การมีลูกถึง ๗ คน วัยห่างกันเพียงปี-สองปี แม่จึงต้องเลี้ยงลูก ทำนา ทำงานบ้าน และทำหน้าที่ของการเป็นพี่สาวคนโตของแม่ รวมทั้งความเป็นคนเอาธุระต่อสิ่งต่างๆรอบข้างทั้งเรื่องของญาติพี่น้อง ชุมชน วัด งานของโรงเรียน และงานของส่วนรวมต่างๆ ทำให้ชีวิตประจำวันของแม่ทุกวันมีแต่งานและความจริงจัง
แม่เป็นคนดุและตีเจ็บ เด็กๆทั้งพวกผม และเพื่อนๆในหมู่บ้านกลัวไม้เรียวแม่ทั้งนั้น ความที่แม่เป็นคนที่ไม่มีเล่นและในหมู่บ้านก็เป็นญาติพี่น้องกันทั้งสิ้น ญาติๆเลยก็เหมือนกับยกให้แม่เป็นเหมือนฝ่ายปกครองเด็กๆ
แม่สามารถดุและจับเด็กๆตีได้ทั้งหมู่บ้าน ยิ่งถ้าหากเล่นกันจนเกินเวลากินข้าวหรือเลยเวลากลับบ้านกลับช่องนั้น แม่ก็มีวิธีลุยกับพวกเด็กๆที่เป็นลูกหลานทั้งฝูงโดยถือไม้เรียวเดินกวัดแกว่งเข้าใส่ขวับๆให้เป็นที่หวาดเสียว ซึ่งก็จะทำให้พวกผมและเหล่าเพื่อนเด็กๆวงแตกกระเจิง วิ่งหนีกันตีนปลิ้นอย่างไม่ต้องนัดหมาย พอลืมและอยากเล่นกันอีกก็รวมตัวใหม่ ภาพของแม่จึงเป็นคนจริงจัง ดุ คุ้มครองดูแล แข็งแรงบึกบึน หาเรื่องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลาทั้งในและนอกบ้าน
วันหนึ่งในฤดูหนาว ข้าวกำลังสุกเหลืองเต็มท้องนา น้ำในลำห้วย นาข้าว และหนอง กำลังเป็นน้ำทรง เป็นสัญญาณบอกถึงการเริ่มเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวและจะเปลี่ยนผ่านไปสู่หน้าแล้งในอีกไม่กี่เดือน ปลานานาพันธุ์ที่เติบโตมาในนาข้าวเริ่มหาทางเข้าไปอยู่ตามหนองน้ำ พ่อกับแม่นึกถึงปลาร้า ปลาย่าง น้ำปลา และปลาจ่อม ที่จะเป็นเสบียงสำหรับอยู่กินไปได้จนถึงการกลับมาอีกของฤดูกาลทำนาในรอบต่อไป จึงหมั่นไปหนองน้ำในนาเพื่อเปิดทางน้ำไหลและทำทางให้ปลาเข้าไปในหนองน้ำในตอนกลางคืนแล้วก็ไปปิดในตอนเช้า ตกเย็นก็ไปอีก ทว่า ทำอยู่ ๒-๓ วัน พ่อก็สังเกตว่ามีคนแอบลงเครื่องมือจับปลาในหนองน้ำ คืนหนึ่งพ่อจึงออกไปเฝ้าหนองน้ำในนาซึ่งอยู่ไกลเกินเสียงกู่ตะโกนถึง
แม่อยู่บ้าน นั่งทำอาหารและทำสิ่งต่างๆอยู่ที่กลางชานเรือนรอพ่อกลับมา พวกผมนั้น หลังจากฟังละครชมรมเรื่องผีและนิทานลุงพรเสร็จ ก็คลุมโปงนอนหนาวกันตัวงอใต้ผ้าห่ม เกือบสองยามผมก็ต้องงัวเงียตื่นอย่างไม่อยากลืมตาเมื่อแม่มานั่งปลุกอยู่ข้างๆที่นอน ผมงอแงและดิ้นโวยวายไม่อยากตื่นและไม่อยากฟังว่าแม่พูดว่าอย่างไรบ้างอยู่สองสามครั้ง แม่ก็หยุดปลุกและกลับมาปลุกอีกอยู่ ๒-๓ ครั้งเช่นกัน
ผมไม่ประหลาดใจเพราะพ่อกับแม่มักมาปลุกพวกผมให้ลุกไปฉี่กลางดึกเพื่อไม่ให้ฉี่รดที่นอนอยู่เสมอ กระทั่งครั้งหลัง แม่มาปลุกอีกและผมก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของแม่ไม่เหมือนกับการมาปลุกให้ลุกไปฉี่อย่างที่คุ้นเคย แม่พูดเชิงอ้อนวอนว่าให้ผมไปเป็นเพื่อนแม่หน่อย แม่จะไปนา แม่บอกว่าได้ยินเสียงปืนทางด้านที่เป็นนาของเราและพ่อยังไม่กลับมาจากการไปนั่งเฝ้าหนองน้ำ
ผมรู้สึกถึงความผิดปรกติ แต่ก็ง่วงและหนาว เลยก็ลุกอย่างเสียไม่ได้ ทำอาการหงุดหงิดอย่างคนอยากนอนและติดผ้าห่ม แม่ให้ผมถือไฟฉายแต่ไม่ให้เปิดไฟ แล้วก็เดินไปยังนากันสองคน ชีวิตชนบทที่สอนให้คุ้นเคยกับการอยู่ท้องนาและเดินป่าดง ทำให้ผมเข้าใจโดยอัตโนมัติถึงบรรยากาศอย่างนี้ว่าต้องระวังภัยรอบข้างทั้งเพื่อตนเองและแม่ ไม่ต้องถามและคุยกันให้จิตตก
รอบข้างเงียบสงัด ท้องฟ้าแจ่มใสและแสงของเดือนหงายที่ลอยเด่นอยู่กลางฟ้าก็สว่างนวลจนเห็นลายมือ น้ำค้างเริ่มลงหนาเกาะใบหญ้าและใบข้าวสองข้างทาง หนาวเย็นจนคางกระทบกัน แม่เดินจ้ำพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรนราน ผมเดินไล่หลังแทบไม่ทันและเริ่มตื่นไปกับความรู้สึกที่ผิดปรกติของแม่
เมื่อถึงนาและใกล้ถึงหนองน้ำ แม่กับผมก็หยุดชั่วครู่และค่อยๆเดินเข้าไป เรายืนหยุดเพื่อคุ้นเคยกับรอบข้างอยู่เป็นครู่ แสงเดือนหงายทำให้เห็นแมกไม้โดยรอบเป็นเงาตะคุ่มลดหลั่น ผมกับแม่พยายามมองฝ่าความมืดสลัวไปยังด้านที่เป็นหนองน้ำในนาข้าว แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดเคลื่อนไหว เสียงปลาทั้งในหนองน้ำและในนาข้าวผุดอยู่โผงผาง หรีดหริ่งและนกกลางคืนส่งเสียงอยู่ในเงามืดวังเวง
ที่สุดแม่ก็ส่งเสียงเรียกพ่อ แม่เรียกอยู่สองสามครั้งก็เงียบ ทำให้เสียงของแม่พลันยิ่งตื่นตระหนกและเริ่มตะโกนเรียกไปอย่างเสียงหลง พร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้าพรวดพราด สักพักก็ได้ยินเสียงพ่อกระแอมและให้เสียงตอบกลับ ผมกับแม่เลยรีบเดินไปยังด้านที่พ่อนั่งอยู่ พ่อนั่งอยู่บนขอบหนองน้ำอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้แม่กับผมคลายความตระหนกและโล่งใจ
หลังจากที่แม่บอกพ่อว่าได้ยินเสียงปืนก็ทำให้ได้ทราบว่าเสียงปืนดังกล่าวเป็นเสียงปืนที่พ่อยิงขึ้นเอง พ่อบอกว่ามีคนมาแอบจับปลาในหนองน้ำซึ่งคิดว่ามากกว่า ๒-๓ ครั้งแล้ว อีกไม่กี่วันน้ำในนาก็จะงวด ปลาก็จะไม่เข้าหนองน้ำอีกแล้ว มาแอบขโมยกันอย่างนี้ก็เหมือนกับทำลายโอกาสไม่ให้มีอาหารกินกันไปทั้งปี พ่อเลยยิงปืนเพียงเพื่อส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่าพ่อรู้ว่ามีคนมาแอบจับปลาเท่านั้น ไม่ได้มีเหตุร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น เมื่อยิงปืนแล้วก็กะว่าสักพักหนึ่งก็จะกลับเข้าบ้าน
แม่กับผมเดินกลับบ้าน และปล่อยให้พ่อนั่งเฝ้าหนองน้ำต่อไปสักระยะหนึ่งตามความต้องการ ขากลับผมเดินส่องไฟฉายให้แม่ ไม่รู้สึกง่วง ไม่หนาว และรู้สึกอุ่นใจที่ได้เดินเป็นเพื่อนแม่ในยามค่ำคืนเหน็บหนาวอย่างนี้.
ทุกครั้งที่ เราไม่มี ใคร พ่อ และแม่ อยู่ข้างเราเสมอ
วันแม่ ดีใจ พ่อ แม่ มาเยี่ยม อยู่กับเรา รู้ว่า เราอยากอยู่ใกล้ ไปหา ไม่ได้ มาหาก็ได้
บ้านเราประปา เสีย
พ่อ เพียรซ่อม นำประปาให้ เรา
อืม ท่านรักและ ห่วงเราจริง ๆ
ขนาด ท่านอายุมาก
ไม่ว่า จะอย่าง ไร
เราก็ยัง เป็นลูก เล็กของท่านอยู่ ดี
รัก แม่และ พ่อ มาก เหมือนกันนะ
ลูก ฟ้าใส
อาจารย์ครับ
บันทึกของอาจารย์ทำให้ผมคิดถึงคุณแม่ผมเหลือเกินครับ...หลังวันแม่เพียงหนึ่งวัน คุณแม่ก็โทรศัพท์มาหาผมด้วยความห่วงใย เพื่อจะถามไถ่ว่า "น้ำท่วมหรือเปล่า" แม่คงติดตามข่าวจากสื่อและสถานการณ์ที่เมืองหลวงท่านก็เป็นห่วงลูกชายอยู่เสมอๆครับ
แม่เป็นผู้หญิงใจเพชร ที่เด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง ในขณะเดียวกันแม่ก็อ่อนโยนอย่างที่สุดครับ
ผมคิดถึงดวงหน้าและรอยยิ้มของแม่ทีไร ก็อบอุ่นใจเสมอ
"แม่ของผม" ครับ
ดอกไม้ที่แม่มักเก็บเพื่อถวายพระเสมอก็คือดอกนี้ครับ "ดอกราชาวดี"
ผมคิดว่า ดอกไม้บ่งบอกถึงความงดงามของชีวิตท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี มีดอกไม้อยู่สองชนิดครับที่เห็นทีไรก็คิดถึงบ้านเกิดทุกที
นอกจากราชาวดีแล้ว ดอกซอมพอ(หางนกยูงไทย) ก็เป็นดอกไม้อีกประเภทหนึ่ง ให้ความหมายที่ดีสำหรับผมเสมอ
ขอเชื่อมดอกไม้กับ การย้อนกลับไปบ้านเกิดตามนัยยะเรื่องเล่าของบันทึกงดงามนี้ครับ
สวัสดีครับอาจารย์ฟ้าใส
สวัสดีครับคุณจตุพร
สวัสดีค่ะอาจารย์วิรัตน์
· แม่เป็นพระประจำใจ ประจำบ้านสำหรับลูกๆ ทุกคน
· แม่เป็นเสมือนเพื่อนเล่นของลูก (ถ้าบ้านไหนมีลูกน้อย และยังออกไปเล่นที่ไหนก็ไม่ได้)
· ในวันแม่ปีนี้ ดิฉันต้องไปต่างจังหวัด แต่ถึงไม่ได้ไปต่างจังหวัดเราก็จะอยู่คนละจังหวัดอยู่ดี แต่ถ้ามีโอกาสจะไปหา ไปอยู่ใกล้ๆ ไปทำอาหารให้ท่านทาน หรือไปชวนท่านทะเลาะให้หายคิดถึง (ซะงั้น)
· ขอบพระคุณอาจารย์ที่ได้พาทำวัตรเย็น มอบเป็นบุญกุศล แด่แม่ในวันแม่ปีนี้ค่ะ
· คุณแม่ฝากขอบคุณมาถึงทุกคนที่ทำวัตรเย็นในวันนั้นด้วยค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์
เจริญพระโยมอาจารย์วิรัตน์และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ขอเจริญพร
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล ขำสุข(อาสโย)
กราบนมัสการด้วยความเคารพ
สวัสดีค่ะ ขออนุญาตนำลิงค์ถอดบทเรียนที่ทำให้เกิดความสุข
จากการอ่านบันทึกของท่านอ.มาส่งต้นเรื่องค่ะ
ขอบคุณค่ะ