การวิจัยเป็นสิ่งที่ “ทุกคน” สามารถทำได้เพราะทุกคนก็ทำกันมานานแล้วเพราะการวิจัย คือ “ชีวิต” การวิจัยเริ่มต้นจากปัญหา เราทุกคนก็หาแนวทางแก้ไข จากนั้นก็ลงมือแก้ไข ถ้าแก้ไขแล้วดีก็ทำต่อ ถ้าไม่ดีก็หาทางแก้ไขใหม่ นับตั้งแต่เราเริ่มมีชีวิต ลมหายใจแรกของเรา เราก็เริ่มรู้จักกับกระบวนการวิจัย เพราะการวิจัยเริ่มต้นจากปัญหา เราต้องเผชิญปัญหาและแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง เริ่มหายใจ เริ่มกิน เริ่มคลาน เริ่มเดิน เริ่มเล่น เริ่มเรียน เริ่มทำงาน ทุกขั้นตอนของชีวิตในแต่ละวันจะต้องเจอเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตร้อยแปดพันเก้า ในแต่ละวันมีปัญหาต่าง ๆ ผ่านมาให้เราแก้ไข บางครั้งแก้ไขได้แต่ก็มีหลายครั้งที่ต้องเก็บไว้เป็นการบ้านให้ต้องขบคิด
ในชีวิตจริงของเรานั้นอยู่ใกล้กับการวิจัยมาก เพราะเมื่อมีปัญหา “เราเก็บข้อมูล” “เราวิเคราะห์” และ “เราสรุปผล” ซึ่งในบางครั้งเราก็ได้ทำถึงขั้นตอนการเขียนรายงาน ซึ่งรายงานการวิจัยเล่มแรกของชีวิตเรานั้นก็คือ “ไดอารี่” เราเขียนทุกวันก่อนนอน เขียนว่าวันนี้เราได้ทำอะไรมาบ้าง ไปทำที่ไหน ต้องเจอกับใครบ้าง สิ่งที่ทำนั้นเป็นอย่างไรบ้าง สรุปแล้วมันเป็นอย่างไร
ผ่านคืนและวันไดอารี่เล่มนั้นก็เป็นกระดาษเปื้อนหมึกที่สะสมประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ เมื่อเราย้อนกลับไปอ่านนั่นก็คือประสบการณ์ จากสิ่งที่เขียนแปลงมาเป็นความรู้ เป็นภูมิที่ฝังลึกอยู่ในตัวของแต่ละคน
ดังนั้น รายงานการวิจัยเล่มนี้จึงเปรียบได้กับ “ไดอารี่” ที่ทีมมหาวิทยาลัยอาจารย์ นักศึกษาและทีมชุมชน ผู้นำชุมชน แกนนำและประชาชนในชุมชน หลอมรวมร่วมกันทำงานด้วยใจ 4 เดือนเต็มของการทำงานร่วมกัน รอยเท้าทุกก้าว ทุกมือที่สัมผัส ทุกลมหายใจ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และหยาดเหงื่อ ได้ถูกบันทึก กลั่นกรอง เรียบเรียง และถ่ายทอดเพื่อให้ทุก ๆ คน ได้รู้ถึงการทำงานแบบมีส่วนร่วมของพวกเรา
ฉันมิใช่ "ครูดี" แต่ฉันเป็นคนมีหัวใจที่ทำเพื่อ "ศิษย์"