๒. ลูกๆคือเพื่อนและความอุ่นใจในชีวิตของแม่


"..ขากลับผมเดินส่องไฟฉายให้แม่ ไม่รู้สึกง่วง ไม่หนาว และรู้สึกอุ่นใจที่ได้เดินเป็นเพื่อนแม่ในยามค่ำคืนเหน็บหนาวอย่างนี้..."

การมีลูกถึง ๗ คน วัยห่างกันเพียงปี-สองปี แม่จึงต้องเลี้ยงลูก ทำนา ทำงานบ้าน และทำหน้าที่ของการเป็นพี่สาวคนโตของแม่ รวมทั้งความเป็นคนเอาธุระต่อสิ่งต่างๆรอบข้างทั้งเรื่องของญาติพี่น้อง ชุมชน วัด งานของโรงเรียน และงานของส่วนรวมต่างๆ ทำให้ชีวิตประจำวันของแม่ทุกวันมีแต่งานและความจริงจัง

แม่เป็นคนดุและตีเจ็บ เด็กๆทั้งพวกผม และเพื่อนๆในหมู่บ้านกลัวไม้เรียวแม่ทั้งนั้น ความที่แม่เป็นคนที่ไม่มีเล่นและในหมู่บ้านก็เป็นญาติพี่น้องกันทั้งสิ้น ญาติๆเลยก็เหมือนกับยกให้แม่เป็นเหมือนฝ่ายปกครองเด็กๆ

แม่สามารถดุและจับเด็กๆตีได้ทั้งหมู่บ้าน ยิ่งถ้าหากเล่นกันจนเกินเวลากินข้าวหรือเลยเวลากลับบ้านกลับช่องนั้น แม่ก็มีวิธีลุยกับพวกเด็กๆที่เป็นลูกหลานทั้งฝูงโดยถือไม้เรียวเดินกวัดแกว่งเข้าใส่ขวับๆให้เป็นที่หวาดเสียว ซึ่งก็จะทำให้พวกผมและเหล่าเพื่อนเด็กๆวงแตกกระเจิง วิ่งหนีกันตีนปลิ้นอย่างไม่ต้องนัดหมาย พอลืมและอยากเล่นกันอีกก็รวมตัวใหม่ ภาพของแม่จึงเป็นคนจริงจัง ดุ คุ้มครองดูแล แข็งแรงบึกบึน หาเรื่องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลาทั้งในและนอกบ้าน

                          

วันหนึ่งในฤดูหนาว ข้าวกำลังสุกเหลืองเต็มท้องนา น้ำในลำห้วย นาข้าว และหนอง กำลังเป็นน้ำทรง เป็นสัญญาณบอกถึงการเริ่มเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวและจะเปลี่ยนผ่านไปสู่หน้าแล้งในอีกไม่กี่เดือน ปลานานาพันธุ์ที่เติบโตมาในนาข้าวเริ่มหาทางเข้าไปอยู่ตามหนองน้ำ พ่อกับแม่นึกถึงปลาร้า ปลาย่าง น้ำปลา และปลาจ่อม ที่จะเป็นเสบียงสำหรับอยู่กินไปได้จนถึงการกลับมาอีกของฤดูกาลทำนาในรอบต่อไป จึงหมั่นไปหนองน้ำในนาเพื่อเปิดทางน้ำไหลและทำทางให้ปลาเข้าไปในหนองน้ำในตอนกลางคืนแล้วก็ไปปิดในตอนเช้า ตกเย็นก็ไปอีก ทว่า ทำอยู่ ๒-๓ วัน พ่อก็สังเกตว่ามีคนแอบลงเครื่องมือจับปลาในหนองน้ำ คืนหนึ่งพ่อจึงออกไปเฝ้าหนองน้ำในนาซึ่งอยู่ไกลเกินเสียงกู่ตะโกนถึง

แม่อยู่บ้าน นั่งทำอาหารและทำสิ่งต่างๆอยู่ที่กลางชานเรือนรอพ่อกลับมา พวกผมนั้น หลังจากฟังละครชมรมเรื่องผีและนิทานลุงพรเสร็จ ก็คลุมโปงนอนหนาวกันตัวงอใต้ผ้าห่ม เกือบสองยามผมก็ต้องงัวเงียตื่นอย่างไม่อยากลืมตาเมื่อแม่มานั่งปลุกอยู่ข้างๆที่นอน ผมงอแงและดิ้นโวยวายไม่อยากตื่นและไม่อยากฟังว่าแม่พูดว่าอย่างไรบ้างอยู่สองสามครั้ง แม่ก็หยุดปลุกและกลับมาปลุกอีกอยู่ ๒-๓ ครั้งเช่นกัน

ผมไม่ประหลาดใจเพราะพ่อกับแม่มักมาปลุกพวกผมให้ลุกไปฉี่กลางดึกเพื่อไม่ให้ฉี่รดที่นอนอยู่เสมอ กระทั่งครั้งหลัง แม่มาปลุกอีกและผมก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของแม่ไม่เหมือนกับการมาปลุกให้ลุกไปฉี่อย่างที่คุ้นเคย แม่พูดเชิงอ้อนวอนว่าให้ผมไปเป็นเพื่อนแม่หน่อย แม่จะไปนา แม่บอกว่าได้ยินเสียงปืนทางด้านที่เป็นนาของเราและพ่อยังไม่กลับมาจากการไปนั่งเฝ้าหนองน้ำ

ผมรู้สึกถึงความผิดปรกติ แต่ก็ง่วงและหนาว เลยก็ลุกอย่างเสียไม่ได้ ทำอาการหงุดหงิดอย่างคนอยากนอนและติดผ้าห่ม แม่ให้ผมถือไฟฉายแต่ไม่ให้เปิดไฟ แล้วก็เดินไปยังนากันสองคน ชีวิตชนบทที่สอนให้คุ้นเคยกับการอยู่ท้องนาและเดินป่าดง ทำให้ผมเข้าใจโดยอัตโนมัติถึงบรรยากาศอย่างนี้ว่าต้องระวังภัยรอบข้างทั้งเพื่อตนเองและแม่ ไม่ต้องถามและคุยกันให้จิตตก

รอบข้างเงียบสงัด ท้องฟ้าแจ่มใสและแสงของเดือนหงายที่ลอยเด่นอยู่กลางฟ้าก็สว่างนวลจนเห็นลายมือ น้ำค้างเริ่มลงหนาเกาะใบหญ้าและใบข้าวสองข้างทาง หนาวเย็นจนคางกระทบกัน แม่เดินจ้ำพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรนราน ผมเดินไล่หลังแทบไม่ทันและเริ่มตื่นไปกับความรู้สึกที่ผิดปรกติของแม่

เมื่อถึงนาและใกล้ถึงหนองน้ำ แม่กับผมก็หยุดชั่วครู่และค่อยๆเดินเข้าไป เรายืนหยุดเพื่อคุ้นเคยกับรอบข้างอยู่เป็นครู่  แสงเดือนหงายทำให้เห็นแมกไม้โดยรอบเป็นเงาตะคุ่มลดหลั่น ผมกับแม่พยายามมองฝ่าความมืดสลัวไปยังด้านที่เป็นหนองน้ำในนาข้าว แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดเคลื่อนไหว เสียงปลาทั้งในหนองน้ำและในนาข้าวผุดอยู่โผงผาง หรีดหริ่งและนกกลางคืนส่งเสียงอยู่ในเงามืดวังเวง

ที่สุดแม่ก็ส่งเสียงเรียกพ่อ แม่เรียกอยู่สองสามครั้งก็เงียบ ทำให้เสียงของแม่พลันยิ่งตื่นตระหนกและเริ่มตะโกนเรียกไปอย่างเสียงหลง พร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้าพรวดพราด สักพักก็ได้ยินเสียงพ่อกระแอมและให้เสียงตอบกลับ ผมกับแม่เลยรีบเดินไปยังด้านที่พ่อนั่งอยู่ พ่อนั่งอยู่บนขอบหนองน้ำอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้แม่กับผมคลายความตระหนกและโล่งใจ

หลังจากที่แม่บอกพ่อว่าได้ยินเสียงปืนก็ทำให้ได้ทราบว่าเสียงปืนดังกล่าวเป็นเสียงปืนที่พ่อยิงขึ้นเอง พ่อบอกว่ามีคนมาแอบจับปลาในหนองน้ำซึ่งคิดว่ามากกว่า ๒-๓ ครั้งแล้ว อีกไม่กี่วันน้ำในนาก็จะงวด ปลาก็จะไม่เข้าหนองน้ำอีกแล้ว มาแอบขโมยกันอย่างนี้ก็เหมือนกับทำลายโอกาสไม่ให้มีอาหารกินกันไปทั้งปี พ่อเลยยิงปืนเพียงเพื่อส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่าพ่อรู้ว่ามีคนมาแอบจับปลาเท่านั้น ไม่ได้มีเหตุร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น เมื่อยิงปืนแล้วก็กะว่าสักพักหนึ่งก็จะกลับเข้าบ้าน

แม่กับผมเดินกลับบ้าน และปล่อยให้พ่อนั่งเฝ้าหนองน้ำต่อไปสักระยะหนึ่งตามความต้องการ ขากลับผมเดินส่องไฟฉายให้แม่ ไม่รู้สึกง่วง ไม่หนาว และรู้สึกอุ่นใจที่ได้เดินเป็นเพื่อนแม่ในยามค่ำคืนเหน็บหนาวอย่างนี้.

หมายเลขบันทึก: 287832เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2009 23:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ทุกครั้งที่ เราไม่มี ใคร พ่อ และแม่ อยู่ข้างเราเสมอ

วันแม่ ดีใจ พ่อ แม่ มาเยี่ยม อยู่กับเรา รู้ว่า เราอยากอยู่ใกล้ ไปหา ไม่ได้ มาหาก็ได้

บ้านเราประปา เสีย

พ่อ เพียรซ่อม นำประปาให้ เรา

อืม ท่านรักและ ห่วงเราจริง ๆ

ขนาด ท่านอายุมาก

ไม่ว่า จะอย่าง ไร

เราก็ยัง เป็นลูก เล็กของท่านอยู่ ดี

รัก แม่และ พ่อ มาก เหมือนกันนะ

ลูก ฟ้าใส

อาจารย์ครับ

บันทึกของอาจารย์ทำให้ผมคิดถึงคุณแม่ผมเหลือเกินครับ...หลังวันแม่เพียงหนึ่งวัน คุณแม่ก็โทรศัพท์มาหาผมด้วยความห่วงใย เพื่อจะถามไถ่ว่า "น้ำท่วมหรือเปล่า" แม่คงติดตามข่าวจากสื่อและสถานการณ์ที่เมืองหลวงท่านก็เป็นห่วงลูกชายอยู่เสมอๆครับ

แม่เป็นผู้หญิงใจเพชร ที่เด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง ในขณะเดียวกันแม่ก็อ่อนโยนอย่างที่สุดครับ

ผมคิดถึงดวงหน้าและรอยยิ้มของแม่ทีไร ก็อบอุ่นใจเสมอ

"แม่ของผม"  ครับ

ดอกไม้ที่แม่มักเก็บเพื่อถวายพระเสมอก็คือดอกนี้ครับ "ดอกราชาวดี"

ผมคิดว่า ดอกไม้บ่งบอกถึงความงดงามของชีวิตท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี  มีดอกไม้อยู่สองชนิดครับที่เห็นทีไรก็คิดถึงบ้านเกิดทุกที

นอกจากราชาวดีแล้ว ดอกซอมพอ(หางนกยูงไทย) ก็เป็นดอกไม้อีกประเภทหนึ่ง ให้ความหมายที่ดีสำหรับผมเสมอ

ขอเชื่อมดอกไม้กับ การย้อนกลับไปบ้านเกิดตามนัยยะเรื่องเล่าของบันทึกงดงามนี้ครับ

สวัสดีครับอาจารย์ฟ้าใส

  • เลยได้ซาบซึ้งใจไปด้วยครับ ขอบคุณที่นำความรู้สึกดีๆมาแบ่งปันครับ
  • แต่ให้ภาพทางสังคมที่แตกต่างกันดีจังเลยนะครับ ในขณะที่สิ่งประทับความทรงจำผมกับพ่อและแม่ อยู่ในระหว่างการเดินเท้าเปล่าเหยียบไปบนน้ำค้าง แล้วก็ไปหนองน้ำในท้องนา ความประทับใจของอาจารย์ฟ้าใสกับพ่อกลับอยู่ในอริยาบทกำลังซ่อมน้ำประปา
  • แต่ก็สามารถแลกเปลี่ยนความรู้สึกดีงามด้วยกันได้ ให้วิธีคิดต่อความงามบนความแตกต่าง ได้ดีจริงๆครับ

สวัสดีครับคุณจตุพร

  • คุณแม่ของคุณจตุพรดูงามสง่าจริงๆ
  • เห็นแม่ถือขันดอกไม้จะไปถวายพระแล้ว ก็ขอร่วมอนุโมทนาและร่วมกราบคุณแม่ไปด้วยนะครับ
  • แม่มีรอยยิ้มอิ่มออกมาจากข้างใน ดอกไม้งดงามในขันดอกที่ประณีตบรรจง เป็นการบอกได้อย่างหนึ่งว่าคุณจตุพรและลูกๆ งอกงามและเกิดความดีงาม ที่ให้ความสงบใจในชีวิตของแม่
  • ดีใจนะครับที่แวะเข้ามาอ่าน คุยกันและนำสิ่งดีๆมาแบ่งปันกัน ทำให้ได้ดื่มด่ำและอยู่กับความรักที่สูงส่งต่อแม่และบ้านเกิด

สวัสดีค่ะอาจารย์วิรัตน์

·       แม่เป็นพระประจำใจ ประจำบ้านสำหรับลูกๆ ทุกคน

·       แม่เป็นเสมือนเพื่อนเล่นของลูก (ถ้าบ้านไหนมีลูกน้อย และยังออกไปเล่นที่ไหนก็ไม่ได้)

·       ในวันแม่ปีนี้ ดิฉันต้องไปต่างจังหวัด แต่ถึงไม่ได้ไปต่างจังหวัดเราก็จะอยู่คนละจังหวัดอยู่ดี แต่ถ้ามีโอกาสจะไปหา ไปอยู่ใกล้ๆ ไปทำอาหารให้ท่านทาน หรือไปชวนท่านทะเลาะให้หายคิดถึง (ซะงั้น)

·       ขอบพระคุณอาจารย์ที่ได้พาทำวัตรเย็น มอบเป็นบุญกุศล แด่แม่ในวันแม่ปีนี้ค่ะ

·       คุณแม่ฝากขอบคุณมาถึงทุกคนที่ทำวัตรเย็นในวันนั้นด้วยค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์

  • อันที่จริงต้องขอบคุณอาจารย์นะครับที่เป็นคนริเริ่ม
  • นอกจากเป็นเรื่องบุญกุศลแล้ว การสวดมนเป็นวิถีเจริญสติและภาวนาอย่างหนึ่ง ทำให้ได้อยู่กับตนเอง หยุดคิดและอยู่กับอารมณ์เดียวในปัจจุบันขณะของการสวดมนต์
  • การได้ทำสิ่งดีและเป็นเหตุให้คุณแม่ได้ร่วมอนุโมทนาและได้ปีติยินดี ก็เป็นของขวัญและโอสถหล่อเลี้ยงจิตใจของคนเป็นแม่นะครับ เลยขอร่วมอนุโมทนาไปด้วยครับ
พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

เจริญพระโยมอาจารย์วิรัตน์และท่านผู้อ่านทุกท่าน

  • อ่านไปก็ระทึกใจไปด้วยตอนเป็นเด็กเคยไปตามลุงโดยไปเป็นเพื่อนป้าไปตอนกลางวันแต่มันไกลมาก  เดินเหนื่อยจริง ๆ กลัวด้วย
  • เป็นหน้าน้ำาหลากข้าวตามท้องนาสูงท่วมหัวเดินไปตามทางเกวียนคนในบ้านเรียกว่าสอก
  • ไปกันแค่สองคนกับป้าลุงไปหาปลากลับบ้านผิดเวลาป้าเป็นห่วงมาก ๆ คล้าย ๆ แม่อาจารย์เลย
  • สุดท้ายก็ปลอดภัยได้ปลาเยอะแยะหาบจนไม้คานอ่อนเดินเอวโยกเลยแหละ

ขอเจริญพร

พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล ขำสุข(อาสโย)

  • อันที่จริง ความรู้สึกที่ได้รับและทรรศนะที่เกิดขึ้นอย่างที่พระคุณเจ้าได้กรุณาสะท้อนให้ทราบนี้ เป็นสิ่งที่ผมอยากให้เกิดขึ้นกับผู้อ่านที่เป็นคนบ้านนอก หลังได้อ่านทั้งเรื่องชุดนี้และเรื่องต่างๆที่ผมเขียน รวมทั้งที่ร่วมกับพระคุณเจ้าและเพื่อนๆชาวหนองบัวเขียนด้วยครับ
  • อยากให้คนบ้านนอกและชาวชนบท ที่อาจไม่มีโอกาสการศึกษาที่เป็นทางการมากนัก ได้เห็นการศึกษาเรียนรู้อีกอย่างหนึ่งที่เกิดจากการดำเนินชีวิตและการเป็นผู้ใฝ่รู้ เพราะการดำเนินชีวิต ทำอยู่ทำกินของชาวบ้านนั้น ต้องใช้ทักษะชีวิตสูง อีกทั้งต้องพัฒนาจิตใจและปฏิภาณการแก้ปัญหาที่แกร่งกร้า
  • ในหัวข้อนี้ ผมตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อเป็นหนังสือสำหรับแจก เผยแพร่ในการทำบุญและกิจกรรมเพื่อเด็กๆกับชุมชน วัด และโรงเรียน เนื่องในครบรอบอายุ ๗๗ ปีของแม่ผมในปีที่จะถึงนี้ครับ คิดว่าจะเขียนโดยใช้เรื่องแม่เป็นแกนสัก ๑๒ ตอน โดยไม่เน้นความเป็นตัวคน แต่จะเป็นการบันทึกชุมชน ทำให้คนอ่านได้เรียนรู้สังคม และได้ความคิด-ความบันดาลใจ อาจนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ของใครของมันได้
  • พระคุณเจ้าและทุกท่าน ที่มีแนวคิดอยู่แล้วที่จะร่วมทำหน้าที่สื่อเรื่องดีๆถึงเด็กๆ สังคม และชุมชน ผ่านการทำสื่อหนังสือเพื่อเผยแพร่ในกิจกรรมเล็กๆอย่างนี้ ก็เชิญร่วมสร้างปัญญาและความรู้บันทึกไว้ในนี้ได้ตามอัธยาศัยเลยครับ
  • คิดว่าแม้เป็นของขวัญราคาถูก แต่ก็เป็นของขวัญที่จะทำให้มีความหมายต่อผู้คนและต่อความเป็นแม่-พ่อ ครอบครัว และการอยู่ร่วมกันด้วยความเป็นญาติพี่น้องของผู้คนครับ

กราบนมัสการด้วยความเคารพ

สวัสดีค่ะ ขออนุญาตนำลิงค์ถอดบทเรียนที่ทำให้เกิดความสุข

จากการอ่านบันทึกของท่านอ.มาส่งต้นเรื่องค่ะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท