ดิฉันชอบวาดภาพดอกไม้ค่ะ วาดไปวาดมา จะกลายเป็นงานอาชีพไปเสียแล้ว
นั่นคือ งานวาด “ ภาพเสมือน ”ของดอกไม้ใบหญ้า หรือการวาดภาพพฤกษศาสตร์ (Botanical Art) ต้องพยายามให้เหมือนของจริงให้มากที่สุดค่ะ สี ขนาด ทรวดทรงของเค้าเป็นอย่างไร ต้องพยายามวาดให้ได้ตามนั้น ถ้ามีการย่อ หรือขยาย ต้องบอกมาตราส่วนที่ชัดเจนไว้ด้วย ( ดิฉันเองยังทำสีได้ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่หรอกค่ะ ถ้าส่งให้ประกวดสมาคมพืชสวนโลกพิจารณา แค่ “ สิทธิในการร่วมแสดงภาพวาด ”ยังไม่ทราบเลยค่ะว่าจะได้หรือเปล่า )
ข้อดีของภาพวาดทางพฤกษศาสตร์คือ ใช้ในการอ้างอิง สมัยก่อนมีการวาดภาพแนวนี้เพื่อใช้เป็นคู่มือในการหาพืชสมุนไพรชนิดต่างๆที่จะหาเอามาทำยา แต่ปัจจุบัน ดูเหมือนจะกลายเป็นว่าวาดไว้เพราะกลัวว่าพืชที่ใกล้สูญพันธุ์จะไม่มีหลักฐานให้คนรุ่นหลังได้เห็น
ผู้ที่วาดภาพแนวนี้จะกลายเป็นคนช่างสังเกต บางคนรักการเดินทาง เนื่องจากต้องไปวาดในสถานที่จริง เพราะดอกไม้บางชนิดหายาก ปีหนึ่งบานแค่ครั้งเดียว และแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ทุกคนถูกบ่มเพาะความรัก หวงแหนในธรรมชาติ
คนไทยที่เป็น Botanical Artist ที่เป็นที่ยอมรับของสมาคมพืชสวนโลกคนแรก คือคุณ เอกชัย อ๊อดอำไพ ผู้ล่วงลับ ปัจจุบันที่เชิดเหน้าชูตาเราได้ก็คือคุณ พันธ์ศักดิ์ จักกระพาก คุณลลิตา โรจนากร
แล้วก็แปลกค่ะ ปัจจุบันเราพูดกันถึงการอนุรักษ์ การมีส่วนร่วมในการลดภาวะโลกร้อน แต่เครื่องมือในการอนุรักษ์ตัวนี้กลับไม่ค่อยได้รับความสนใจ บางคนยังไม่เคยได้ยินคำว่า “ Botanical Art ” ด้วยซ้ำ ( รัฐบาลน่าจะให้ความสำคัญกับงานนี้บ้างนะคะ )
บ่นเสียนาน เรามาเริ่มงานกันดีกว่าค่ะ เราจะวาดดอกกุหลาบสีชมพูอมแดงกันค่ะ เนื่องจากเป็นการเริ่มต้น ไม่จำเป็นว่าสีต้องเหมือนก็ได้ ใช้สีที่คุณมีนั่นแหละค่ะ ( ดิฉันใช้สีน้ำเกรดจิตรกรของ ลิเนล )
ดิฉันวาดโดยใช้พู่กันร่างสีลงเส้นไปเลย ไม่ได้วาดด้วยดินสอก่อน เพราะรู้สึกว่าเส้นดินสอบางทีมันค้างคาใจ ภาพแนวนี้ไม่เหมือน Fine Art ที่สามารถเห็นเส้นดินสอได้บ้าง ที่จริงเค้ามีวิธีในการลอกเส้นที่ให้บางจนแทบไม่เห็นค่ะ แต่ดิฉันไม่ชอบ เพราะรู้สึกว่าภาพที่วาด ตกแต่งแก้ไขจนสมบูรณ์ แล้วลอกออกมาลงกระดาษจริงอีกที ทำให้ภาพดู “ สมบูรณ์แบบ ” เกินไป
คุยกันที่เรื่องของพู่กันก่อนนะคะ เวลาทำงาน ดิฉันใช้ทั้งสองมือถือพู่กันค่ะ อันหนึ่งแตะสีที่จะระบาย อีกอันเป็นพู่กันชื้น แล้วสลับกันทำงานด้วยมือข้างที่ถนัด โดยแตะสีลงเส้น แล้ววาดเส้นลงบนกระดาษ แล้วใช้อีกอันแตะน้ำซับหมาด เกลี่ยเส้นสีให้ขอบข้างใดข้างหนึ่งจางหายกับกระดาษไปเลย ( แต่ต้องระวังพู่กันตกใส่ภาพนะคะ )
ลองวาดดอกนี้ดูนะคะ
เริ่มจากดอกค่ะ สีที่ใช้คือสีแดงอมชมพู และสีเหลืองเข้ม ( ภาพวาดแนวนี้ไม่ค่อยนิยมสร้างเงาด้วยสีตรงข้าม แต่จะใช้สีใกล้เคียงแทน เพื่อหลีกเลี่ยงสีที่อาจทำให้ภาพดูมืดเกินไป )
มาที่การผสมสีค่ะ
๑. ผสมสีเหลืองลงในสีแดงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้สีแดงดูสดเกินไป และเพื่อให้สีเจือสีเหลืองนิดหน่อย สีที่ได้นี้จะใช้เป็นสีแดงหลัก
๒. เจือสีแดงหลักนี้ กับสีเหลืองให้ได้สีส้ม ทีนี้เราจะมีสีเข้ม ๒ สี คือสีแดง และส้ม สีสองสีนี้เราเอาไว้ใช้แต่งเงา ขอเรียกว่าสีแดง๑ กับสีส้ม๑ นะคะ
๓. เจือสีแดง ๑ และ ส้ม ๑ กับน้ำจนได้สีแดง และสีส้มที่ใสขึ้น สองสีนี้เราจะใช้ในการวาดเส้น (และลงสีกลาง ) เหตุที่ใช้สองสี เพราะบางช่วงของดอก ปลายกลีบเป็นสีแดง บางช่วงเป็นสีส้ม ขอเรียกว่าสีแดง ๒ กับสีส้ม ๒
๔. ตามกลีบตัวอย่าง ใช้พู่กันอันหนึ่งแตะสีแดง ๒ วาดเส้นลงบนกระดาษ จากนั้นรีบใช้พู่กันที่แตะน้ำและซับหมาดแล้ว เกลี่ยสีออกจากเส้นไปด้านข้าง ( ข้างใดข้างหนึ่งที่เราต้องการให้เกิดเงา จะเห็นว่าเส้นโค้งเส้นเดียวกัน บางทีเราก็เกลี่ยสีออกไปทางขวา บางทีก็เกลี่ยสีออกไปทางซ้าย แล้วแต่ว่าเราต้องการให้เกิดเงาข้างไหน )
๕ ถ้าต้องการน้ำหนักสีตามปลายกลีบ ใช้พู่กันที่ยังเปื้อนสีอยู่นี้แตะลงบนส่วนที่ต้องการ แล้วเกลี่ยให้กลืนไปกับพื้นเดิม ( กรณีนี้มักใช้กับปลายกลีบที่ไม่ม้วนงอ )
๖. เมื่อได้โครงของกลีบเรียบร้อยแล้ว เราก็มาสร้างเงาภายในกลีบกัน ตามแบบกลีบด้านขวาม้วนไปด้านหลังเล็กน้อย จึงสร้างความรู้สึกตรงนี้โดยการแตะน้ำลากบนกระดาษตามแนวยาวของกลีบ แล้วใช้พู่กันที่ยังเปื้อนสีแดง ๒ อยู่ เจือน้ำเล็กน้อยเพื่อให้สีอ่อนลงนิดหน่อย วาดเป็นขีดๆ ขวางแนวยาวของกลีบ ทิ้งให้สีแห้ง
๗. ทาน้ำภายในดอก ลงสีเหลืองผสมสีส้ม ๒ เล็กน้อย ทิ้งให้หมาด
๘. เติมเงาด้วยสีเหลืองผสมสีแดง ๑
เสร็จแล้วหนึ่งกลีบค่ะ กลีบอื่นๆก็ทำเหมือนกัน
มาถึงใบกันบ้างนะคะ
สีที่ใช้คือสีเขียว สีฟ้าโคบอล และสีแดง ๑ ของดอก
๑. ผสมสีแดง ๑ ของดอกลงในเขียว เล็กน้อย ให้เป็นสีเขียว ๑
๒. ผสมสีเขียว ๑ กับน้ำมากๆ จนได้สีเขียวจางๆ
๓. ผสมสี Cobalt Blue กับน้ำมากๆ จนได้สีฟ้าจางๆ
๔. ใช้พู่กันแตะสีฟ้าจาง วาดรูปร่างของใบเพียงครึ่ง หรือซีกเดียว
๕. ใช้พู่กันชื้นแตะสีเขียว ๒ ลงสีตามแนวที่ต้องการให้เกิดเป็นสีกลาง ( ส่วนสีของแสง เว้นไว้ให้แสดงด้วยสีฟ้าเดิม ) ทิ้งให้สีหมาดขึ้นอีกเล็กน้อย
๖. ใช้พู่กันแตะสีเขียว ๑ เติมส่วนที่เป็นสีกลางให้เข้มขึ้น จะได้สีของเงา ( ถ้าสีแห้งไปแล้ว ให้ใช้พู่กันชื้นที่ซับหมาด ไล้ตรงขอบของสี ให้กลืนไปกับสีเดิม แต่วิธีนี้ต้องแน่ใจว่าสีแห้งจริงๆ หรือไม่ก็ต้องระวังว่าพู่กันของคุณต้องหมาดจริงๆ ไม่อย่างนั้นน้ำในพู่กันจะทำสีกระจาย เสียหาย.....เสียดาย )
๗. สีเขียวที่ยังค้างอยู่ในพู่กัน แตะสีแดง ๑ สักเล็กน้อยให้ได้สีเขียวที่คล้ำขึ้น เติมเงามืดในใบ
๘. ทิ้งใบซีกนี้ให้แห้ง แล้วทำอีกซีกด้วยวิธีเดียวกัน ถ้าคุณต้องการเส้นกลางใบ เว้นพื้นที่ตามแนวเส้นกลางใบให้เห็นเป็นสีของกระดาษเล็กน้อย คือไม่ต้องทำใบสองซีกให้ติดกัน แต่ถ้าคุณไม่ต้องการ ระบายสีฟ้าจางนี้ติดกับสีที่ระบายเสร็จแล้วได้เลย ( เส้นกลางใบค่อยเติมสีหลังจากที่ทำใบเสร็จแล้วทั้งใบอีกที )
เวลาทำงาน ก่อนทำต้องฝึกวาดส่วนของใบ ของดอก เป็นการ Study ไปก่อนค่ะ เมื่อมีความชำนาญมากขึ้นจึงค่อยทำทั้งหมด
จนเป็นภาพสำเร็จ
แถมท้ายสักนิดด้วยอมตะพจน์ของโทมัส เอลวา เอดิสัน ที่ว่า พรสวรรค์ คือแรงบันดาลใจเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์กับความพยายามอย่างหนักอีกเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ค่ะ
เป็นบันทึกที่ดีมากนะคะ ขออนุญาตนำไปแนะนำลูกสาวนะคะ กำลังเรียนลงสีน้ำพอดี เพื่อทักษะของลูกจะได้ดียิ่งขึ้น ขอบคุณนะคะ ^-^
ภาพงดงาม มากค่ะ
ชอบภาพดอกไม้แสนงดงามนี้จังเลยค่ะ ^^ วันนี้ต้อมกะลังอ้อนช่างไม้ที่มาซ่อมบ้านเจ้านายให้ทำเฟรมวาดรูปให้แน่ะค่ะ ได้มา 5 อันแล้ว กำลังจะอ้อนต่อเผื่อเข้าจะทำให้อีกสักห้าอันแน่ะค่ะ อิอิ
ต้อมชอบวาดรูปค่ะ แต่เป็นไปอย่างเล่นลายเส้นเหมือนเด็กอนุบาลวาดเสียมากกว่า อยากวาดได้อย่างคุณบ้างจังเลยค่ะ..
ตามน้องต้อม มาชมภาพ งาม เจ้า
ธรรมสวัสดีโยมณัฐรดา
อนุโมทนาสาธุๆ
สวัสดีค่ะ คุณณัฐรดา
ตามมาแสดงความยินดีกับบล๊อกเกอร์หน้าใหม่ใน gotoknow ด้วยนะค่ะ ^^
ภาพสวยมากๆครับ
มาร่วมต้อนรับblogger ใหม่ด้วยคนครับ
ต้อมตามไปดูบันทึกในบล็อกโอเคเนชั่นแล้วค่ะ ^^ เยี่ยมไปเลยค่ะ ทำให้อยากวาดรูปดอกไม้มากขึ้น
ขอบคุณนะคะ ^^
สวัสดีค่ะ...
วาดภาพเก่งจังเลยค่ะ...ได้ดอกกุหลายที่สี เงา สวยสมจริงเลยค่ะ
บรรยายซะ!! ละเอียดเลยค่ะ...แต่เวลาทำจริง ๆ สำหรับ มือใหม่คงยากน่าดู
วาดภาพนี่ดีนะคะ...ทำให้อารมณ์เราเย็นลงได้...สงบ...นิ่ง ๆ ฝึกความอดทนด้วย
-----------
ภาพสวย วาดเก่ง บรรยายละเอียดดี...
ชอบงานประเภทนี้เหมือนกันค่ะ (ชอบดูของเค้า)
-----------
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ คุณณัฐรดา
ภาพวาดงดงามจริงๆ ครับ นับถือๆ ^__^
ในทางวิทยาศาสตร์ ผลงานลักษณะนี้มีความสำคัญมาก เก็บรายละเอียดต่างๆ ทั้งรูปทรง สัดส่วน สีสัน และความสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ
นำงานสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่คาบเกี่ยวระหว่าง ศิลปะ-วิทยาศาสตร์ มาฝากด้วยครับ
เอาเข้าจริงแล้ว อาจไม่สามารถแบ่งแยกศิลปะ-วิทยาศาสตร์ออกจากกันได้ด้วยซ้ำนะครับ
สวัสดีครับ อ.ณัฐรดา
แวะมาอีกครั้ง....ผมเคยอ่านสัมภาษณ์คุณ คุณลลิตา โรจนากร ในนิตยสาร UpDATE ครับ ประทับใจมากๆ
เพื่อนคนหนึ่งของผมคือ อาจารย์ศศิวิมล แสวงผล (ปูเป้) อยู่ที่ ม.มหิดล ก็วาดภาพเชิงพฤษศาสตร์นี่เช่นกัน อ.ณัฐรดารู้จักไหมครับ (เข้าใจว่าล่าสุดเขียนหนังสือชื่อ เรียนวาดเพื่อเรียนรู้ ครับ)
เมื่อกี้นำเว็บมาฝาก แต่ไปดึงรูปไม่ได้ ตอนนี้ได้รูปประกอบมาแล้ว ออกแนวเด็กๆ นะครับ เป็นโมเดลออกแนวน่ารักหน่อย เหมือนจริงก็พอมีบ้าง
แต่จุดร่วมกับภาพวาดพฤกษศาสตร์ก็คือ ทั้งสองอย่างมีองค์ประกอบทางศิลป์และวิทย์อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืนทีเดียวครับ
เว็บโอริงามิ เว็บพับกระดาษ...แสนสนุก
ว้าว ภาพสีน้ำ เห็นลายเส้นแล้ว งามมากๆค่ะ
เพิ่งทราบว่า Botanical Art นะคะ เคยเห็น botanic garden สวนพฤกษศาสตร์ ที่ศรีลังกา เห็นด้วยค่ะงานศิลป์เมืองไทยยังต้องส่งเสริมกันอีกมากเลยค่ะ
มีความสุขกับกิจกรรมที่ชอบ จะติดตามชมงานฝีมือๆ อย่างนี้อีก ขอบคุณค่ะ
ยินดีกับบล็อกเกอร์ใหม่นะคะ
เยี่ยมยอดนะคะ สวยงามมากๆค่ะ
ฝีมือจริงๆ
สวยมากค่ะ
สวัสดีค่ะคุณรัฐรดา พอดีจีนก้อมีหนังสือของคุณอยู่เล่มนึงเป็นการฝึกวาดดอกกุหลาบและดอกกล้วยไม้ ดอกบัว สวยมากๆค่ะจีนกำลังฝึกวาดค่ะเพราะชื่นชมผลงานของคุณมากๆหวังว่าคุณคงจะมีหนังสือดีๆแบบนี้มาหั้ยได้ชมอีกนะคะ
และ..จีนอยากชมผลงานของคุณมากกว่านี้ค่ะจะได้มั้ยเอ่ย...ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
มาชมกุหลาบอีกรอบค่ะ วันนี้มีบานเต็มที่อีก ๑ ดอก เห็นแล้วก็ชื่นใจนะคะ สุขสันต์ค่ะพี่ ;)
ภาพสวยงามมากค่ะ