มุมมองต่อคุณเอื้อ


ผู้เขียนต้องมองและอ่าน เมื่อท่านแสดงออกถึงการเรียนรู้ “วัฒนธรรม KM เป็นสิ่งสำคัญ ” จาก อาจารย์หมอวิจารณ์ ที่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ วัฒนธรรม KM ใน สคส.ร่วมกับคุณเอื้อ

         ในฐานะสมาชิกใหม่ของทีมงาน ส.ค.ส. ซึ่งเป็นผู้เข้าโครงการวิทยากรจัดการความรู้ฝึกหัด (KM Internship program) คนแรก และมีโอกาสได้เข้าร่วม เวทีเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ปฏิบัติ  “คุณเอื้อ” ที่บ้านผู้หว่าน ในหน้าที่คุณลิขิตมือใหม่ KM  ขอนำเสนอมุมมองของตนเองต่อคุณเอื้อ....โดยเฉพาะท่านที่อยู่ในกลุ่มที่ตนเองได้ทำหน้าที่คุณลิขิต

        ......................................................

          ด้วยความหวังที่จะทำตัวให้เป็นประโยชน์เล็กน้อยเพื่อสังคม โดยใช้พื้นฐานและภาพหลัง ความรู้ประสบการณ์เดิมของตนเอง  เป็นแรงผลักดันอย่างบังเอิญ เข้ามาสู่สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม

          ใน 2 วันแรกของการทำงานร่วมกับส.ค.ส. และ กลุ่มคุณเอื้อ เริ่มจากงานเตรียมอุปกรณ์ การประชุมวางแผนจัดกลุ่ม และได้รับมอบหมายหน้าที่คุณลิขิตทีมคุณอำนวย(คุณอุรพิณ)  จดบันทึกเรื่องเล่า  สกัดขุมความรู้ และแก่นความรู้ ร่วมกับทีมคุณลิขิต นำเสนอในเวที  พร้อมทำ After Action Review ในวันสุดท้ายก่อนปิดเวทีเสวนา     ซึ่งในทุกกระบวนการทำงานจะสอดแทรกไว้ด้วย KM ปฏิบัติที่เนียนจนดูเป็นธรรมชาติ  โดยส่วนตัวอยากจะเรียกว่าวัฒนธรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้    เมื่อเราได้สัมผัสก็จะนำมาปรับตัวให้ผสมกลมกลืนในช่วงเวลาอีก 3 เดือน ที่เริ่มนับถอยหลังแล้ว

          โอกาสการเรียนรู้สำคัญ คือการรู้จักคุณเอื้อ แต่ละท่าน จากการเล่าเรื่องแลกเปลี่ยน อภิปราย.... ในทุกอิริยาบถ  ภายใต้ การมอง การอ่าน การฟัง ในระดับที่สามารถทำได้  นำไปสู่การแลกเปลี่ยนในเวทีแห่งนี้

  1. นักยุทธศาสตร์ตัวยง  คุณหมอสมพงษ์  ยูงทอง  จาก โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์
    ยุทธศาสตร์ที่สอดแทรกด้วยปรัชญา “งานที่ไม่สำเร็จมีเยอะ  ความสำเร็จมีน้อย...คุณกิจเป็นเกษตรกร การใช้เครื่องมือต้องเหมาะสม ...เรารู้ว่าการคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวเป็นการชี้เป็นชี้ตาย  ดังนั้น  เครื่องมือที่ลงไปต้องวางยุทธศาสตร์ดี คุ้มค่า    ตรงเป้า การวางยุทธศาสตร์เคลื่อนงาน มีคนหลายdegree  มีกลุ่มคนทั้งแก่น กะพี้  หลากหลาย”  ท่านย้ำว่า ชาวบ้านมีระบบคิดที่ดี     การเปลี่ยนแปลง หรือแปรปรวน เกิดขึ้นตลอดเวลา ตรงนี้ผู้เขียนเคยได้เรียนรู้ว่าต้องใช้กลยุทธ์เข้าช่วยในการทำงานเยอะมาก เพื่อให้สำเร็จได้เร็ว ทันเวลา ตรงเป้าหมาย
    เนื่องจากปรัชญาต้องเรียนจากของจริง  นักบริหารทางตะวันออกมีจิตวิญญาณ ถ้าใช้ปรัชญามาปลุกจิตวิญญาณ   ย่อมเกิดการนึก ความคิดที่ดีงาม ลึกซึ้ง หรือ ถึงขั้นลึกล้ำ      เมื่อท่านเอ่ยถึง ขงเบ้ง ในเรื่องสามก๊ก   ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความศรัทธาของท่านต่อขงเบ้งในการหยั่งรู้ด้วยปัญญาเมื่อชี้แนะยุทธศาสตร์การรบต่อเล่าปี่จนเกิดปัญญาเห็นจริงตามนั้น
    หลายประโยคยืนยันได้ว่าท่านยืนอยู่บนพื้นฐานความจริง   ...ความจริงหาได้จากธรรมชาตินั่นเอง   ธรรมะ คือธรรมชาติ  หรือท่านกำลังทำ KM เพื่อค้นหาสัจจะ+ธรรม
  2. นักอุดมการณ์ทางสังคมที่นับถือ คุณสุรเดช  เดชคุ้มวงศ์  จาก มูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร
    ท่านมองว่าคนไม่ปลอดภัย ทำไมเราไม่สนใจคุณภาพชีวิตคน แม้บ้านเมืองเจริญ  สถิติชี้วัดดีย่อมไม่มีประโยชน์  “ทำ KM แล้ว เกษตรกรดี  ให้เขารู้สึกว่าเป็นคนมีคุณค่า   ชาวบ้านมีปัญญาที่เรียกว่าปราชญ์ชาวบ้าน เราจะมุ่งให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยมาจากพื้นฐาน  โดยใช้นโยบาย KM ขับเคลื่อน...สำคัญมากคือเปิดโอกาสให้คนมีโอกาสคุย มีความภาคภูมิใจในสิ่งเล็กๆที่ทำ มองว่าคนเล็กๆมาคุยแล้วภาคภูมิใจ งานก็จะสำเร็จได้”
    ผู้ขียนสัมผัสได้ถึงเรื่องเล่าที่ออกมาจากจิตใจ หรือจะเป็นจิตวิญญาณของท่านผู้นี้ ในความห่วงใย เมตตา กรุณาปรานีต่อคนพื้นฐานของประเทศไทย ที่ท่านเรียกว่าชาวบ้าน จนอดน้ำตาซึมไม่ได้เมื่อได้ฟังและขณะบรรยายเป็นตัวอักษร  แท้จริงนี่คืออุดมการณ์หรือ?  มีพลังเพียงพอที่จะถ่ายทอดไปถึงจิตใจ หรือจิตวิญาณของอีกฝ่ายหนึ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
  3. นักเทคโนโลยีไทยแลนด์  คุณเรืองศักดิ์  ศรีวัฒนะ  จาก TRUE
    หนทางพิสูจน์ ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน     ย่อมนำมาใช้ได้จริง  ในวันแรกท่านได้เล่าเรื่อง KM ที่ใช้เทคโนโลยีทาง Database สามารถช่วยในเรื่องความรวดเร็ว แม่นยำ        ของงาน Call Center สำเร็จ  เป็นที่ประทับใจของคุณเอื้อท่านอื่นๆ   ต่อมาผู้เขียนต้องมองและอ่าน  เมื่อท่านแสดงออกถึงการเรียนรู้ “วัฒนธรรม KM เป็นสิ่งสำคัญ ” จาก อาจารย์หมอวิจารณ์ ที่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ วัฒนธรรม KM ใน สคส.ร่วมกับคุณเอื้อ                ในฐานะตัวแทนหนึ่งเดียวจากภาคเอกชน ที่มีสไตล์การแชร์แนวคิดบริหารงานแบบมืออาชีพ ประกอบกับบุคลิกภาพหน้าตาที่ไม่เป็นรองใคร ทำเอาหลายๆท่านต้องมิลืมท่านได้  แต่ผู้เขียนมองเห็นภาวะผู้นำ  นักคิดใช้จินตนาการ  ที่เป็นไปโดยธรรมชาติ  คล้ายกับได้ใช้ความคิดด้านตรรกะผสมผสานกับศิลปะ      ในเวทีระดมความคิดหัวข้อ ขับเคลื่อน KM ในสังคมไทยอย่างไรให้ยั่งยืน?     คำพูดของท่าน “เวบไซด์พันธุ์ทิพย์   ไม่ขายฝรั่ง พึ่งพาตนเอง มีชุมชน KM อยู่แล้ว...จะช่วยขยายวงชุมชนคุณเอื้อได้ ”  แม้การคิดไปถึงวัฒนธรรมการบริหารงานแบบฝรั่งและไทยที่แตกต่างกันจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อความยั่งยืนของ KM สังคมไทย ด้วยแล้ว
    ทำให้คิดตามว่า ระบบราชการไทย คืออย่างไร ?  ระบบทำงานของเอกชนคืออย่างไร?  ความหมายของคำ “ข้าราชการ คืออะไร ?”  ในขณะที่ธุรกิจมุ่งหวังกำไร แต่คนไทยคงอยู่รอด ถ้าภาคเอกชนมีธรรมาภิบาล  นี่เฉพาะมองภายในประเทศ  ถ้าภายนอกจะทำลายเรานั้นง่ายมาก โยนระบบวัฒนธรรมของเขา กรอบแบบเขา โดยตั้งชื่อใหม่ส่งมาเรื่อยๆ ให้พวกเราบังคับทำตามกันเองไปเรื่อยๆ  อย่างนี้ทรัพยากรธรรมชาติเราก็ไม่เหลือ…ไม่มีตรรกะในการเปลี่ยนวัฒนธรรมอย่างรวดเร็วได้สำหรับคนไทย เพราะ วัฒนธรรมไทยถูกสั่งสม มายาวนาน และเป็นที่ยกย่องเช่น การมีน้ำใจ …  ถ้าถูกทำลาย ด้วยจุดอ่อนของการที่เห็น หรือแค่ดู แต่ไม่มอง ค่า หรือราคาของเงินซึ่งเป็นสิ่งสมมุติ มีค่า มากกว่า คุณค่า ทางจิตใจ ทางจิตวิญญาณ ที่ลึกซึ้งและลึกล้ำ  อาจจะเรียกภูมิปัญญา อันตีราคามิได้       ด้วยจุดเคยแข็งที่กลายเป็นจุดอ่อน “ใจดีเปิดใจ” หรือจำใจ ยอมรับสิ่งใหม่ๆ สำหรับคนไทย  เด็กไทยยุคเทคโนโลยีกำลังถูกทำลาย การนึก  ความคิด อย่างรวดเร็ว  ตราบใดเราไม่ลุกขึ้นแสดงความหวงแหนในจุดเด่นของเรา และป้องกันรักษาไว้   ตราบใดเราไม่ หยุดมอง หรือถอยหลังมอง  ตราบนั้น เราวิ่งตาม  นอนตามปัญหา ที่เขาสร้างมาให้เรื่อยๆ และช่วยเขาสร้างต่อด้วยเพราะเขาขาดทรัพยากร  ค่าเงินมีขึ้นลง  แต่ อาหาร  ยา  เสื้อผ้า แค่มีกิน มีนุ่ง ก็เพียงพอ  ในความเป็นจริงสิ่งจำเป็นควรถูกตีราคาแพงกว่าสิ่งไม่จำเป็นใช่หรือไม่  โดยเฉพาะภาวะความต้องการสูงด้วย  นั่นอยู่ที่การนึกคิด
    บทสรุปท้าย  คุณเอื้อทุกท่าน มีความน่าสนใจแตกต่างในแต่ละบุคคล  มีจิตใจที่เป็นคนไทยเต็มรูปแบบ ทุ่มเทเสียสละทำ KM อยู่ภายใต้ปัญหาระดับการเมืองการปกครอง  โดยเฉพาะข้าราชการ ที่กำลังตกอยู่ภายใต้ภาวะผิดตรรกะ  ผู้เขียนมองคล้ายการทำลายคนไทยให้ตายลงอย่างรวดเร็ว ทางการนึก ความคิด  มีแต่ต้องลุกขึ้นมาฟื้นการนึก ความคิด ได้ด้วยจุดเด่นของคนไทยเราเอง  ปัญหาบางระดับเรายังไม่สามารถเข้าไปแก้ไขได้  แต่เราแจ้ง หรือแจ่มในเหตุแห่งปัญหา  เราจะรู้ว่า เราควรต้องทำอย่างไรในหน้าที่ เพื่อไม่ให้ปัญหาใหญ่รุนแรงกว่านี้  ตัดและวางได้ เราก็ทำสิ่งที่ควรทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ  ในเวลาหนึ่ง เราจะรู้ว่าปัญหาใหญ่ต้องแก้ไขอย่างไร    การผสมผสานวัฒนธรรมข้อดีทางตะวันตกและตะวันออก       การจำแนกแยกแยะรุ่นของคนว่าใครต้องปรับเปลี่ยนตรงจุดไหนแค่ไหน ก็เป็นแนวทางหนึ่ง        
    ด้วยความพอดีของสมาธิการอ่าน  ความหมายของสาระในการสื่อสาร  ก็คงต้องจบการเขียนตามธรรมชาติของจินตนาการที่หยุดลง                                                           
    ปรัชญา กำหนด คือไม่กำหนด....เรากำหนด อาจได้น้อยกว่าที่กำหนด   เราไม่กำหนดเป็นได้เท่ากำหนด หรือมากกว่ากำหนด  ....ฟ้ากำหนด... ดินกำหนด..



หมายเลขบันทึก: 28028เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2006 12:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน


ความเห็น
      ขอขอบพระคุณสำหรับบันทึกดีๆ ที่ได้นำมาเสนอเพื่อ ลปรร. และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คนครับ
  • บันทึกนี้เป็นบันทึกแรกที่ผมได้อ่านจากเวทีคุณเอื้อครับ
  • ขอขอบคุณที่ได้นำข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง มาบันทึกให้ทราบครับ
นอกจากพูดเก่งแล้ว ยังเขียนเก่งด้วย ขอเป็นกำลังใจกับจุดเริ่มต้นที่ดีของ internship คนแรกของสคส.
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท