จงสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานในช่วงที่เป็นขาขึ้นของจิตใจ
มีองค์กรจำนวนไม่น้อยที่พยายามคิดค้นหาเครื่องมือและวิธีการ ในการสร้างแรงจูงใจที่ทันสมัยและได้รับการยอมรับในระดับสากลเพื่อให้คนทำงานในองค์กรเกิดแรงจูงใจในชีวิตและทุ่มเททำงานให้องค์กรอย่างเต็มที่ แต่...สุดท้ายการลงทุนเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับคนมักจะไม่ได้ผลในระยะยาว จะเห็นผลแค่ในช่วงสั้นๆ เท่านั้น ได้ผลแบบวูบวาบเหมือนไฟไหม้ฟาง และที่หนักกว่านั้นก็คืออะไรก็ตามที่องค์กรให้ไปแล้ว ถึงแม้ว่าความตั้งใจตอนแรกอยากให้สิ่งนั้นเป็นเครื่องมือในการสร้างแรงจูงใจไม่ใช่สวัสดิการก็ตาม แต่สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นสวัสดิการที่ทุกคนต้องได้ไปในที่สุด
คุณณรงค์วิทย์ แสนทอง ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ระบบการสร้างแรงจูงใจในองค์กรมักจะไม่ประสบความสำเร็จ น่าจะเกิดจากการที่องค์กรขาดการวิเคราะห์ช่วงเวลาของการสร้างแรงจูงใจ ทำให้ใส่แรงจูงใจผิดคน ผิดที่ ผิดเวลา เช่น
ในองค์กรมักจะเน้นการไปสร้างแรงจูงใจให้กับ “คนที่เคยเก่ง” แต่ตอนนี้หมดไฟแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากเพราะ…
เพื่อให้ระบบการสร้างแรงจูงใจคนทำงานในองค์กรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงขอเสนอแนะแนวทางในการสร้างแรงจูงใจให้กับคนทำงานดังนี้
แต่น้ำขวดเดียวกันต่อให้ไม่เย็นแล้ว แต่ถ้าเรานำไปให้คนที่กำลังปีนเขาไประยะหนึ่งแล้ว และเขากำลังกระหายน้ำมากในเวลานั้น รับรองว่าน้ำขวดนั้นย่อมมีความหมายกับเขามาก และถ้าเราบอกว่าจะต้องปีนไปอีก 20 เมตร แล้วจะเจอขวดน้ำรออยู่ เชื่อได้เลยว่าคนๆนั้นเห็นน้ำขวดนั้นเป็นสิ่งจูงใจในชีวิตอย่างแน่นอน
สรุป การสร้างแรงจูงใจคนทำงานในองค์กรก็เช่นเดียวกัน จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนสิ่งจูงใจให้ถูกช่วงถูกเวลา เพราะมิฉะนั้น นอกจากจะเสียของ(เงินหรือสิ่งของที่ใช้จูงใจ) แล้วยังไม่ได้ผลอะไรกลับคืนมาอีกด้วย และที่สำคัญจงอย่าจูงใจคนที่หมดไฟแล้ว จงเน้นการจูงใจคนที่กำลังมีไฟ เพราะเราแค่เติมเชื้อเพลิง(สิ่งจูงใจ)ไม่ต้องเยอะ ก็สามารถจูงใจให้เขาทำในสิ่งที่เราต้องการได้มากกว่า เพราะคนที่มีไฟอยู่แล้วเหมือนกับรถที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ เราแค่ออกแรงผลักอีกนิดเดียวก็วิ่งฉิวแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าองค์กรต่างๆ จะหันมาทบทวนระบบการบริหารแรงจูงใจของคนทำงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ ^^
ดีมากเลยครับ สามารถนำไปใช้ได้
ให้ในสิ่งที่เขาต้องการ
ถูกเวลา
ถูกโอกาส
เหมาะสม
แหม ครบครัน