เกือบสายไป


ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งนำตา

เกือบสายไป

            เด็กชายบ้านนอกหลังเรียนจบ ป.6 ที่โรงเรียนใกล้บ้านด้วยผลการเรียนติดอันดับ 1 ใน 10 เด็กชายเข้าเรียนต่อ ม.1 ในโรงเรียนประจำจังหวัดโดยมีพี่สาวเรียนอยู่ ม.6 ซึ่งพี่สาวเป็นคนตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง ในชั้น ม.1 เด็กชายตั้งใจมุ่งมั่นเรียนอย่างเต็มที่ หลังจากพี่สาวจบ ม.6 เด็กชายเลื่อนชั้นเป็น ม.2 เริ่มมีความคิดว่า เมื่อพี่สาวตั้งใจเรียนเพื่อพ่อแม่แล้ว เด็กชายออกนอกกรอบบ้างจะเป็นไรไป

            เด็กชายเริ่มมีความคิดต่อต้านคำสั่งสอนของพ่อแม่ โดยเฉพาะคำห้ามปรามของพ่อแม่ เด็กชายมองว่ามันคือความท้าทายที่ต้องลองทำดู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคบเพื่อนรุ่นพี่ ที่มีพฤติกรรมใช้ยาเสพติด,สูบบุหรี่,ขับรถซิ่ง,หนีเรียน,ดื่มสุรา ทุกอย่างที่ผู้ใหญ่ห้ามเด็กทำ สิ่งใดๆที่เลวร้ายสำหรับผู้ใหญ่ก็คือสิ่งที่น่าลองสำหรับเด็กชาย โดยไม่คิดคำนึงถึงความรู้สึกของพ่อแม่หรือคนที่รักเขาเลย

            จนกระทั่ง ม.6 กลางเทอมที่1 เด็กชายที่เริ่มต้นพบว่าตัวเองโง่ไปตั้งนาน ที่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างไร้ค่า ทำให้พ่อแม่เสียใจ เสียเงิน เสียทองในการประกันตัวเมื่อเขาถูกตำรวจจับกุม ข้อหายักยอกทรัพย์สินของร้านค้า และแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว รวมทั้งใช้ยากล่อมประสาทเกินขนาด ถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยมีแม่และพ่อคอยเฝ้าดูแลห่วงใยไม่เคยขาด

            หลังจากเด็กชายออกจากโรงพยาบาล ได้ส่องกระจกดูตัวเองพบว่า ตัวเสื่อมโทรมทั้งหน้าตาและร่างกายที่แย่มาก ตั้งใจว่า ต่อจากนี้ไปเด็กชายจะปรับเปลี่ยนความคิด อารมณ์และพฤติกรรมในทางที่ดี ตั้งใจเรียนให้จบ ม.6 และทำสิ่งดีๆเพื่อพ่อแม่ กว่าจะคิดได้เกือบสายไป

คติเตือนใจเด็กชาย คือ - ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา

                                    - ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ

คำสำคัญ (Tags): #เกือบสายไป
หมายเลขบันทึก: 282163เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2009 17:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท