เมื่อลูกศิษย์ผมลวนลามครูฝรั่ง
(เรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงของเพื่อนผู้บริหารโรงเรียนคนหนึ่ง)
เวลา 19.20 น. ของวันหนึ่ง ในขณะที่ผมกำลังนอนพักผ่อน ดูทีวี หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานที่โรงเรียน
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผมกดรับสายตามปกติ เมื่อได้ยินเสียงผู้โทรก็ยิ่งมีความรู้สึกปกติ พูดคุยทักทายอย่างคุ้นเคย เพราะ
เธอเป็นผู้ประสานงานและเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญในการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมาเป็นครูสอน
ภาษาอังกฤษที่โรงเรียน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ นอกจากโรงเรียนดูแลเรื่องอาหารกลางวัน อาหารว่าง-เครื่องดื่ม และ
ของที่ระลึกเมื่อยามที่ต้องจากไปเท่านั้น
“ท่าน ผอ.ทราบเรื่องนักเรียน 2 คน ลวนลามครูฝรั่งในขณะที่เดินทางกลับจากโรงเรียนแล้วหรือยัง ครูฝรั่งไป
แจ้งความที่สถานีตำรวจแล้ว ขณะนี้กำลังเดินทางมาพักที่บ้านพักของหนูค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่น ตกใจ
“ยังไม่ทราบเลยครับ นักเรียนของโรงเรียน......ใช่ไหมครับ พอจะรู้ตัวนักเรียนไหมครับ” ผมก็ตอบ และถามด้วย
ความตกใจเช่นกัน
“ไม่ทราบค่ะ ครูฝรั่งบอกได้แต่ว่าเด็กผู้ชาย นุ่งกางเกง...........เสื้อ............คนหนึ่งรูปร่าง.......และอีกคนหนึ่งตัว.................”
“เหตุเกิดบริเวณไหนครับ”
“......................................” เธอบอกจุดที่เกิดเหตุ “เด็กลวนลามถึง 2 ครั้งนะคะ คือ ครูฝรั่งคนนี้ ผอ.ก็ทราบดีนะคะว่า
เธอค่อนข้างจะหน้าตาดี และรูปร่างดีกว่าเพื่อน แต่ก็แต่งตัวมิดชิด เรียบร้อย เพราะรู้ว่าต้องไปสอนที่โรงเรียน เธอขี่รถ
จักรยานไป-กลับ เป็นประจำ ซึ่งก็ไม่เคยเกิดสิ่งเลวร้ายใด ๆ มาก่อน นักเรียนขับรถมอเตอร์ไซค์ตามครูฝรั่งไป แซงไป
ข้างหน้า แล้วดักรอจุดแรกในที่เปลี่ยว นักเรียนคนหนึ่งใช้สัญญาณมือ ให้ครูฝรั่งหยุดรถ ครูฝรั่งก็หยุดเพื่อทักทาย เพราะ
เห็นว่าเป็นลูกศิษย์ และแล้วนักเรียนคนนั้นก็ลวนลามโดยจับที่หน้าอกของเธอและพยายามกอด ครูฝรั่งร้องห้าม และร้อง
ขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครเห็นหรือได้ยิน เมื่อนักเรียนเห็นครูฝรั่งร้องเช่นนั้นจึงหยุด แล้วขับรถมอเตอร์ไซค์ล่วงหน้า
ครูฝรั่งไปอีก ไปดักรออีกจุดหนึ่งแล้วกระทำการลวนลามเช่นเดิมอีกเป็นครั้งที่สอง ฝรั่งร้องห้าม ร้องขอความช่วยเหลืออีก
นักเรียนคนดังกล่าวก็หยุดกระทำแล้วขับรถล่วงหน้าไปดักรอครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้หมู่บ้าน แต่ไม่กล้าลงมือเป็นครั้ง
ที่ 3 ครูฝรั่งร้องให้ ตัวสั่น ตกใจ เสียใจ เล่าเหตุการณ์ให้หนูฟัง แล้วก็ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ อ้อ..คุณครู ผอ.คะ ครูฝรั่ง
เดินทางกลับมาถึงพอดีค่ะ”
“ผมขอคุยด้วยหน่อยนะครับ” ผมกล่าวแสดงความเสียใจ กล่าวขอโทษต่อครูฝรั่ง และสอบถามถึงเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่านักเรียนที่ลวนลามครูฝรั่งนั้น เป็นนักเรียนของโรงเรียนที่ผมทำงานอยู่หรือไม่
ครูฝรั่งให้ข้อมูลตรงกับเธอผู้ประสานงาน แต่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า เหตุเกิดหลังจากเธอขี่รถจักรยานออกจาก
โรงเรียนเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น.
ผมจึงเชิญทั้งเธอผู้ประสานงาน และฝรั่งผู้เสียหาย ไปที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. เพื่อร่วมหาทาง
แก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ในส่วนตัวของผมเองนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นนักเรียนในโรงเรียนที่ผมทำงานอยู่จริงหรือไม่
หลังวางสายจากฝรั่งและเธอผู้ประสานงานแล้ว ผมโทรศัพท์หาครูผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการดูแลช่วยเหลือ
นักเรียน จำนวน 4 – 5 คน แจ้งข่าว และข้อมูลในเบื้องต้น นัดหมายให้คณะครูผู้เกี่ยวข้องไปโรงเรียนเช้ากว่าปกติ เพื่อ
ดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายในเวลา 08.30 น. ก่อนที่ผู้เสียหายจะเดินทางมาถึง หากพบข้อมูลว่าเป็น
นักเรียนของโรงเรียนจริง จะได้มีเวลาในการสืบสวน สอบสวนผู้ต้องหาว่ากระทำผิด และจะได้มีเวลาในการแก้ปัญหา
หรือเชิญผู้เกี่ยวข้องมาเพิ่มเติมเพื่อร่วมแก้ปัญหา
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมและคุณครูอีกจำนวน 3 คน มาถึงโรงเรียนเวลา 07.30 น.
ครูคนที่ 1 สืบในทางลับ จากนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย
ครูคนที่ 2 ตรวจสอบข้อมูลสถิติการมาเรียน บันทึกการเข้าแถว บันทึกการเข้าสอนของครู และบันทึกเหตุการณ์
รายงานของทุกชั้น
ครูคนที่ 3 จัดเตรียมสถานที่ จัดโต๊ะประชุม คาดว่าจะมีผู้ร่วมประชุมเพื่อร่วมแก้ปัญหาประมาณ 10 คน พร้อม
จัดเตรียมอาหารว่าง-เครื่องดื่มเพื่อต้อนรับแขก
10 นาทีผ่านไป ผมได้ข้อมูลจากครูคนที่ 1 ว่า จากการสืบในทางลับ ได้ข้อมูลว่า นักเรียนชื่อ.......................และ
..........................ไปลวนลามครูฝรั่ง จริง กลับมาเล่าให้เพื่อนนักเรียนฟัง โดยทำเพียงคนเดียวคือ ............................ ส่วนอีกคน
คือ...........................นั้น ไปด้วย แค่ยืนดูเฉย ๆ และนักเรียนที่กระทำผิดได้พยายามทำผิดถึง 3 ครั้งดังที่ได้ข้อมูลมาก่อนหน้านี้
ครูคนที่ 2 ได้แจ้งผลสรุปข้อมูลนักเรียนที่มาเรียน ขาดเรียน ป่วย ลา มาสาย และหนีเรียนซึ่งนักเรียนทั้ง 2 คนมีชื่อ
มาทันเข้าแถว เข้าเรียนทุกวิชา และกลับบ้านพร้อมเพื่อน ๆ หลังเลิกเรียน เมื่อศึกษาจากบันทึกพฤติกรรมนักเรียน พบว่า
นักเรียนทั้ง 2 คน กระทำความผิดอยู่บ่อยครั้ง ให้โอกาสแก้ไข ปรับปรุงพฤติกรรมให้ดีขึ้น ซึ่งนักเรียนคนที่สองมีพฤติกรรม
ดีขึ้น แต่นักเรียนคนแรกยังคงมีพฤติกรรมที่แย่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชอบดูหนังโป๊ะ เป็นวีซีดี ซึ่งหาดูได้ไม่ยากจากใน
หมู่บ้าน และได้ทำทัณฑ์บนไว้กับโรงเรียนแล้ว โดยหากกระทำความผิดอีกผู้ปกครองยินดีจะย้ายลูกไปเรียนที่อื่นโดย
สมัครใจ
ครูคนที่ 3 แจ้งว่าสถานที่ประชุม และอาหารว่าง-เครื่องดื่ม พร้อมสำหรับการประชุม
ผมแจ้งให้ครูคนที่ 1 ไปเชิญนักเรียนคนที่ 2 ที่คาดว่าได้ร่วมกระทำความผิด แค่เพียงยืนดูเฉย ๆ มาพบเพื่อสอบ
ในทางลับด้วยตัวผมเองและครูหัวหน้างานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ซึ่งนักเรียนดังกล่าวปฏิเสธในครั้งแรก แต่ผม
ได้กล่าวกับนักเรียนว่า มีหลักฐานข้อมูลครบถ้วนที่สามารถเอาผิดได้ทันที และจะโทรศัพท์แจ้งให้ตำรวจมารับตัวไปที่
โรงพัก หากรับสารภาพและพูดความจริงทุกอย่าง จะกันไว้เป็นพยาน โทษหนักจะกลายเป็นเบา นักเรียนจึงรับสารภาพ
ทุกข้อกล่าวหา และให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า นักเรียนคนแรกที่กระทำความผิด ได้ชวนนักเรียนคนที่สองปีนรั้วออกไป
หลังจากที่ครูฝรั่งขี่จักรยานออกไปจากโรงเรียนในช่วงเวลาพักกลางวัน โดยนักเรียนคนแรก กล่าวกับนักเรียนคนที่สอง
ว่า “วันนี้จะปล้ำฝรั่งให้ดู” นักเรียนทั้งสองคนก็ได้ร่วมกันกระทำความผิดดังที่ได้ข้อมูลมาก่อนหน้านี้จริง
หลังจากนั้นในเชิญนักเรียนคนแรกที่นักเรียนคนที่สองให้ข้อมูลว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยการลวนลามครูฝรั่ง
มาสอบสวน นักเรียนรับสารภาพในทันที ทุกข้อกล่าวหา
ผมจึงโทรศัพท์เชิญผู้ปกครองนักเรียนของทั้งสองคนมาที่โรงเรียนในทันที เพื่อรับทราบข้อมูลการกระทำความผิด
ของนักเรียน
การดำเนินการทุกขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นแล้วเสร็จภายในเวลา 08.50 น. 10 นาทีก่อนที่ผู้เสียหายคือครูฝรั่งและ
ผู้ประสานงานจะเดินทางมาถึง ผมได้ประชุมร่วมกับครูทั้ง 3 คนที่ได้ร่วมกันสืบ และสอบสวนนักเรียน ผมได้กล่าวปรึกษากับ
คุณครูถึงแนวทางที่จะประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดังนี้
1. การจัดที่นั่ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของผู้กระทำผิดและผู้ถูกกระทำ รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยในที่ประชุม จึงกำหนดที่นั่งดังนี้
ผู้บริหารโรงเรียน
ผปค.น.ร.คนที่ 1 ครูฝรั่ง(ผู้เสียหาย)
ผปค.น.ร.คนที่ 2 โต๊ะยาว ผู้ประสานงานของครูฝรั่ง
ครู หน.ระบบดูแลฯ ผู้ติดตามของครูฝรั่งและผู้ประสานงาน
น.ร.คนที่ 1 ครูประจำชั้น น.ร.คนที่ 2
ครูประจำชั้น น.ร.คนที่ 1 น.ร.คนที่ 2
2. ผมจะพูดคุยกับครูฝรั่งผู้เสียหาย ว่าจะเอาความผิดนักเรียนหรือไม่อย่างไร หากเอาผิดก็จะกลายเป็นคดีอาญา
ตำรวจก็จะมารับตัวนักเรียนไปดำเนินการตามกฎหมาย นักเรียนจะเสียอนาคตและโรงเรียนอาจได้ลงข่าวหน้าหนึ่งฉาวไป
ทั่วทั้งประเทศ หรือเป็นข่าวดังไปทั่วโลก หากไม่เอาผิดผมก็จะให้นักเรียนขอโทษครูฝรั่ง แล้วให้ผู้ปกครองเซ็นรับทราบ
พร้อมทั้งให้นำนักเรียนไปเรียนที่อื่นตามที่ได้ทำบันทึกไว้กับโรงเรียนก่อนหน้านี้
สำหรับนักเรียนคนที่ 2 จะให้ทำทัณฑ์บนไว้ หากกระทำผิดอีกให้ผู้ปกครองย้ายไปเรียนที่อื่นโดยสมัครใจ
หากผู้ปกครองของนักเรียนคนแรกไม่ยินยอมย้ายลูกออกไปเรียนที่อื่น ผมก็จะให้เป็นเรื่องของตำรวจมา
ดำเนินการตามกฎหมาย
คณะครูเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมนำเสนอ อีกทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อนักเรียนทำผิดก็ต้องได้รับการลงโทษ การ
ลงโทษนี้ก็เป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน กล่าวคือ เมื่อนักเรียนกระทำความผิด
ให้ว่ากล่าวตักเตือน แล้วทำความดีทดแทน ให้โอกาส 3 ครั้ง หากกระทำความผิดอีกจึงแจ้งให้ผู้ปกครองทราบและร่วมกัน
ปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมของนักเรียน หากไม่ดีขึ้น จะเชิญผู้ปกครองมาพบ พร้อมทั้งทำทัณฑ์บนไว้ พร้อมให้สัญญาว่า
หากกระทำผิดอีกจะย้ายนักเรียนไปเรียนที่อื่นโดยสมัครใจ อีกประการหนึ่งหากโรงเรียนปฏิบัติตามระเบียบโดยเคร่งครัด
จะทำให้นักเรียนเห็นว่าโรงเรียนเอาจริง เป็นการปรามนักเรียนคนอื่นให้มีพฤติกรรมที่ดี อยู่ในระเบียบวินัย
ครูฝรั่งและผู้ประสานงานพร้อมด้วยผู้ติดตามอีก 1 คน เดินทางมาถึงในเวลา 09.00 น. เชิญให้แขกนั่ง ตามผัง
ที่กำหนดไว้ ในขณะที่รับประทานอาหารว่างและเครื่องดื่ม ผมได้สอบถามครูฝรั่งว่าต้องการจะให้นักเรียนติดคุก หรือว่า
แค่ว่ากล่าวตักเตือน หากนักเรียนคนที่ 1 สำนึกให้ขอโทษและผู้ปกครองนำนักเรียนไปเรียนที่อื่นตามที่ผู้ปกครองได้ทำ
บันทึกไว้กับโรงเรียนก่อนหน้านี้ สำหรับนักเรียนคนที่ 2 ที่ร่วมกระทำผิดจะให้ผู้ปกครองทำทัณฑ์บนไว้กับโรงเรียน
พร้อมทั้งยินยอมย้ายนักเรียนไปเรียนที่อื่นโดยสมัครใจ หากนักเรียนกระทำผิดอีก การลงโทษเช่นนี้เป็นการเหมาะสม
และพึงพอใจของครูฝรั่งหรือไม่
ครูฝรั่งกล่าวว่า หากนักเรียนสำนึกผิด ก็ขอให้ขอโทษ และนักเรียนคนที่ 1 ไปเรียนที่อื่นตามที่กล่าวก็เป็น
การเพียงพอแล้ว ซึ่งตนเองยินดีให้อภัยทั้งสองคน และยินดีที่จะมาสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนต่อไปจนครบเวลาที่
กำหนด
ผู้ปกครองนักเรียนคนที่ 1 และคนที่ 2 มาถึงที่ประชุมในเวลาประมาณ 09.30 น. เชิญให้นั่งในที่ที่จัดไว้ตาม
ผังที่นั่ง ผมเริ่มพูดคุยกับผู้ปกครองนักเรียนทั้งสองว่า วันนี้ที่ผมเชิญมา ในฐานะแขกของผม เมื่อนักเรียนมาโรงเรียนจะเป็น
“ลูก” ของผมทุกคน ซึ่งผมก็รักและปฏิบัติกับนักเรียนทุกคนเสมือนเป็น “ลูก” ของผม ซึ่งผู้ปกครองรับทราบ และนั่งฟังผม
อย่างสงบ และตั้งใจ
ผมได้ให้ข้อมูลทั้งหมดแก่ผู้ปกครองของนักเรียนทั้งสองคน ซึ่งนักเรียนรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อีกทั้ง
ครูฝรั่งจะไม่เอาผิดทางอาญา หากสำนึกผิดให้ขอโทษ และสำหรับนักเรียนคนที่ 1 ให้ผู้ปกครองย้ายไปเรียนที่อื่นโดย
สมัครใจ ส่วนนักเรียนคนที่ 2 ทำทัณฑ์บนไว้ที่โรงเรียน ผู้ปกครองของนักเรียนทั้ง 2 คน รับทราบการกระทำความผิดของ
ลูกและยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขของโรงเรียนและตามความต้องการของครูฝรั่งผู้เสียหายทุกประการ และได้ลงลายมือชื่อไว้
เป็นหลักฐานในสมุดบันทึกพฤติกรรมของนักเรียน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่นักเรียนคนที่ 1 ได้ย้ายไปเรียนที่อื่นแล้ว ปรากฏว่าครูฝรั่งปฏิบัติการสอน
จนครบตามเวลาที่กำหนด ไม่มีนักเรียนคนใดแสดงอากัปกริยาที่ไม่เหมะสมอีกเลย นักเรียนคนที่ 1 ที่ลวนลามครูฝรั่งไม่
โดนคดีอาญา-ไม่ติดคุก และย้ายไปเรียนที่อื่นแล้ว ส่วนนักเรียนคนที่ 2 ผู้ร่วมกระทำความผิดโดนทำทัณฑ์บน และมีพฤติกรรมที่ดีขึ้นตามลำดับ นักเรียนคนอื่น ๆ ในโรงเรียนปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนมากขึ้น อัตราการหนีเรียน
ลดน้อยลงจนแทบไม่มีเลย หากมีก็จะดำเนินการติดตาม แก้ไข ลงโทษ(ไม่ลงโทษโดยการตี) ในทันที
ผู้เขียน บอกเล่าประสบการณ์ตรงของเพื่อนผู้บริหารมาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และขอจงช่วยแสดงความคิดเห็น
ว่าสิ่งที่ได้แก้ปัญหาไปโดยผู้แก้ปัญหากล่าวว่า "เป็นการแก้ปัญหาแบบสันติวิธี" จริงหรือไม่ เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
เหมาะสมหรือไม่ หรือหากท่านใดมีประสบการณ์แก้ปัญหาในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันนี้ ขอได้โปรดแสดงความคิดเห็น
ด้วยครับ
สวัสดีค่ะ
พวกเราอยู่ท่ามกลางปัญหา เป็นพายุ ลมแรง ซึ่งต้องเด็ดเดี่ยวต่อสู้ ฟันฝ่า
ตราบใดที่รัฐไม่สามารถสร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง ให้พึ่งตนเองได้ ตราบนั้น
ปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ เกิดขึ้น แต่ไม่ดับไป จะยังเกิดขึ้น เกิดขึ้น ซึ่งพวกเรา
ต้องสู้ สู้ อดทน เพื่อเด็ก และเยาวชนของเรา เพื่อประเทศไทยเข้มแข็งครับ
ขอบคุณมาสำหรับความเห็นที่ดีมาก ๆ ครับ
วสันต์ ปัญญา
ท่าน ผอ. เป็นผู้บริหารที่ใช้หลักการบริหารโรงเรียนที่เยี่ยมมาก อยากให้ใคร ๆ ที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนได้อ่านประสบการณ์ที่มีประโยชน์เช่นนี้