เหม่อมองผ่านสายฝนโปรยนอกหน้าต่าง…ดูใบไม้น้อยใหญ่ระบัดใบเริงร่า...อากาศสดชื่นเย็นสบาย...กะรอกตัวจิ๋ว เล่นกายกรรมบนสายไฟ...สนุกสนาน...นกตัวเล็กๆ แอบหลบฝนตามกิ่งใบของต้นชมพู่ ช่างเป็นยามเย็นที่แสนจะผ่อนคลาย...คุณยังจำฉันได้หรือเปล่าและคิดถึงฉันบ้างไหม...เพราะนานเหลือเกินที่เราไม่ได้พบกัน...กว่า 6 เดือนที่ฉันปิดรับการสื่อสารทุกอย่าง...เงียบหายไปพร้อมกับสายลมหนาวและวันนี้ฉันมีกำลังใจที่จะหยัดยืนขึ้นอีกครั้งเมื่อปลายฝนเช่นกัน ...มีเรื่องราวร้อยพันทั้งทุกข์และสุขผ่านเข้ามาในชีวิต…ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้กลับมาพบคุณๆ...ที่นี่อีกครั้ง...เวลานี้ฉันพร้อมที่จะออกเดินทางต่อแล้ว...คุณละคะยังยินดีที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของฉันไหม...
ขอทักทายคุณๆ...ด้วยดอกบัวตองสีเหลืองสดใส แทนคำว่าคิดถึงและขอบคุณ
“เด็กทุกคนก็เป็นคนเหมือนเราเพียงแต่เขาเลือกที่จะเกิดไม่ได้คงจะดีกับพวกเขามากหากว่ามีใครสักคนตั้งใจไปช่วยเขาด้วยความจริงใจไม่ใช้เพราะความจำใจ...” คือถ้อยคำของผอ.สมประสงค์ มั่งอะนะ
พ่อพิมพ์ผู้โด่งดังของโรงเรียนอุ้มผางวิทยาคมได้เข้ามาปลุกจิตสำนึกที่แสนจะริบหรี่ในตัวฉันให้ลุกโพลงอีกครั้ง...อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเกินไปในยุคสมัยที่วงการครูตกต่ำถึงขีดสุด ทั้งชื่อเสียง...ลาภยศ ทุกๆสิ่งที่ครูยุคนี้ปรารถนาสามารถซื้อได้ด้วยเงิน...ในภาวะที่สังคมทุกระดับล่มสลายเราไม่สามารถฝากชีวิตและความฝันไว้กับคำโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มคนสีใด...อีกทั้งทำอย่างไรที่ครูจะเนี่ยวรั้งไม่ให้ลูกศิษย์หลงเข้าไปในวังวนของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ไหลบ่าเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Hi 5 หรือ Twitter
อยากเชิญชวนทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพ่อแม่อุปถัมภ์ โดยบริจาคเงินเดือนละ 300 บาท หรือปีละ 3,600 บาท เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนหรือจะแวะไปเยี่ยมให้กำลังใจที่ ห้องเรียนสาขาบ้านเกร๊ะคีของครูหนึ่ง สิปปนนท์ มั่งอะนะ คนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้น
เมื่อได้ไปเยี่ยมเยือนถึงถิ่นได้พานพบว่า...การเสียสละและการทำงานปิดทองหลังพระของคนเป็นครู มิอาจวัดได้ด้วยค่าสถิติ และตัวชี้วัดใดๆที่หลายฝ่ายพยายามสร้างขึ้นมาเป็นภาพลวงตา แต่วัดได้จากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สมกับวัยของพวกเขาต่างหาก...ความสำเร็จในชีวิตหรืออนาคตข้างหน้าของพวกเขาเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาประเมินอีกยาวนาน...น่าชื่นชมยินดีที่ทุกคนในที่นี้ร่วมมือร่วมแรง ร่วมใจช่วยเหลือตัวเองโดยไม่รอการหยิบยื่นจากหน่วยงานของรัฐเพียงอย่างเดียว...แม้จักเหน็ดเหนื่อยที่ต้องเดินทางไปสร้างความสุขให้กับนักท่องเที่ยวทุกค่ำคืนในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว...
To Sir With Love :แด่คุณครูด้วยดวงใจ เป็นหนังยุค 1967 คุณเกิดทันไหมคะ...เรื่องราวของวิศวกรที่จับพลัดจับผลูเข้ามาสู่อาชีพครู...น่าติดตามว่าเขาจะมีวิธีจัดการกับบรรดานักเรียนจอมเฮี้ยวได้อย่างไร...แต่สิ่งที่ดังกว่าหนังคือเพลงค่ะ น้ำเสียงที่แสนหวานของ Lulu ศิลปินสาวชาวอังกฤษตรึงใจของผู้ฟังตลอดกาล…
…If you wanted the sky I would write across the sky in letters,
That would soar a thousand feet high,
To Sir, with Love…
การได้มาเยือนอุ้มผางครั้งนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะระลึกถึงครูซัน สมพงศ์ หมื่นจิตต์ ครูดอยผู้จากไปเมื่อ 18 มิถุนายน 2544 ...ไม่ต้องแปลกใจหากคุณไม่รู้จักครูซัน...เพราะคุณเป็นคนรุ่นใหม่...แต่ถ้าคุณเป็นพวกที่ชื่นชอบศิลปินเพื่อชีวิตยุคเก่าๆ คุณอาจเคยได้ยินได้ฟังเพลงของครูซัน...เสียงเพลงจากแผ่นซีดีของครูซันในวันนี้ทำให้ฉันหวนคืนสู่วันเวลาเก่าๆ อีกครั้ง...ยามอ่อนล้าและเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานเมื่อครั้งอยู่เสิงสาง... .บทเพลงของครูซันเคยเป็นแรงใจให้ฉันยิ้มสู้ ความยากลำบากในการดำเนินชีวิตที่ฉันเผชิญในตอนนั้นเทียบไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของครูซัน...
สมัยก่อนการทำเพลงแต่ละชุดลำบากมากๆ นะคะ ครูซันไปเรียนต่อดนตรีที่บ้านสมเด็จ…โลกมันกลมมากค่ะ เพราะครูซันมาทำแผ่นและบันทึกเสียงกับครูจั๋ง ที่บ้านลพบุรี บ้านครูจั๋งอยู่ถัดออกไปจากบ้านตัวเองในตอนนี้ไม่กี่หลังเอง ยังไม่ได้คุยกับครูจั๋งเลยว่าเป็นแฟนคลับครูซันอ่านบันทึกของครูจั๋งแล้วยิ่งนับถือความอดทนของครูซันมากๆ
“เฮ้ย สมพงศ์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมตะโกนสุดเสียงด้วยความยินดีแฝงด้วยความแปลกใจนิดๆ
“มาตั้งแต่เมื่อวานครับ”
เวรกรรมจริง ๆ ผมลืมบอกไปว่าให้โทรมาก่อน จะได้นัดวันกัน
“แล้วไปพักที่ไหนล่ะ”
“นอนนอกชานนี่แหละครับ”
บ๊ะแล้วกัน.....สมพงศ์ต้องมานอนอยู่นอกชานบ้านผมนี่เอง นึกแล้วก็อยากเขกหัวตัวเองเหลือเกิน แต่ช่วงซัมเมอร์ของลพบุรีดีอย่างคือ ไม่ค่อยมียุง เพราะมันแล้งจัด สมพงศ์จึงรอดชีวิตจากการเป็นอาหารยุงไปได้
เริ่มสร้างโครงเพลงด้วยซอร์ฟแวร์โบราณในยุคเริ่มต้นของดนตรีคอมพิวเตอร์ ใครที่เคยสัมผัสการเรียบเรียงเพลงด้วยคอมพิวเตอร์ จะเข้าใจดีถึงความทรมานแสนสาหัสในการทำให้ความคิดที่เป็นอนาลอค (analog) ให้เป็นเสียงที่สมบูรณ์ออกมาในระบบดิจิตอล(digital) สมพงศ์เดินทางมาหาผมด้วยเทป 1 ม้วน และกระดาษที่จดเนื้อเพลงพร้อมคอร์ด ซึ่งยังไม่พอในการเรียบเรียงเพลง ผมจึงเริ่มดำเนินการ เหมือนกับได้เป็นครูสอนสมพงศ์อีกครั้งหนึ่ง โดยการใช้กระดาษเขียนโน้ต เริ่มแบ่งห้องเพลง แบ่งท่อนตอน วางคอร์ด สร้างลูกโซโล่ อินโทร และลูกจบ รวมทั้งวางแผนเรื่องร้องเสียงประสานด้วย ซึ่งเชื่อว่า การสอนพิเศษในครั้งนั้น ทำให้สมพงศ์มองภาพการสร้างอัลบัมต่อๆ มาด้วยตัวเองได้อย่างช่ำชองวันนั้น อยู่ในช่วงของเดือนเมษายน ประมาณปี 2535 (ไม่แน่ใจ) ผมเริ่มงานกับสมพงศ์ด้วยความยากลำบากทั้งในเรื่องของซอร์ฟแวร์ที่ต้องคอยเอาแผ่น 1 ใส่ แล้วก็รอให้เครื่องมันเรียกแผ่น 2 ฮาร์ดดิสก์ก็มีความจุสูงสุดตอนนั้นก็แค่ 30 เมกกะไบท์ (สุดยอดแล้วตอนนั้น)รวมทั้งบรรยากาศของจังหวัดลพบุรีที่ทั้งแห้งและร้อน (ถ้าจะให้พูดถึงลำดับความร้อนก็จะแบ่งได้ 3 ระดับ คือ ร้อน ร้อนมาก และร้อนอิ๊บอ๋าย) ที่ลพบุรีนี่ร้อนแบบที่สามครับ และประการสำคัญในความยากลำบากในครั้งนั้น คงเป็นเพราะความที่ยังไม่ได้ติดแอร์ ทำให้การทำงานแต่ละครั้ง เราทั้งสองต่างโชคไปด้วยเหงื่อ ลมที่พัดมาก็เป็นลมร้อนที่หอบเอาไอร้อนจากสนามเทนนิสหน้าบานเข้ามา….อ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณ หนานเกียรติ ที่ฝากเนื้อเพลงของครูซันไว้ เพลงทางเดินบนดอย(คลิกเพื่อโหลดเพลง)
ขึ้นดอยแล้วลงดอย เกือบจะถอยตั้งหลายที แรงกายเริ่มไม่มีแต่ใจนี้มันไม่ถอย ห่วงคนที่รอคอย ดีใจเมื่อครูมา จากวันก็เป็นเดือน จากเดือนก็เป็นปี ความรักที่ศิษย์มี มันฉายแสงแห่งดวงตา หากเราจากเขามา ใครจะพาเขาก้าวไป หน็บหนาวน้ำค้างพรม มีผ้าห่มกันหนาวตาย แต่หนาวที่ในใจจะมีใครมาแยแส กับคนที่เคยแคร์ เขาจากไปไม่คืนมา ขึ้นดอยแล้วลงดอย เกือบจะถอยตั้งหลายครา แดดร้อนให้อ่อนล้า น้ำตาจะรินไหล ยามนี้ไม่มีใคร มาเคียงคู่กับครูดอย
ขอบคุณน้องทะเลดาว ที่นำเพลงแด่เธอมาฝาก เพลงนี้อยู่ในชุด ตะวันชีวิต(คลิกเพื่อโหลดเพลง)
เพลง แด่เธอ(คลิกเพื่อฟังเพลง)
....ฉันวันนี้ยังเป็นเช่นวันวาน....มีความฝันที่โบกโบยบิน
ฉันวันนี้ยังคงติดดิน....ไม่มีทรัพย์สินไม่เคยสิ้นพลัง
ฉันให้เธอเท่าที่ฉันจะให้....คือให้ใจให้เธอมีความหวัง
ยามหม่นหมองจะร้องเพลงให้ฟัง....ยามผิดหวังจะให้กำลังใจ
ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร....ไม่ว่าเธอจะอยู่หนใด
หากเธอพร้อมจะก้าวไป....จะเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา
พรุ่งนี้เป็นไงฉันไม่รู้....ฉันยังอยู่หรือไปอย่าได้เกรง
แต่วันนี้ยังมีฉันบรรเลง เป็นบทเพลงดีๆ มอบ....แด่เธอ
และขอขอบคุณอาจารย์Wasawat Deemarn ที่ต่อยอดบันทึกนี้ด้วยบันทึก"ครูบนดอย" เพลงแห่งครู ... ที่ผมขอเก็บไว้ในบันทึกหากสนใจเพลงอื่นๆของครูซันตามไปฟังเพลงและสั่งซื้อ ซีดีเพลงของครูซันได้ที่บ้านครูซันด้านล่างเลยนะคะ
ช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางความรู้ได้แผ่ขยายเป็นวงกว้างขึ้นทุกที ฉันคิดว่าปัญหานี้แก้ได้ด้วยการให้การศึกษาค่ะ...ขอคารวะและบูชาพระคุณครูทุกคนด้วยบทเพลง พระคุณที่สาม ของครูสุเทพ โชคสกุล (เป็นผู้แต่งเพลง แม่พิมพ์ของชาติ เมื่อ พ.ศ. 2501)
เพลงพระคุณที่สาม คำร้อง / ทำนอง ครูสุเทพ โชคสกุล
ครูบาอาจารย์ที่ท่านประทานความรู้มาให้
อบรมจิตใจให้รู้ผิดชอบชั่วดี
ก่อนจะนอนสวดมนต์อ้อนวอนทุกที
ขอกุศลบุญบารมีส่งเสริมครูนี้ให้ร่มเย็น
ครูมีบุญคุณจะต้องเทิดทูนเอาไว้เหนือเกล้า
ท่านสั่งสอนเราอบรมให้เราไม่เว้น
ท่านอุทิศไม่คิดถึงความยากเย็น
สอนให้รู้จัดเจนเฝ้าแนะเฝ้าเน้นมิได้อำพราง
* พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส
แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง
ถ้าหากจะคิดยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง
มีใครไหนบ้างแนะนำแนวทางอย่างครู
บุญเคยทำมาตั้งแต่ปางใดเรายกให้ท่าน
ตั้งใจกราบกรานเคารพคุณท่านกตัญญู
โรคและภัยอย่าหมายแผ้วพานคุณครู
ขอกุศลผลบุญค้ำชูให้ครูมีสุขชั่วนิรันดร
ณ วันนี้ บ้านครูซัน และ อ.อุ้มผาง เปิดรับการมาเยือนของนักเดินทางทุกคน...ความฝันของครูซันและ ผอ.สมประสงค์ มั่งอะนะ มีผู้สืบทอดและสานต่อ...แม้ความฝันของฉันในวันนี้จะริบรี่เหมือนแสงเที่ยนเล่มน้อยแต่ฉันก็จะพยายามสู้ต่อไป...แล้วคุณละคะ... คุณเคยทำตามความฝัน...หรือยัง
ผมจำอาจารย์ naree suwan ไม่ได้ครับ .... อาจารย์เป็นใครกันอ่ะ ?
;) ... สบายดีไหมครับ
มาชม
เห็นความเป็นธรรมชาติงดงามดีแท้ ๆ ...
พี่นารีครับ สงสัยน้องจะแก่แล้ว แงๆๆ เพราะทันเรื่อง To sir with love เรื่องครูซันเป็นเรื่องที่ชอบพอๆๆกับเรื่อง โกมล คีมทอง(รุ่นใหม่ๆๆจะรู้จักไหมเนี่ย) แต่อันนี้ นามสกุลเดียวกับแม่ผมเลย (ผอ.สมประสงค์ มั่งอะนะ )
เอาเพลงครูซันมาฝากครับ
.
ขึ้นดอยแล้วลงดอย เกือบจะถอยตั้งหลายที
แรงกายเริ่มไม่มีแต่ใจนี้มันไม่ถอย
ห่วงคนที่รอคอย ดีใจเมื่อครูมา
จากวันก็เป็นเดือน จากเดือนก็เป็นปี
ความรักที่ศิษย์มี มันฉายแสงแห่งดวงตา
หากเราจากเขามา ใครจะพาเขาก้าวไป
เหน็บหนาวน้ำค้างพรม มีผ้าห่มกันหนาวตาย
แต่หนาวที่ในใจจะมีใครมาแยแส
กับคนที่เคยแคร์ เขาจากไปไม่คืนมา
ขึ้นดอยแล้วลงดอย เกือบจะถอยตั้งหลายครา
แดดร้อนให้อ่อนล้า น้ำตาจะรินไหล
ยามนี้ไม่มีใคร มาเคียงคู่กับครูดอย
คุณคะ ๆ คิดถึงคุณมาตั้งนานแล้วนะคะ ดีใจจัง แล้วคุณคิดถึงฉันบ้างไหม ยังมีน้องๆ อีกตั้งหลายคนนะคะ เอ...จะขอยกความดีให้โปสการ์ดยี่ห้อเนปาลีที่เป็นสื่อฉุดท่านพี่จ๊ะของเธอออกจากมุมเงียบได้ไหมนะคะ...
คุณยังจำฉันได้หรือเปล่าและคิดถึงฉันบ้างไหม...
ใช่เลยครับ คุณ naree suwan ภายใต้สังคมที่พิกลพิการ เหล่าคุณครูทั้งหลายยังเป็นที่พึ่งได้ครับ ถึงแม้ว่ายังมีอุปสรรคนานัป
บางครั้งผมถดถอยมาก แต่หันหน้ามาเจอสิ่งที่ดีงาม และเบื้องหลังแสนยากเข็ญของคุณครูหลายๆท่าน ผลงานที่ประจักษ์ ถึงแม้ว่ายังมองไม่เห็นอนาคตที่ดีขึ้นนัก แต่ประคองกันไปครับ
ด้วยจิตคารวะ
สวัสดีค่ะ..แวะมาเยี่ยมคะ..สบายดีนะคะ
อ้าวจองไม่ทัน
ยินดีต้อนรับกลับสู่บ้านg2kค่ะ
ดีใจจังค่ะที่กลับมาเสียที คิดถึงจริงๆ
ระยะนี้พี่ก็มีโอกาสได้ทำงานกับเรื่องดีๆในวงการการศึกษาผ่านโรงเรียนในโครงการ Humanized Edu Care ของมูลนิธิสดศรีฯค่ะ เห็นความประเสริฐของคุณครูแล้วมีความสุขที่เรื่องดีๆยังมีให้เบิกบานบนผืนดินไทยยามนี้นะคะ
ได้ดูหนังเรื่อง Front of the Class แล้วหรือยังคะ เป็นหนังอีกเรื่องที่ทำให้เห็นคุณค่าของความเป็นครูด้วยหัวใจค่ะ
สวัสดีค่ะ พี่นารี
หายไปนาน คิดถึงจังเลยค่ะ...^^สบายดีนะคะ..ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะค่ะ...^^
คิดถึงมากเลย ติดตามกันมาตั้งแต่เรียน เป็นนักศึกษาใหม่ จนศึกษาจบแล้ว เข้ามาหาและติดตาม หายไปนานมาก นึกว่า สุขภาพไม่ดี
ที่แท้แอบไปเป็นครูดอยหรือเปล่าน้า..... จะเป็นอะไร จะไปที่ไหน ยังแวบคิดถึงเสมอ หายไปนานจังเลย คิดถึงนะคะ
สมัยเป็นนักศึกษา เข้ามาหาความรู้กับคุณ ที่ชอบสรรหา เรื่องราวใหม่ๆมาให้ชมเป็นขวัญตา ติดตามตลอด ไม่เคยลืม ปีนี้จบแล้วนะคะ
มาที่นี้รำพึง ที่ได้เข้ามาพบบรรยากาศ เดิมๆ แต่พัฒนาไปตามลำดับ มาครั้งนี้ คงจะ มีอะไรดีๆมาเล่าสู่กันฟังนะคะ อยากจะเขียนคำว่า คิดถึง ซัก พันครั้ง
เย้ เย้ กลับมาแล้ว แล้วจะติดตามเหมือนเคยนะคะ บาย บาย ดีใจจัง
อาจารย์หายไปนานทีเดียวค่ะ คิดถึงมากเลยนะคะ ดีใจที่กลับมาเขียนบันทึกอีก
เพลง To Sir With Love :แด่คุณครูด้วยดวงใจ พี่จำได้ค่ะ เก่ามาก แต่ยังเพราะค่ะ
พี่คะ
หนูพยายามหลายครั้ง...ในที่สุดก็เข้าบ้านตัวเองได้ซะที จำ password สลับตัวกันน่ะเอง
"…ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้กลับมาพบคุณๆ...ที่นี่อีกครั้ง...เวลานี้ฉันพร้อมที่จะออกเดินทางต่อแล้ว...คุณละคะยังยินดีที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของฉันไหม..."
ดีใจจังเลยค่ะที่เห็นพี่ใน blog นี้อีกครั้ง หายไปนานเหลือเกินซึ่งก็นานพอๆ กับที่หนูหายไปจากพื้นที่นี้เช่นกัน หนูคุยกับตัวกลมเสมอถึงพี่ ก็ไม่กล้าโทรไปรบกวน คิดว่าพี่ต้องมีเหตุอะไรสักอย่าง หนูกับตัวกลมพยายามสรรหาหลายๆ วิธีที่ ที่จะพยายามติดต่อพี่...อิอิ...ลองถามตัวกลมดูซิคะ บวกลบคุณหารแล้วเราก็ตกลงกันว่า...ไม่ดีกว่า แล้วหนูกะพี่ก็เข้ามาเจอกันในเวลาไล่เรี่ยกันเลย
หนูเคยอ่านเจอข้อความหนึ่งซึ่งไม่ทราบว่าเป็นบทเพลง อ่านแล้วสะดุดใจ ในตอนนั้นด้วยความอยากรู้ว่าเป็นบทความของใครก็เลยอาศัยคุณลุงกูเกิ้ล ถึงได้ทราบว่าเป็นบทเพลงของครูซันค่ะ ซึ่งหนูก็ไม่เคยรู้จักคุณครูท่านนี้เลย....
....ฉันวันนี้ยังเป็นเช่นวันวาน....มีความฝันที่โบกโบยบิน
ฉันวันนี้ยังคงติดดิน....ไม่มีทรัพย์สินไม่เคยสิ้นพลัง
ฉันให้เธอเท่าที่ฉันจะให้....คือให้ใจให้เธอมีความหวัง
ยามหม่นหมองจะร้องเพลงให้ฟัง....ยามผิดหวังจะให้กำลังใจ
ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร....ไม่ว่าเธอจะอยู่หนใด
หากเธอพร้อมจะก้าวไป....จะเป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา
พรุ่งนี้เป็นไงฉันไม่รู้....ฉันยังอยู่หรือไปอย่าได้เกรง
แต่วันนี้ยังมีฉันบรรเลง เป็นบทเพลงดีๆ มอบ....แด่เธอ
...ไม่รู้ว่าหนูจะได้เข้ามาที่นี่อีกเมื่อไรนะคะ หลังจากประสบเหตุการณ์ฯ แล้วมาเริ่มต้นใหม่หนูก็ไม่ค่อยได้ใช้ internet ในช่วงเวลาปกติเท่าไรนัก แต่จะพยายามมาทักทายนะคะ
คิดถึงนะคะ...
สวัสดีครับ
ตามติด ติดตาม เหมือนเดิม
ผู้คนคับคั่งเหมือนเดิม อิอิ
หวังว่าสบายดีนะครับ
ครูซัน เป็นลูกศิษย์ของ อ.สุกรี เจริญสุข ผอ.วิทยาลัยดุริยางคศิลป์
อ.สุกรี เล่าว่า ครูซัน เคยชวนแกไปเที่ยวที่อุ้มผาง
แต่ครูซันก็มาเสียชีวิตไปเสียก่อน
งานศพครูซัน มีศิลปินคนดังไปร่วมงานมากมาย
ศุ บุญเลี้ยง ไปร้องเพลงให้ครูซันฟังเป็นคร้ังสุดท้าย
ผมไม่ได้ไปร่วมงาน เพราะติดภารกิจอยู่ที่เชียงใหม่
เพื่อนหลายคนไปร่วมงานกลับมาเล่าบรรยากาศให้ฟัง
ครูซัน ควรจะมีอายุยืนยาวกว่านี้ เพราะเริ่มมีชื่อเสียง
เป็นแรงบันดาลใจให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่
ผมเองก็ได้รับแรงบันดาลใจจากบทเพลงและวิถีที่ครูซันเลือกไม่น้อย
สวัสดีค่ะ
ดีใจที่กลับมาทวงบัลลังก์คืน....
ชอบมากค่ะ...
…If you wanted the sky I would write across the sky in letters,
That would soar a thousand feet high,
To Sir, with Love…
(^___^)
กลับมาอีกครั้ง หลังจากยก "กะลามัง" เอ๊ย "บัลลังก์" ให้อาจารย์ naree suwan แล้ว
6 เดือน ... ทำให้ทุกประโยคในบันทึกมีคุณค่าอย่างร้อนแรงและทะลุใจ นึกถึงเพลง "ครูบนดอย"
เพลง / Title : ครูบนดอย
ศิลปิน / Artist : ธารทิพย์ ถาวรศิริ
หวีดหวิววังเวงเพลงแห่งพนา
ที่อยู่บนดอยเสียดฟ้า
ยากหาผู้ใดกรายกล้ำ
เด็กตัวน้อยน้อย
คอยแสงแห่งอารยธรรม
เพื่อส่องเจือจุนหนุนนำ
ให้ความรู้ศิวิไลซ์
ดั่งแสงเรืองรองที่ส่องพนา
ถึงจะไกลสูงเทียมฟ้า
ความรักเมตตาพาใกล้
ท่ามกลางเด็กน้อย
ภาพครูบนดอยซึ้งใจ
อุ้มโอบส่องชีวิตใหม่
เสริมค่าคนไทยเทียมกัน
* ครูบนดอยดุจแสงหิ่งห้อยกลางป่า
ขจัดความมืดนานา
สร้างเสริมปัญญาคงมั่น
ศรัทธาหน้าที่
พร้อมพลีสุขสารพัน
เขาอยู่อย่างผู้สร้างสรรค์
สมคำของครูผู้ให้
** จากแสงเลือนลางระหว่างยอดดอย
เริ่มส่องประกายใหญ่น้อย
ความรู้เรื่องดอยน้อยใหญ่
แต่ครูบนดอย
ผู้คอยสร้างสรรค์ชาติไทย
ยังต้องรำเค็ญเข็นใจ
ขอได้อุ้มชูครูดอย
(ซ้ำ *, **)
ดาวน์โหลดเพลง ร้องโดย ธารทิพย์ ถาวรศิริ ที่นี่ครับhttp://www.4shared.com/get/64371914/fe75a8ed/_-__.html;jsessionid=D6EEBA49E3A06969258E530DE667ABC2.dc137
ประโยคทอง
"... การเสียสละและการทำงานปิดทองหลังพระของคนเป็นครู มิอาจวัดได้ด้วยค่าสถิติ และตัวชี้วัดใดๆที่หลายฝ่ายพยายามสร้างขึ้นมาเป็นภาพลวงตา แต่วัดได้จากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่สมกับวัยของพวกเขาต่างหาก...ความสำเร็จในชีวิตหรืออนาคตข้างหน้าของพวกเขาเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาประเมินอีกยาวนาน ..."
อิ่มมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้
และผู้คนที่มองเห็นคุณค่าความเป็นครูของครู
ดีใจที่ได้มีโอกาสอ่านเรื่องราว
ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ก้าวต่อไป
แม้ชีวิตได้เดินทางมาไกลเกือบสุดขอบแล้ว
ขอบคุณค่ะ
ทักทายยามฝนกระหน่ำจากฝั่งอันดามันค่ะครูพี่นารี
ครูพี่สบายดีนะคะ หายไปนานๆ มากๆเลย... คิดถึงค่ะ
แน่ะไปแม่สอดบ่อยจัง มาชื่นชมและเป็นกำลังใจค่ะ ...
ได้อ่านเรื่องราวครูซัน และฟังเพลงครูดงดอย ในบันทึกของครูข้างถนน ..
มีความสุขนะคะ ...
แวะมาบอกว่าชื่อดอกไม้หายากเฉลยแล้วครับที่
http://gotoknow.org/blog/new-life/294568
ขอบคุณมากครับที่ไปเยี่ยมชม
สุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ
แจ้งขอลิขสิทธิ์ครับ อิ อิ
"ครูบนดอย" เพลงแห่งครู ... ที่ผมขอเก็บไว้ในบันทึก
ผมชอบเพลงนี้มากเลย เลยเอาไปต่อยอดกระถินมาครับ ;)
Those schoolgirl days, of telling tales and biting nails are gone,
But in my mind, I know they will still live on and on,
เสียงเพลงของ LuLu ศิลปินสาวจากอังกฤษไพเราะจับใจมากค่ะ เธอยังเป็นผู้แสดงนำในเรื่องนี้ด้วยแม้ปัจจุบันเธอจะ อายุ 60 แล้วแต่ยังร้องเพลงอยู่เสมอๆ ในยุคนั้นเธอน่ารักมากเลยนะคะ
หากน้องๆท่านใดไม่เคยได้ยินเสียงร้องของเธอคลิกฟังได้ที่นี่ค่ะTo Sir With Love :แด่คุณครูด้วยดวงใจ
“เฮ้ย สมพงศ์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมตะโกนสุดเสียงด้วยความยินดีแฝงด้วยความแปลกใจนิดๆ
“มาตั้งแต่เมื่อวานครับ”
เวรกรรมจริง ๆ ผมลืมบอกไปว่าให้โทรมาก่อน จะได้นัดวันกัน
“แล้วไปพักที่ไหนล่ะ”
“นอนนอกชานนี่แหละครับ”
บ๊ะแล้วกัน.....สมพงศ์ต้องมานอนอยู่นอกชานบ้านผมนี่เอง นึกแล้วก็อยากเขกหัวตัวเองเหลือเกิน แต่ช่วงซัมเมอร์ของลพบุรีดีอย่างคือ ไม่ค่อยมียุง เพราะมันแล้งจัด สมพงศ์จึงรอดชีวิตจากการเป็นอาหารยุงไปได้
เริ่มสร้างโครงเพลงด้วยซอร์ฟแวร์โบราณในยุคเริ่มต้นของดนตรีคอมพิวเตอร์ ใครที่เคยสัมผัสการเรียบเรียงเพลงด้วยคอมพิวเตอร์ จะเข้าใจดีถึงความทรมานแสนสาหัสในการทำให้ความคิดที่เป็นอนาลอค (analog) ให้เป็นเสียงที่สมบูรณ์ออกมาในระบบดิจิตอล(digital) สมพงศ์เดินทางมาหาผมด้วยเทป 1 ม้วน และกระดาษที่จดเนื้อเพลงพร้อมคอร์ด ซึ่งยังไม่พอในการเรียบเรียงเพลง ผมจึงเริ่มดำเนินการ เหมือนกับได้เป็นครูสอนสมพงศ์อีกครั้งหนึ่ง โดยการใช้กระดาษเขียนโน้ต เริ่มแบ่งห้องเพลง แบ่งท่อนตอน วางคอร์ด สร้างลูกโซโล่ อินโทร และลูกจบ รวมทั้งวางแผนเรื่องร้องเสียงประสานด้วย ซึ่งเชื่อว่า การสอนพิเศษในครั้งนั้น ทำให้สมพงศ์มองภาพการสร้างอัลบัมต่อๆ มาด้วยตัวเองได้อย่างช่ำชองวันนั้น อยู่ในช่วงของเดือนเมษายน ประมาณปี 2535 (ไม่แน่ใจ) ผมเริ่มงานกับสมพงศ์ด้วยความยากลำบากทั้งในเรื่องของซอร์ฟแวร์ที่ต้องคอยเอาแผ่น 1 ใส่ แล้วก็รอให้เครื่องมันเรียกแผ่น 2 ฮาร์ดดิสก์ก็มีความจุสูงสุดตอนนั้นก็แค่ 30 เมกกะไบท์ (สุดยอดแล้วตอนนั้น)
รวมทั้งบรรยากาศของจังหวัดลพบุรีที่ทั้งแห้งและร้อน (ถ้าจะให้พูดถึงลำดับความร้อนก็จะแบ่งได้ 3 ระดับ คือ ร้อน ร้อนมาก และร้อนอิ๊บอ๋าย) ที่ลพบุรีนี่ร้อนแบบที่สามครับ และประการสำคัญในความยากลำบากในครั้งนั้น คงเป็นเพราะความที่ยังไม่ได้ติดแอร์ ทำให้การทำงานแต่ละครั้ง เราทั้งสองต่างโชคไปด้วยเหงื่อ ลมที่พัดมาก็เป็นลมร้อนที่หอบเอาไอร้อนจากสนามเทนนิสหน้าบานเข้ามา….อ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ
สวัสดีค่ะ
คุณยังจำฉันได้หรือเปล่าและคิดถึงฉันบ้างไหม...เพราะนานเหลือเกินที่เราไม่ได้พบกัน...กว่า 6 เดือนที่ฉันปิดรับการสื่อสารทุกอย่าง...เงียบหายไปพร้อมกับสายลมหนาวและวันนี้ฉันมีกำลังใจที่จะยัดยืนขึ้นอีกครั้งเมื่อปลายฝนเช่นกัน ...มีเรื่องราวร้อยพันทั้งทุกข์และสุขผ่านเข้ามาในชีวิต…ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้กลับมาพบคุณๆ...ที่นี่อีกครั้ง...เวลานี้ฉันพร้อมที่จะออกเดินทางต่อแล้ว...คุณละคะยังยินดีที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของฉันไหม...
กอดค่ะ ^^ ยังจำได้เสมอ และเป็นบ้าไปพักใหญ่ๆ ที่ติดต่อหากันไม่ได้ กว่าหลายเดือนที่ห่างหายไป..ทำให้ตระหนักว่า "บางทีเราก็หลงรักคนแปลกหน้าได้เหมือนกัน" บอกกับพี่ยาหยีไปแบบนี้ บอกกับอา(จารย์)จ๊ะไปแบบนี้ ว่า.. "ขออย่าให้หายไปจากกันโดยไร้ข่าวคราว และไร้ร่องรอย" นี่นะเพราะท่านพี่หายไปเพียงคนเดียว รู้ไว้เสียด้วย..ว่าวัยรุ่นเซ็ง แอบโมโหเจ้านกนางนวลตัวที่ชื่อโจนาธานที่ชอบบินหนีหายอยู่เรื่อย ประชด..ประชด..
คุณเคยทำตามความฝัน...หรือยัง
เคยค่ะ..เคยตั้งหลายครั้งและหลายเรื่อง บางเรื่องก็ทำได้ดีทีเดียว แต่หลายๆ เรื่องก็ล้มเหลว กลายเป็น "ฝันสลาย" ซะงั้น แต่ไม่เป็นไร.. หากไม่ท้อ..สักวันหนึ่งฝันคงจะเป็นจริงเนอะ
ว่าแต่ว่า..ไม่ใครอยากจะทำโครงการน้องอุปถัมป์บ้างหรือคะ? ต้อมจะได้ยื่นใบสมัคร อิอิ
เห็นไหมเพื่อนคิดถึงมากเลย มาเยี่ยมคะ
สุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ
สวัสดีค่ะ naree suwan
*** แวะมาทักทายและเรียนว่า มีความสุขมากที่ได้แวะมา ติดตามบันทึกอื่นๆด้วยค่ะ
*** ขอขอบคุณ
สวัสดีครับพี่อ๊อด
ไม่ได้พบกันนานมาก ๆ จริง ๆ ผมงานยุ่งมาก เป็นงานใหม่ที่พึ่งเริ่มหัด ก็เลยทำให้ลำบากนิดหน่อย แต่ก็มีความสุขดี เวลางานเลยไม่เหมือนเก่าไม่ได้มีเวลาท่องเวป เขียนเรื่องอย่างเคย ตอนนี้ผมเข้ามาทำหน้าที่นิติกรที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เดินทางทุกวัน ก็สนุกดีครับ
ผมกลับบ้านทุกเดือนแต่ก็ไม่เหมือนเก่าคือ นอนที่บ้านได้อย่างมากก็ 2 คืน ก็ต้องรีบกลับ เดือนที่แล้วก็กลับหลังวันแม่นะครับ เข้าไปเตะบอลในโรงเรียนอยู่วันนึง รู้สึกว่าร่างกายร่วงโรยไม่แข็งแรงเหมือนเก่าเลย เวลาออกกำลังกายก็น้อยลง
มีความสุขดีครับ เพียงแต่ตอนนี้ต้องดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นด้วย ผมไม่ทานอาหารเย็นแบบหนัก ๆ มาสักพักแล้ว
พี่เป็นไง ดูแลสุขภาพด้วยเหมือนกันนะครับ
เรื่องบทเพลงของครูซัน ผมเคยได้ยินชื่อนี้มานานนะครับ แล้วก็น่าจะเคยได้ฟังเพลงของครูแกด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างในยุครุ่นผม มีกลุ่มก่อนหน้านั้นที่พอจะมีเรื่องราวและจำเพลงได้ พูดถึงว่าร้าน หรือนักดนตรีแนวนี้ที่จะคอยรับช่วงเวลาของบทเพลงประเภทนี้ ตอนนี้ก็หายากครับ ที่ขอนแก่นไม่มีใครเล่นเพลงเพื่อชีวิตที่เป็นตัวจริง ร้านเหล้าร้านเพลง ไม่มีแนวนี้แบบโดด ๆ เพียว ๆ เป็นแต่เพียงคล้าย ๆ ผสมผสานกันไป
เรื่องราวเพลงเก่า ๆ มันถูกกลับมาทำใหม่ได้นะครับ ช่วงนี้เพลงเก่ายุคผมยังวัยรุ่นก็กลับมา แต่แปลกว่าเพลงเพื่อชีวิตไม่ค่อยมีใครนำกลับมาร้องมาทำใหม่
ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะครับ
สวัสดีค่ะน้องมิตร บ้านเราเดี๋ยวนี้ไม่สงบสุขเหมือนเดิมแล้ว
มีสวนสนุกมาตั้งตรงข้ามบ้านพี่่เลย แต่ละวันมีคนแห่มาเป็นหมื่นๆ เขามาทำอะไรกันนะ
เข้าออกบ้านแต่ละครั้งลำบากมาก
แถมเครื่องขยายเสียงส่งเสียงดังรบกวน ทั้งวันทั้งคืน แย่มากๆเหมือนมีงาีนสงกรานต์อยู่หน้าบ้านทุกวัน
ป้านารี เจ้า
คิดถึง คิดถึง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สาวน้อย (ใหญ่) บ่นถึง บ่อย ๆ
หายไป นาน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มาก จริงๆ
สาวน้อย สาวใหญ่ อยากอ่านบันทึก ของป้า นารี เน้อเจ้า
กลัวพี่อ็อดหาย เลยแวะมาเยี่ยมค่ะ
พี่คะ
หนูเอาคุกกี้มาฝากค่ะ เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้นี้เอง กลิ่นยังหอมฉุยอยู่เลย หัดทำครั้งแรกนะคะ แต่ขอบอกว่า อร่อยนะ
แวะมาเยี่ยมค่ะพี่อ็อดฃ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
ขอโทษค่ะพี่อ็อด ข้างบนเป็นบันทึกเก่า เราจะข้ามเวลามาพบกันค่ะ
บันทึกล่าสุด เราจะข้ามเวลามาพบกัน(2) คลิกค่ะ
คิดถึงเก้าอี้ไม้ไผ่ที่ระเบียงบ้านค่ะ...เหม่อมองผ่านสายฝนโปรยนอกหน้าต่าง…ดูใบไม้น้อยใหญ่ระบัดใบเริงร่า...อากาศสดชื่นเย็นสบาย...กะรอกตัวจิ๋ว เล่นกายกรรมบนสายไฟ...สนุกสนาน...นกตัวเล็กๆ แอบหลบฝนตามกิ่งใบของต้นชมพู่ ช่างเป็นยามเย็นที่แสนจะผ่อนคลาย...คิดถึงๆๆๆๆๆๆๆ เจ้าของบ้านจังค่ะ
สวัสดีค่ะ
* ตามมาแก้ตัวใหม่อีกครั้งค่ะ อิอิ คราก่อนกำลังโพสก็ได้เวลาหยุดบริการชั่วคราวเพื่อปรับโฉมใหม่ของ G2k พอดีเลยค่ะ
* อ่านบันทึกนี้แล้วครูพรรณา ได้กำลังใจมาเป็นกองเลย ขอบคุณมากค่ะ
* สุขกายสุขใจนะคะ
นาง พรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง)
ห่างหายไปนาน..จนกลับมาเจอรูปแบบบันทึกที่แปลกเปลี่ยนไป จำแทบไม่ได้
แวะเวียนมาเยี่ยมนะคะ เลยได้อ่านเรื่องราวที่เป็นกำลังใจให้แก่คนเป็นครู
ที่นับวัน..การดูแลเด็กก็มีเรื่องราวซับซ้อนให้พิสูจน์แรงใจ และความพยายามของครูมากขึ้นทุกที
ครูจึงต้องมีวิธีคิด วิธีจัดการกับใจของตัว ให้ก้าวเดินต่อไป ท่ามกลางภาระอันหนัก โดยไม่ให้ใจหนักตามไปด้วย
เป็นแบบฝึกหัดในชีวิตที่ยากเอาการเหมือนกันค่ะ
การมีบันทึกดีๆ ให้ได้อ่าน การได้รับรู้ถึงมิตรภาพที่มีให้แก่กัน ก็ช่วยจรรโลงใจได้มากทีเดียว
ขอบคุณน้องอ๊อตสำหรับบันทึกดีๆ และไมตรีที่ให้
แล้วชวนกันต่อเติมความหวังและรอยยิ้ม ในเวลาที่เหน็ดเหนื่อยด้วยกันนะคะ
พี่คะ
วันนี้วันหยุดเลยได้มาทักทายหลายๆ คน แต่หนูว่าวันหยุดนี้พี่ต้องขยันอีกแน่ๆ เลย
ตามน้องหมีมา (อิอิ)
ช่วงนี้พี่อ็อดยังเข้ามาตอบอยู่เรื่อยๆ ดีใจจังค่ะ
อ้างอิงจากความคิดเห็นที่ 78 ที่คุยกับพี่ยาหยี.. พี่กำลังวุ่นสุดๆ กับการไล่ตอนลูกลิงให้กลับเข้ากรง น่ากลัวจัง o_O "ไล่ตอน" จริงๆ หรือ????????????? ^^ อิอิ แซว..ว..ว
มาหยอดกระปุกเสียดีๆ
ช่วงนี้ที่หลังเขาฝนตกข้ามวันข้ามคืน เพิ่งจะได้พบเจอกับแสงแดดก็วันนี้ค่ะ ^^ เมื่อวาน วันอาทิตย์ ตี3 ลุกมาดื่มน้ำ เจอกับผู้บุกรุกเป็นงูตัวเขื่องสีดำเมี่ยมมานอนอุ่นบนที่นอนน้องหมาในบ้าน (หมานอนนอกบ้าน) ห่างจากน้องตัวกลมสักเมตรกว่าๆ น่าหวาดเสียวชะมัด เลยเรียกแม่ออกมานั่งคุมเชิงสักครึ่งชั่วโมงผู้บุกรุกก็คงจะรำคาญเลยเลื้อยหนีไป ทำเอาต้อมต้องเปิดไฟในห้องจนถึงเช้าเลย
เดือน พ.ย. หรือ ธ.ค ไปแม่ฮ่องสอนกันไหม???????
ผมพูดกับนิสิตในเวทีประชุมเสมอว่า...
ในการไหว้ครูของมหาวิทยาลัยในแต่ละครั้ง
ผมไม่ปรารถนาให้ทุกคณะฝากหวังให้คณะศึกษาศาสตร์เป็นต้นเสียงและแบกรับภาระของการร้องเพลงพระคุณที่สามเพียงลำพัง...
แต่ ผมต้องการให้ทุกคนจากทุกคณะ ร้องเพลงนี้ร่วมกันอย่างมีพลัง...
...
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ naree suwan
พี่คะ
เจ้างูสีดำคงกลัวน้องตัวกลม เลยอยู่ห่างตั้งเมตรแน่ะค่ะ..อิอิ
ดูสิ..น่าตีแขนไหม??
พี่คะ
เจ้างูสีดำคงกลัวน้องตัวกลม เลยอยู่ห่างตั้งเมตรแน่ะค่ะ..อิอิ
เราเอากิ้งกือไปวางหน้าบ้านพี่ยาหยีกันเถอะ..
berger0123 น้องวัณย์ ช่วงนี้กำลังสอบค่ะยุ่งๆเหมือนเดิมเขียนบันทึกใหม่แล้วนะคะ
แผ่นดิน น้องแผ่นดินอ่านข่าวเรื่องแย่งกันผลิตครูแล้วเศร้าค่ะ ที่มุ่งแต่ผลประโยชน์ ไม่อยากบอกว่าจะมีสักกี่คนที่จบแล้วจะเป็นครู ภาครัฐก็ไม่สนับสนุนครูดีๆสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าจะต้องดิ้นรนกันไป ตามมีตามเกิดแบบนี้อีกนานไหม
Man In Flame
ตามไปโหลดสื่อดีๆแล้วค่ะ เมื่อไหร่สิ่งดีๆเหล่านี้จะอยู่บนหน้าจอทีวีช่วงเวลาหลังข่าวบ้างนะคะ
นายประจักษ์ ปานอินทร์
ว้าวขอบคุณที่พาน้องม่อนมาเยี่ยมให้กำลังใจนะคะ เวลาที่เหนื่อยและท้อแท้จะได้กำลังใจจากการที่คิดว่ายังมีคนอีกมากมายที่ลำบากกว่าเรานะคะ
สวัสดีค่ะพี่อ็อด
แอนก็หายไปนานเหมือนกันค่ะพี่ งานเข้าตรึมเลยค่ะพี่
บางครั้งก็เหนื่อย...ใจ...กับบริบทรอบข้างแห่งการทำงานกับผู้คนในสังคมปัจจุบัน แต่เราก็ต้องทำเพราะตรงนี้คือหน้าที่แห่งเรา เราคือครูนี่เนาะ จุดหมายหลักของเราคือเด็กต่างหากล่ะ ที่เราต้องช่วยกันอบรมสั่งสอนเค้าล่ะนะคะ ส่วนบริบทรอบข้างเป็นส่วนประกอบในการเติมเต็มเพื่อจะส่งผลต่อเด็กๆ เหล่านั้นต่างหาก เราก็เลยต้องรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราเช่นกัน....แต่ก็ต้องอยู่รอดและปลอดภัยด้วยการสร้างกำลังใจให้ตนเองกันบ้าง
แอนเกือบพลาดบันทึกนี้ไปเลยนะคะ หากพี่ไม่แวะไปเยี่ยมน้องที่บันทึกน่ะค่ะ และหากน้องไม่แว๊บกลับมานิดนึงก็คงพลาดบันทึกดีๆ ที่แอนสามารถเก็บพลังและเรี่ยวแรงแห่งกำลังใจไปต่อในเส้นทางข้างหน้าแห่งอาชีพนี้ได้ ....
....ถึงแม้วันนี้ เงียบเหงา แต่ยังดีใจ ที่ได้มาเยือน....
กลับมาคราวนี้ เพื่อมาทวงความฝันคืน
สูดความฝัน ให้ชื่นใจ
ยาวนานเหลือเกิน ที่ฝันจางหายไป
ในหัวใจ ยังทวงถาม....
กลับมาคราวนี้ เพราะหัวใจมันขอมา
ให้ตามหา ความทรงจำ
ปล่อยใจตัวเอง ให้มันชื่นฉ่ำ
กับความทรงจำ ที่เคยมี.....
ขอบคุณค่ะพี่อ็อด...กับเรี่ยวแรงที่เก็บเอาออกไปจากบันทึกพี่สาวคนเดิม
Lioness_ann
น้องแอนอย่าพึ่งสิ้นหวังกับสังคมรอบด้านนะคะ
งานสร้างคนของครูเป็นงานใหญ่ที่ไม่ควรวัดด้วยตัวชี้วัดใดๆ
การประเมินทั้งหลายที่มีอยู่ทำให้ครูดีๆท้อแท้
ไม่อยากให้สังคมตั้งความหวังว่าครูจะแก้ปัญหาได้ทุกสิ่ง
เพราะปัญหาชีวิตของครูก็หนักหนาสาหัสเช่นกัน
พี่อยากให้กลับไปเหมือนสมัยเรายังเด็ก
ครูเป็นทั้งแม่ ทั้งหมอ และ กระเป๋าตังค์
ครูสมัยก่อนมีเวลาอบรมดูแลเอาใจใส่ลูกศิษย์มากกว่าทุกวันนี้นะคะ
ผมก็เป็นครูคนหนึ่ง ที่มองเรื่องการให้ ให้ความรู้ ให้ความรัก ให้จริยธรรม ให้ความยุติธรรมกับเด็กที่ผมสอน คำว่าครูใช้กับคนสอนหนังสือในปัจจุบันคิดว่ายังคงมีนะครับ เพียงแต่ว่ากระแสทุนนิยมที่กระพือโหมแรงไปหน่อย ทำให้พ่อพิมพ์ แม่พิมพ์เหล่านี้ตกเป็นเหยื่อของยุคทุนนำหน้า อุดมคติมันไม่สามรถทำให้สร้างเงิน สร้างงานได้ จะต้องเก็บพับเอาไว้ก่อน ก็ถือว่าสถานะการณ์เช่นนี้เด็ก ๆ จึงกลายเป็นอะไรที่น่าสงสารครับ
สำหรับอง์กรหรือหน่วยงานด้านการศึกษาในประเทศเราต้องยอมรับนะครับว่า เป็นแบบลูบหน้าปะจมูก แข่งขันกันแบบผู้รับเหมาะแย่งกันประมูลงาน หน่วยงานได้ องกรใดที่มีหน้างานเยอะ งบประมาณก็จะเยอะตาม การทำงานก็เช่นเดียวกันเอาเงินนำหน้า อุมการณ์ไม่สามารถผลักดันได้เท่ากับเงิน หน่วยงานไหนที่ทำงานโดยไม่ใช้เงินก็จะถูกมองว่าไร้ประสิทธิภาพในการจัดการซึ่งฟังดูแล้วตอดตลกจริง ๆ
อีกทั้งสังคมครอบครัวปัจจุบันต้องยอมรับว่า ครอบครัวเดี๋ยวนี้มีลูกกันน้อยมาก บางรอบครัวมีลูกคนเดียว แล้วลูกคนเดียวที่ว่านี้ยิ่งกว่าเทวดา ครูแตะไม่ได้ ลองทำโทษดูซิเดี๋ยวผู้ปกครองจะมาหาถึงโรงเรียนกันไปเลย ขนาดในมหาวิทยาลัย มีเรื่องกันถึงศาลปกครองก็มีเยอะบ่อยไป
ฉะนั้นคนเป็นครูในสภาวะปัจจุบันก็ไม่ได้แตกต่างจากสมัยก่อน เพียงแต่เปลี่ยนกันก็แค่เรื่องรายละเอียด ครูคนไหนที่รู้จักหาช่องทางแก้ปัญหาก็สามารถอยูกับอุดมการณ์ตัวเองได้อย่างมีความสุข ครูคนไหนที่มองเรื่องตวเองเป็นที่ตั้งก็เป็นอย่างที่ใคร ๆ ก็มองเห็นกันว่า ความเป็นครูมันหดหายไปอย่าสงน่าใจหายครับ
สถานะภาพของครูในปัจจุบันน่าสงสารมากค่ะ
ต้องอยู่ท่ามกลางความคาดหวังของผู้คน
ในขณะที่ครูก็มีปัญหาทางเศรษฐกิจแทบเอาตัวไม่รอด
สังคมยังผลักภาระ การอบรมเลี้ยงดูเด็กไปที่ครู
ในขณะที่สังคมรอบข้างยัดเหยียดค่านิยมที่ผิดๆให้กับเด็กๆ
ไม่รู้ว่าครูทั้งหลายจะต้านทานกระแสทุนนิยมที่เชี่ยวกรากไปได้อีกนานเท่าใดนะคะ
สวัสดีค่ะตามติดอาจารย์วสวัตดีมารมาเยี่ยม..น่าทึ่งมากที่พบพานกับครูที่มีอุดมการณ์อย่างครูซันมากมายทำให้มีกำลังที่จะสอนเด็กวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ..ชอบทุกเพลงโดยเฉพาะครูบนดอยของท่านวสวัต..วันครูเมื่อไหร่ต้องเป็นร้องทุกครั้ง..