อยากเล่าความรู้สึก......
วันนี้เป็นวันที่มัสยิดบ้านหาดไข่เต่า จัดงานเพื่อหาทุนต่อเติมตัวอาคารมัสยิดที่เหมือนบ้านหลังหนึ่งมากว่า 55 ปี
ส.ศรัณ ได้เอารูปมาฝากให้ดูกัน บรรยากาศในงานหาทุนให้กับมัสยิด แต่มันทำให้ข้าพเจ้าสัมผัสได้ถึงการพบญาติที่รวมตัวกันเพื่องานนี้ บ้านเรา “สุขแสง” ไปทั้งหมดค่ะ สะใภ้อย่าง มะ ลูก ๆ หลาน ๆ และเหลน ๆ ของฝ่ายปะ รู้สึกดีมากเลย ทำให้เราได้พบกับญาติที่ไม่ค่อยได้เจอกัน ญาติที่อยู่ห่างไกลต่างจังหวัด ต่างอำเภอ มาพบกันคุยสนุกสนาน เฮฮากัน เข้าทางละค่ะ เพราะว่าบ้านข้าพเจ้าจอมมุขอยู่แล้วยิ่งพี่ชายคนที่สาม
ในเต้นของร้านน้ำชาเต็มไปด้วย ลูก สะใภ้ ลูกเขย หลาน หลานเขย หลานสะใภ้ เหลน ของ ปะ (ฮัจยีหมัด สุขแสง) ทุกวันก่อนหน้านี้เราจะนั่งคุยเฮฮากันในร้านน้ำชาพี่ชายคนที่เจ็ด แต่วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งกินในงานมัสยิด คนเดิม มุขเดิม(ใหม่บ้าง) กับสถานที่ใหม่ หนุกดีค่ะ มีแขกรับเชิญจากสงขลาไปด้วย น้องน้ำผึ้งที่ไปกับข้าพเจ้านั่งรอหัวเราะอย่างเดียว สุขแสง น่าจะได้ฉายาใหม่ว่า สุขแสง เชิญยิ้ม ซะแล้ว
นั่ง ๆ อยู่ ตาก็เหลือบไปเห็นเสื้อของทีมงาน น่าสนใจมากเลยคำที่ใช้ หากทำได้จริง คงไม่เป็นห่วงหาดไข่เต่าเพราะมีคนใส่ใจพัฒนาจริง ๆ อย่างคำที่เขียน หาดไข่เต่าจะฝากใคร หากเราไม่ใส่ใจพัฒนา ก็เลยบอกทีมงาน(หลานซา) ว่าให้หันหลังหน่อยอยากได้ภาพนี้จัง
หากมองในมุมของงานที่ต้องการหาทุนคงเป็นภาพที่น่าจะเป็นห่วงมากเพราะบางตา แต่หากงานนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของญาติที่ห่างกันมานานได้ร่วมกลุ่มกันอีกครั้งด้วยความยาวนานของมัสยิดที่สร้างด้วยบรรพบุรุษของตัวเองมาร่วมพลังกันจัดงานเพื่อหาทุนต่อเติม “งานนี้สำเร็จ”
ในงานเลี้ยงข้าวหมกเนื้ออร่อยมาก มะบอกว่าเป็นฝีมือของพี่น้องของเรานี่แหละที่ไปเป็นเขยที่โป๊ะหมอยอดเลย ด้วยวัยกว่าเจ็ดสิบห้ามะเรากินใหญ่เลย แต่กับแกงส้มปลาหัวอ่อนนะ (ปลาประจำบ้านของเราเอง) หากเราไปหาดไข่เต่าเราต้องได้ปลาหัวอ่อนกลับมาทุกครั้งเพราะเนื้อมันอ่อน...มัน...และนุ่มมาก ๆ พูดแล้วอยากกินจังหู
ส.ศรัณ อาจเล่าไม่เห็นภาพเท่าไรเลยเอารูปมาฝากให้ดูกันเล่น ๆ ค่ะ แต่วันนี้รู้สึกดีมากเลย...
สวัสดีน้อง ตั้งใจจะไปร่วมงานมัสยิด พอถึงวันงานมาลืมเสียนิ สุขแสง สุหรง หัวหน้าอนามัยเกาะนางคำ พวกกันน้อง
ไม่พรือบังหีม เราโหมเดียวกันเพ...บังเห้อ