Journey in America : Chapter 5 Language School


ผมสนิทกับสาวญี่ปุ่น 2 คน มาเรียนภาษาเฉยๆ คนนึง กับมาต่อปริญญาอีกคน น่ารักและนิสัยดีมาก ผมก็ชอบแอบคุยกันในห้อง เรื่องที่คุยก็ไม่พ้น ไอนี่ภาษายูเรียกอะไร ไอโน่นนเรียกว่าอะไร พวกผมเลยได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นในห้องเรียนภาอังกฤษไปในตัว

....ประมาณปี 2000 เป็นปีที่วุ่นวาย เหมือนตัวผมเองอยากจะฉลองสหัสวรรษใหม่ ด้วยสิ่งใหม่ๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงการรับปริญญาและย้ายมาต่างประเทศ ภายในเวลาเพียง 2 วัน.....ผมรับปริญญาเสร็จก็มีเวลา 1 วันที่จะเก็บกระเป๋าและร่ำลามวลมิตร ที่ไม่รู้จะกลับมาเจอกันอีกเมื่อไหร่.....สองวันหลังจากนั้น ผมก็มาถึงแอลเอ

ด้วยความที่เอกสารของผมมันกำลังจะหมดอายุ เมื่อผมมาถึงแอลเอ สิ่งที่ผมต้องทำเป็นอันดับแรกเลยคือการไปรายงานตัวที่โรงเรียน ก่อนที่จะเกิดปัญหาในสถานที่ที่ผมไม่รู้จัก.....ก็อย่างที่บอกในครั้งก่อนๆ นั่งเครื่องบินมาเกือบ 20 ชั่วโมง นอนก็ไม่ได้นอน สมองกำลังปลอดโปร่ง เอาข้อสอบที่ยากที่สุดในโลกให้ทำ ผมคงทำได้เต็ม (ประชด) ..... ที่โรงเรียนภาษาผมเลยเริ่มที่ level 3 ซึ่งก็เป็น level กลางๆ ..... level อะไรก็ช่างเถอะ ง่วงเหลือเกิน อยากกลับบ้านไปนอน ไม่อยากคิดอะไรแล้ว ..... 1 อาทิตย์หลังจากนั้น ผมจึงได้มาเห็นห้องเรียนใหม่ของผม

ห้องเรียนผมก็มีเด็กๆ น้าๆ อาๆ จากหลายชาติรวมอยู่ 30 คนได้ มีทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ยุโรป ละตินอเมริกา และแน่นอนคือคนไทย มีคนไทยอยู่ 2 คน และเข้ามาพร้อมผม 1 คน พี่ 2 คนที่อยู่ก่อนนั้นก็ต้อนรับขับสู้ผมเป็นอย่างดี เพื่อนๆ ชาติอื่นก็ดูจะเป็นมิตรดี เพราะพวกเขาคงจะพยายามพูดกับคนที่ไม่เก่งภาษาเหมือนกันๆ กันเพื่อลดความเขิน ซึ่งก็เป็นข้อดีที่ทำให้ห้องเรียนภาษาไม่อึดอัดนัก.....การเรียนการสอนก็ไม่ได้เครียดอะไร มุ่งเน้นกิจกรรม การพูดฟัง การใช้ประโยค และการเขียนนิดหน่อย เพราะโปรแกรมภาษานี่มันก็ไม่ได้เน้นผลทางการศึกษาโดยเฉพาะโรงเรียนภาษาเอกชนอย่างที่ผมเรียน.....ต่างจากชั้นเรียนโทเฟิลที่เป็นเป้าหมายต่อไปในการขยับไปเพราะจะได้ไปสอบโทเฟิลแล้วเข้ามหาวิทยาลัยจริงๆเร็วๆ

ชีวิตประจำวันในขณะนั้นก็ซ้ำๆ เดิม คือตื่นตีห้าครึ่ง ขึ้นรถเมล์ 7 โมง ถึง โรงเรียน 9 โมง เลิกเที่ยงครึ่ง จากนั้นใครว่างก็รวมๆ ตัวกันออกไปผจญภัยรอบๆ โรงเรียน คนที่มีรถก็อาศัยเขาไปเพราะเรายังไม่มี ไปกินข้าวบ้าง ดูหนังบ้าง เวลาคุยกันก็คุยถึงวัฒนธรรมของแต่ละคน บางเรื่องผมก็ไม่เข้าใจ บางเรื่องของผมเขาก็ไม่เข้าใจ ซึ่งก็เป็นปกติในวงสนทนาแบบนี้

ความรู้สึกจากการเรียนในชั้นเรียนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมทำให้ผมพบว่า คนแต่ละชาติก็มีคาแรกเตอร์แตกต่างกัน.....คนเกาหลีจะค่อนข้างโผงผางและเสียงดัง เวลาเข้าใจหรือไม่เข้าใจอะไรก็จะอุทานลั่นห้อง อ๋ออออ เหออออ อะไรแบบนั้น.....คนญี่ปุ่นจะเสียงเบาลงมาหน่อย แต่คนญี่ปุ่นค่อนข้างสุภาพกว่า ขี้เกรงใจและพยายามเข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่ค่อยเถียงเหมือนคนจากยุโรป เช่นตุรกี หรือโรมาเนีย ที่จะดูค่อนข้างโชว์ออฟ พอสมควร (ตรงนี้เป็นสิ่งที่เห็นมานะครับ ไม่อาจจะจะไปสรุปว่าคนทั้งชาติเขาเป็นแบบนั้นได้).....นอกจากนี้ก็มีคนจากละตินอเมริกา ที่นิสัยดีและชวนเตะบอลท่าเดียว (ไปเตะกับเขา 2 3 ครั้ง รู้สึกว่า เขาเล่นเก่งกว่าทีมชาติของเราเสียอีก)

ผมสนิทกับสาวญี่ปุ่น 2 คน มาเรียนภาษาเฉยๆ คนนึง กับมาต่อปริญญาอีกคน น่ารักและนิสัยดีมาก ผมก็ชอบแอบคุยกันในห้อง เรื่องที่คุยก็ไม่พ้น ไอนี่ภาษายูเรียกอะไร ไอโน่นนเรียกว่าอะไร พวกผมเลยได้เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นในห้องเรียนภาอังกฤษไปในตัว (อันที่จริงภาษาอังกฤษที่เราเรียนในชั่นนั้นผมพอรู้อยู่บ้าง อย่างที่บอกว่าผมควรจะได้ level สูงกว่านี้ถ้าสอบวัดระดับในวันอื่น เลยยอมรับว่าไม่ค่อยจะสนใจเรียนเท่าไหร่ รอให้ถึงเวลาสอบเลื่อนระดับใหม่อย่างเดียว)

โรงเรียนภาษาก็จะมีกิจกรรมออกไปข้างนอกอยู่ทุกเดือน ก็เหมือนทำให้นักเรียนได้รู้จักประเทศนี้ให้มากขึ้น แล้วยิ่งแอลเอนี่ที่เที่ยวบานตะไท พวกผมก็ได้กลุ่มเพื่อนสนิทๆ กลุ่มนึงขึ้นมา และก็พยายามช่วยกันเรียนช่วยกันเที่ยวจน 1 ปีผ่านไป บางคนก็กลับประเทศ บางคนก็ย้ายโรงเรียน บางคนก็อยู่เลเวลเดิม บางคนขึ้นไปอยู่เลเวลที่สูงขึ้น แต่หลายๆคน ผมก็ยังติดต่อกันอยู่ หลายคน็หายไป คนไทยบางคนก็เรียนด้วยกันจนจบปริญญาโทกับผม ก็ถือเป็นความสนุกที่ทำให้อเมริกาในช่วงปีแรก ไม่เหวอเท่าไหร่ (หรืออย่างน้อยก็เหวอพร้อมๆ กันหลายคนก็ยังดี)

ค่อนข้างจะประทับใจชาวญี่ปุ่น (ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่ค่อยชอบที่วัยรุ่นไทยบ้าคลั่งกับค่านิยมจากประเทศนี้) แต่เมื่อได้รู้จักจริงๆ (นอกเหนือจากในวีซีดี) ก็พบว่าคนญี่ปุ่น เป็นคนที่น่าคบชาติหนึ่งทีเดียว ดังนั้นครั้งหน้าจะพูดถึงการไปเที่ยวไกลๆ กับชาวต่างชาติครั้งแรกครับ ....

เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2548, Covina, California

คำสำคัญ (Tags): #บันทึกส่วนตัว
หมายเลขบันทึก: 292402เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2009 00:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 19:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท