะเห็นตัวจริงของเรา…การเริ่มต้นที่ดีคือ “ดู ตัวเอง” ให้มาก ๆ “เพ่งผู้อื่น” ให้น้อย ๆ …
"หาตัวจริงให้เจอ ดูให้ถูกตัว" เมื่อเรา "รู้และเห็นตัวเอง" แล้ว ก็ค่อย ๆ ปล่อยเบา ๆ …แล้ววางลงไป…
เพราะแท้จริงแล้ว ไม่มีอะไรเป็นของเราตั้งแต่แรกแม้แต่ตัวเราเอง เพียงแต่ว่าเป็นสิ่งที่เรารู้จากการบอกต่อกันมา ยังไม่ได้เห็นด้วยตนเองเท่านั้น
ขอบพระคุณครับสำหรับบันทึกธรรมและข้อธรรมดีดี
ผมก็ศึกษางานของท่าน ปอ.ปยุตโตมาบ้างเพราะท่านเป็นปราชญ์ร่วมสมัยที่น่านับถือมากครับ
แต่ผมยังไม่เคยไปวัดญาณเวศกวัน แต่เคยไปที่ชาติภูมิสถานของท่านครับเมื่อสัก 1 ปีกว่าที่ผ่านมา และได้หนังสือที่ดีและหนามากๆ 1000 กว่าหน้า คือ พุทธธรรมฉบัับขยายความฉบับธรรมทานครับ
เพียรอ่านจบบไปหนึ่งรอบ ไม่ค่อยรู้เรื่องเืท่าไร ตอนนั้นชอบอ่านครับ ปฏิบัติไม่ตรงแนวทางเท่าไร
"ถ้าผู้มีศรัทธารู้จักคิดรู้จักใช้ปัญญาของตนเป็นทุนประกอบไป ศรัทธานั้นก็สามารถนำไปสู่การเจริญปัญญาและการรู้ความจริงได้…”
ต้องมีศรัทธาก่อนจริงๆครับ + ความเพียร + โยนิโสมนสิการ ครับ
ได้ข้อปฏิบัติ แนวทางจากบันทึกนี้มากมายครับ
ถ่ายรูปงามมากๆครับ
สว้สดีค่ะคุณศิลา
มาทักทายและอนุโมทนากับการได้ไปปฏิบัติธรรมค่ะ
คนไม่มีรากเองได้อ่านและได้ยินพี่ ๆ หลายท่านผู้ถึง "รู้ทุกข์จึงเห็นธรรม" แต่ไม่ค่อยได้ใส่ใจ เพราะจะว่าไป...ยังไม่เคยผ่านความทุกข์เท่าใดนัก เพราะโชคดีที่เกิดในครอบครัวที่ค่อนข้างสมบูรณ์และมีความสุข เป็นครอบครัวคนจีนที่เน้นการไหว้เจ้า ไหว้พระในบ้าน และโชคดีที่มีแม่ซึ่งอยู่ในสองวัฒนธรรมคือจีนและวัฒนธรรมของคนเหนือ จึงได้มีโอกาสไปวัด ใส่บาตรบ้างค่ะ
มาเริ่มทุกข์แรง ๆ ก็เมื่อแม่จากไปในปี 2548 ค่ะ โลกมันหมุนกลับตีลังกา ไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ ทุกข์เสียจนไม่กินไม่นอน ไม่พูดกับใครไปเลยกว่าสัปดาห์ค่ะ
บังเอิญมีกัลยาณมิตรคอยดูแล หาหนังสือธรรมะดี ๆ และยังได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ ท่านสอนให้นั่งสมาธิ เพราะไปถามท่านว่า...ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าแม่อยู่ดีมีสุขหรือไม่อย่างไร อยากทำบุญให้ท่านมาก ๆ ...การนั่งสมาธิก็ไม่มีครูบาอาจารย์ แต่ใช้การอ่านหนังสือค่ะ ทำผิดมาตลอดเลยค่ะ...เอ...เล่ายาวจังค่ะ ก็เพื่อที่จะบอกว่า....
ความทุกข์ นั้น คือ อริยทรัพย์ ...
มีความสุขสงบและได้ทำสิ่งที่ตั้งใจ อนุโมทนากับกุศลจิตที่คุณศิลาตั้งใจทำเพื่อคุณแม่ค่ะ
(^___^)
อนุโมทนาด้วยค่ะ
จุใจ เต็มอิ่ม ทั้งภาพ เนื้อหา เลยค่ะพี่หญิง นพเก้า
... ดอกไม้บาน ในใจ สายสัมพันธ์ไพศาล
น้ำใจอันงดงาม เปี่ยมคุณค่าและความหมาย ...
ขออภัยนะคะพี่หญิงหากห่างหาย เพราะงานใหม่เข้ามา
ต้องเรียนรู้อะไรเยอะมากๆ ค่ะ ... แทบสำลักข้อมูล
มาอิ่ม เย็น เบิกบานใจ กับพี่สาวคนกลาง ฝันดีค่ะ
อิ่มใจ และอิ่มบุญ
ได้ข้อคิดดีๆ ด้วยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
สว้สดีค่ะคุณศิลา..
การที่เราน้อมนำธรรมใส่ตนเริ่มต้นจากการมีศรัทธาเป็นพื้นฐาน นับว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สุดท้ายแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ปัญญาตนเองเป็นทุนและเพิ่มทุนต่อไปด้วยการเจริญภาวนา
“ดู ตัวเอง” ให้มาก ๆ “เพ่งผู้อื่น” ให้น้อย ๆ …
"หาตัวจริงให้เจอ ดูให้ถูกตัว" ขอบคุณค่ะ..
สวัสดีค่ะคุณศิลา
ตามคุณphornphon มาค่ะ
ขอฝากตัวเป็นญาติธรรมด้วยคนนะคะ
อิ่มตา....อิ่มใจ...เป็นเช่นนี้เอง
สวัสดีค่ะ จะมาอ่านวันหลังนะคะ วันนี้เอาดอกไม้มาฝากก่อน เตรียมขึ้นเวรดึกค่ะ
เอื้องนางชี
ฟังพี่ร่วมงานใหม่ เธอฝึกปฏิบัติมานานค่ะเวลาเธอพูดถึงธรรมะคราใด
สังเกตสีหน้าเปี่ยมสุข สงบ อิ่มเอิบค่ะ ... ธรรมะจะเบ่งบานในหัวใจ
สุข สงบ ดั่งใจปรารถนาค่ะพี่ศิลา
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นำปัญญาละวางห่างโง่เขลา
กายสมมุติหยุดนะใช่ว่าเรา จิตนั้นเล่าเข้าให้ถึงซึ่งความจริง
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตในฌาณผ่านกายให้ละทิ้ง
สมาธิมองจิตใจได้ความจริง จิตยิ่งนิ่งผ่องใสได้ญาณธรรม
สวัสดีค่ะอาจารย์ สาธุ สาธู..สาธุ...การได้ปฏิบัติธรรม ถือว่าเป็นการบูชาที่สูงสุด
...เพ่งตัวเองให้มากๆ เพ่งคนอื่นให้น้อยๆ...
ขอบคุณดอกพุดพิชญาสวยๆ...นะคะ...
สวัสดีครับ
รูปนี้ถ่ายที่บ้านเกิดหรือชาติภูมิสถานของท่าน ป.อ.ปยุตโตน่ะครับ ที่จ.สุพรรณบุรีครับ
มาเยี่ยมคุณศิลาค่ะ
หมออ่านหนังสือท่านประยุทย์หลายเล่มเพราะสงสัยเรื่องกรรม เทวดา ส่วนพุทธธรรมอ่านไม่จบค่ะ
พระป๋องเคยพาโยมแม่ไปกราบท่านที่วัดก่อนออกบวชเพราะไปช่วยท่านทำเวบค่ะ วัดท่านร่มเย็นดีแต่คนไม่ค่อยมาก
หลวงพ่อปราโมทย์ใช้คำเรียกตัวปลอมของเราว่าหมูกระดาษ คนเรามีตัวปลอมเยอะเพราะสังคมกำหนดให้เป็น
การฝึกรู้น่าจะช่วยลดตัวปลอมนะคะ
อนุโมทนากับบุญที่ทำอยู่อย่างสม่ำเสมอทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ
บังเอิญมีกัลยาณมิตรคอยดูแล หาหนังสือธรรมะดี ๆ และยังได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ ท่านสอนให้นั่งสมาธิ เพราะไปถามท่านว่า...ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าแม่อยู่ดีมีสุขหรือไม่อย่างไร อยากทำบุญให้ท่านมาก ๆ ...การนั่งสมาธิก็ไม่มีครูบาอาจารย์ แต่ใช้การอ่านหนังสือค่ะ ทำผิดมาตลอดเลยค่ะ...เอ...เล่ายาวจังค่ะ ก็เพื่อที่จะบอกว่า....
ความทุกข์ นั้น คือ อริยทรัพย์