การบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Results Based Management – RBM)
วันนี้ดิฉันได้อ่านบทความของ อำนาจ วัดจินดา วิทยากรและที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์การ เห็นว่ามีประโยชน์ต่อชาวบริหาร และสอดคล้องกับเนื้อหาวิชาการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์(HRM&D) และวิชาหลักการ แนวคิด ทฤษฎี ทางการบริหารการศึกษา จึงนำมาให้ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะคะ
การบริหารเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆที่นำมาซึ่งความสำเร็จโดยเฉพาะการพัฒนากระบวนการหรือวิธีการต่างในทันสมัย
และตอบโจทย์ที่เกิดขึ้นท้าทายอยู่ตลอดเวลา
โดยอาจมีคำถามว่า
ทำไมถึงต้องมีการพัฒนา
คำตอบก็คงเพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลง
โลกไร้พรมแดนที่เรียกว่าโลกาภิวัตน์
การติดต่อสื่อสารไปมาได้รวดเร็ว
ใครทำอะไรที่ไหนเราก็รู้ได้
และที่สำคัญความต้องการคุณภาพของสินค้าและบริการของลูกค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง
ดังนั้นในวันนี้ใคร่ขอเสนอแนวคิดที่กำลังมีอิทธิพลต่อการบริหารองค์การอย่างมากทั้งในภาคธุรกิจ
และที่สำคัญคือภาคระบบราชการ ซึ่งเรียกว่าการบริหารโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
เป็นเทคนิควิธีการบริหารจัดการสมัยใหม่ที่นำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์และวิธีการบริหารงานให้เปลี่ยนไปจากเดิมที่ให้ความสำคัญต่อทรัพยากรหรือปัจจัยนำเข้า
(input) เป็นเครื่องมือในการดำเนินงาน
โดยหันมาเน้นถึงวัตถุประสงค์และสัมฤทธิ์ผลของการดำเนินงานทั้งในแง่ของผลผลิต(Output)
และผลลัพธ์ (Outcome) และความคุ้มค่าของเงิน
(Value for money)
รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพและสร้างความพึงพอใจให้แก่ ลูกค้าและ
ผู้รับบริการ
ความหมายของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
คือ
วิธีการบริหารจัดการที่เป็นระบบมุ่งเน้นที่ผลสัมฤทธิ์หรือผลการปฏิบัติงานเป็นหลัก
โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ที่มาของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
จากแนวคิดของการบริหารจัดการแนวใหม่ (New Management) ที่มุ่งเน้นการให้ความสำคัญต่อ
กรอบแนวคิดการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
การบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์นั้นมีหลักที่สำคัญ 6
ประการ ดังนี้
1. หลักนิติธรรม
(Rule of Law)
หมายถึง ความถูกต้องเป็นธรรม และการปฏิบัติตามกฎ
กติกาที่ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัดโดยคำนึงสิทธิ เสรีภาพ
ความยุติธรรมของสมาชิก
2. หลักคุณธรรม (Ethics) หมายถึง การยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม การส่งเสริมสนับสนุนให้พัฒนาตนเองไปพร้อม ๆกัน เพื่อให้มีความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบวินัย
3. หลักความโปร่งใส (Transparency)
หมายถึง
การสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันของโดยปรับปรุงกลไกการทำงานขององค์กรให้มีความโปร่งใส
4. หลักการมีส่วนร่วม
(Participation)
หมายถึงการเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมรับรู้และเสนอความเห็นในการตัดสินใจปัญหาต่างๆ
การแสดงความคิดเห็นอื่น ๆ
5. หลักความรับผิดชอบ
(Accountability)
หมายถึง การตระหนักในสิทธิหน้าที่ความสำนึกในหน้าที่รับผิดชอบ
ตลอดจนการเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง
และความกล้าที่จะยอมรับผลดีและผลเสียจากการกระทำของตน เช่น
รับผิดชอบต่อลูกค้า
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องยอมรับต่อผลการดำเนินการ
6. หลักความคุ้มค่า (Utility)
หมายถึงการบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม
โดยมีความประหยัด ใช้อย่างคุ้มค่าสร้างสรรค์สินค้า
และบริการที่มีคุณภาพสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
และรักษาพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืน
จากบทความดังกล่าวจะเห็นได้ว่าหลักการบริหารงานโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์นั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อองค์กรทุกองค์กร จะทำให้สามารถวัดผลการปฏิบัติงานที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ความคุ้มค่า ทำเป็น และเป็นธรรม ครับ
ขอบคุณครับ
เห็นด้วยค่ะ แล้วจะแวะไปเยี่ยมชม blog นะค่ะ
บทความดี มีสาระ พี่เห็นด้วยกับหลักการทั้ง 6 ข้อค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังใจนะค่ะ ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เสมอค่ะ
แวะมาอ่านบทความน้องนาง บทความมีประโยชน์ดีมากครับ
มาเยี่ยมชมผลงานครับ
ขอบคุณอาจารย์และพี่แมวที่แวะเข้ามาเยียมเยือนนะค่ะ
เข้ามาเยี่ยมชมผลงานค่ะพี่นาง เยี่ยมมากๆเลยค่ะ
เข้ามาเยี่ยมชมผลงานคุณภาพ
แวะมาเยี่ยมค่ะ
เข้ามาอ่านบทความ มีประโยชน์มากครับ ขอบคุณครับ
แวะมาเยี่ยมอ่านข้อความ มีประโยชน์มากครับ
ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้คะ
ขอบคุณมากน่ะค่ะสำหรับบทความมีประโยชน์มากค่ะสำหรับคนทำงานและกำลังศึกษาต่อป.โทบริหารการศึกษา กำลังทำรายงานเรื่องนี้พอดีค่ะ