เรียนรู้จาก นายแพทย์ปรเมศร์ กิ่งโก้ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสกลนคร เริ่มจากการทำงานที่โรงพยาบาลกุสุมาลย์ โดยเริ่มต้นจากส่งพยาบาลไปฝึกอบรมที่โรงพยาบาลเทพธารินทร์ จากนั้นจัดระบบบริการผู้ป่วยเบาหวาน โดยแยกเป็นคลินิกเบาหวาน (โดยมีพยาบาลให้การดูแลโดยเป็นห้องเรียนรู้โดยเป็นซุ้ม อาหาร การใช้ยา ฯลฯ) ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่ สสจ. สกลนคร และได้ลองนำมาปรับใช้ในการบริการในจังหวัด โดยเริ่มต้นจาก การอบรมพยาบาลไปอบรมที่ โรงพยาบาลเทพธารินท์ จำนวน สี่สิบกว่าคน นำมาเป็นกรรมการเบาหวานจังหวัด ร่วมกับทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องเช่น หมอตา หมอเมด และ เภสัชกร(อย่าตั้งคนเรื่องมาก) ทั้งหมดจากประสบการณ์คือ ต้องมีเวทีในการแลกเปลี่ยน ทุกปี มีการประกวดให้รางวัล หรือให้ สองขั้นไป / เรื่องที่สองคือการจัดระบบริการ ให้จัดเป็นรูปทีมในสถานบริการ หากใครเวอร์คก็ให้ใครเป็นหัวหน้า เช่น เป็นเภสัช เป็นพยาบาลก็แล้วแต่ ต้องมี GUIDE LINE ของจังหวัด เช่น เรื่อง อาหารไปอบรมจากที่อบรมแตกต่างจากที่อบรม เมนูอาหาร จึงได้ส่งไปให้อาหารเปรียบเทียบกับเมนูพื้นบ้าน / ต่อมาก็เป็นเรื่องการตรวจเท้า อยากยกตัวอย่าง การดูแลเท้า เราต้องไปวิเคราะห์ ว่า ต้องมีตัวชี้วัด เพื่อให้เราติดตามงาน แต่ต้องวิเคราะห์เอง อย่าไปลอกคนอื่น ต้องสอดคล้องกับชีวิต อยากฝากไว้ว่า ทีมต้องเข็มแข็ง และต้องมีเครือข่ายโดยเฉพาะสถานีอนามัย แพทย์เป็นเพียงที่ปรึกษา มีระบบการเชื่อมกันระหว่างสถานบริการกับผู้ป่วยและครอบครัว ( สัมภาษณ์ ผู้ป่วย ต้องสัมภาษณ์ญาติ เพราะภาวะฉุกเฉินที่เกิดขึ้น ญาติสามารถช่วยเหลือได้) ระบบการเยี่ยมบ้าน เราอาจใช้ อสม. ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมโรคได้ดี เขาเหล่านี้สามารถดูแลกันเอง เราต้องมีระบบจูงใจให้เขาเป็นตัวอย่างที่ดี เขาได้รับการเชิดชูคุณค่าในตัวเขา ( อาจให้รางวัลผู้ป่วยที่ควบคุมน้ำตาลได้ดี ) การสอนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เช่น การสอนโดยเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ดีเท่า อสม.ที่มีประสบการณ์ในการดูแลตนเองทีดี จะสามารถถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่นได้ / การร่วมมือกับองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น เช่น อบต. เช่นการขอความร่วมมือในการขอเครื่องตรวจน้ำตาลจาก อบต. / ควรให้ผู้ป่วยมีกลุ่มที่มีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง / สำหรับหน่วยที่เปิดบริการใหม่ และควรให้ความสำคัญกับผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนใหม่ หากดูแลผู้ป่วยเบาหวานเก่าจะทำให้ท้อแท้ จะทำให้เราได้เรียนรู้จากการปฏิบัติของผู้ป่วยใหม่ที่มีพฤติกรรมการดูแลตนเอง เช่น ออกกำลังการ หรือใช้อาหารควบคุมโรค จะทำให้เกิดตัวอย่างและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยลง / กลุ่มเบาหวานในชุมชน โดยใครที่ดูแลได้ดี จะมีกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นบัดดี้ที่เป็นกลุ่มที่อยู่ในละแวกเดียวกัน และติดตามดูแลกันเอง และเติมให้ความรู้และทักษะต่างๆ ให้ดูแลกันเอง / ในระดับจังหวัด การที่มีหมอตาน้อย ต้องมีระบบการจัดการที่ดีแบ่งโซน และทำตารางในการออกตรวจ จังหวัดสนับสนุนการจัดหาเครื่องมือสนับสนุน ทั้งหมดหากระบบอำเภอ และจังหวัด เชื่อมกันจะทำให้ระบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานดีขึ้น / หากจะจัดเวที อาจจะแชร์ร่วมกับจังหวัดสกลนคร / การเก็บคำถามจากผู้ป่วย เราอาจตอบไม่ได้ เราจำเป็นต้องมีเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนกัน และจำเป็นต้องมีทีม / ทีมพยาบาลมีความสำคัญในการดูแลผู้ป่วยในการจัดกิจกรรม / เราอาจนำเสนอผลที่เราทำงานในเวทีต่างๆ ได้ และสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนา HA และ HPH ได้ / ยกตัวอย่าง การดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่สูงอายุ มีความประทับใจ เพราะเราเซ็ตระบบดีๆ ทำให้ผู้ป่วยรับบริการที่ดีคือ จากความท้อแท้สู่ความหวัง
สรุปการเรียนรู้ในสองวันนี้ ในฐานะผู้เฝ้าดูกระบวนการแลกเปลี่ยน
ทำให้เราได้เรียนรู้จากสิ่งที่ผู้ดูแลได้ปฏิบัติ เราได้เห็นว่า
สิ่งที่เราได้สัมผัสจากว่า ความรู้ของทุกคนเกิดจากการปฏิบัติจริง
และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบทที่ตนเองดำรงอยู่
(มิใช่การคัดลอกมาทั้งหมดโดยมิได้ปรับเปลี่ยน)
ทุกคนจะรู้สึกในการเข้าถึงจากการปฏิบัติเหล่านั้นว่ารู้อิ่มเอิบ(Appreciated)
ที่จะถ่ายทอด เล่าให้เพื่อนฟัง เรามีความเชื่อว่า
ทุกคนสามารถสร้างความสำเร็จเล็กๆได้อยู่เสมอ
ดังนั้นอยากให้พวกเรามาค้นหาสิ่งมหัศจรรย์เล็กๆจากการดูแลผู้ป่วยกันเถอะ
ผู้เล่าเรื่อง สมพัฒน์ สมจิตรสกุล