ก่อนที่จะเล่าเรื่อง (Storytelling) เกี่ยวกับการไปเป็นวิทยากรเรื่อง “การจัดการความรู้จากกระบวนการเรียนรู้ภายใน” ที่สมุทรสาคร ในโครงการอบรม “การจัดการความรู้ของครู กศน. สมุทรสาคร” ระหว่างวันที่ 2- 3 กรกฎาคม 2552 ขอกล่าวคำขอบพระคุณท่านผู้มีพระคุณที่ทำให้ศิลาได้มีโอกาสเผยแพร่ความรู้ในศาสตร์ที่ตนได้ศึกษามาร่วมสิบปี
ผู้ชักนำเข้าสู่วงการการศึกษานอกระบบ : ท่านอาจารย์ขจิต ฝอยทอง, คุณพี่ครูสุนันทา, ท่านผู้อำนวยการการศึกษานอกโรงเรียนสมุทรสาคร (ท่านพยุงศักดิ์)
ผู้เกื้อกูลร่วมทีมงานจัดอบรม : คุณพี่ Krutoi ที่แสนดี, กัลยาณมิตรคู่ใจศิลาสองท่านที่ติดตามไปช่วยเหลือเรื่องคอมพิวเตอร์ และอำนวยความสะดวกทั่วไปแก่ศิลา
ผู้ให้คำแนะนำปรึกษาแนวทางในการฝึกอบรม : คุณเอก และน้องซวง
และท่านครูอาจารย์ รวมถึงกัลยาณมิตรทุกท่านที่อยู่ในทีมเดียวกัน
ศิลาต้องขอออกตัวว่าตนเองค่อนข้างหลุดออกจากกรอบใด ๆ การนำเสนอก็จะไม่นำเสนอเนื้อหาสาระล้วน ๆ ของการอบรม ว่าได้ถ่ายทอดความรู้ที่เป็น “content” อย่างไรบ้าง แต่จะเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับ “กระบวนการ” ในการอบรมครั้งนี้
ศิลามองเห็นว่ามีหลายท่านทีเดียวที่เข้าใจว่าการจัดการความรู้นั้นเป็นตัวทฤษฎี หรือเนื้อหาที่จะต้องมาเล่าเป็นองค์ความรู้ เป็นขั้นตอน เป็นระบบ นำแนวคิดเกี่ยวกับศาสตร์เรื่องนี้มาฉายภาพเป็น slide แล้วอธิบายในรายละเอียด…ซึ่งเป็นรูปแบบ เป็นวิธีการเรียนรู้ในห้องเรียนที่มี “ครู” เป็นผู้สอน และมีนักเรียนหลายคนมานั่งฟัง
สิ่งที่ศิลาพยายามจะสื่อความหมายตั้งแต่ก้าวแรกของการนำเสนอก็คือการดึงวิธีจัดการความรู้ของ “ครู” ออกมาจากตัว “ครู” เอง โดยมองว่าความรู้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัว หากไม่มีก็ค้นคว้าศึกษาให้มีขึ้นมาได้ แต่สารัตถะก็คือ “การรู้” ศักยภาพของตัวตนในตัวเอง เพื่อที่จะดึงความรู้ที่แฝงเร้น (Tacit Knowledge) ออกมาให้ปรากฎเป็นความรู้เชิงประจักษ์ (Explicit Knowledge) ให้ได้
ดังนั้น ศิลาจึงนำ Enneagram (นพลักษณ์) เข้ามาสะท้อนตัวตนของคุณครูทุกท่านที่เข้าร่วมอบรม โดยมีขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้ดังนี้
Step 1 (ช่วงเช้าของวันแรกในการอบรม)
กระบวนการในการเรียนรู้ตัวตนเริ่มจากการเล่าเรื่องเชิงบรรยายเกี่ยวกับศูนย์ใจ สมอง และกาย (สัญชาตญาน) ซึ่งแต่ละศูนย์ประกอบไปด้วย 3 ลักษณ์ (รายละเอียดอยู่ในบล๊อกรู้ตัวเพื่อการพัฒนาจิต) พร้อมกับยกตัวอย่างบุคคลสำคัญที่เป็นที่รู้จักกันดีเพื่อให้เห็นบุคลิกภาพภายนอก แล้วสะท้อนกลับมาที่บุคลิกภาพภายในที่แต่ละลักษณ์ยึดติด
Step 2
การอ่านป้ายข้อความสำคัญของแต่ละลักษณ์ แล้วให้แต่ละท่าน นั่งตามกลุ่มลักษณ์นั้น ๆ แล้วสนทนากันว่าทำไมจึงเข้าใจว่าเป็นลักษณ์นั้น โดยตีความคำสำคัญในแผ่นป้ายข้อความที่ให้ไว้
Step 3
ศิลาเดินไปตั้งคำถาม เพื่อให้แต่ละท่านในกลุ่มสะท้อนตัวตนออกมา ตอบคำถามตามรูปภาพใน slide และตอบคำถามตามโจทย์ที่ตั้งไว้ ผลสรุปคือในภาพรวม ทุกคนยืนยันและยอมรับว่าตนเป็นลักษณ์นั้นด้วยความเต็มใจและดูเหมือนจะภาคภูมิใจที่ “ฉันก็เป็นฉัน” "ฉันได้ค้นพบตัวฉัน" โดยคำตอบในแต่ละภาพ แต่ละโจทย์ที่ตั้ง แต่ละกลุ่มจะตอบแตกต่างกันสะท้อนวิธีคิด การแสดงความรู้สึกทางอารมณ์และการกระทำได้อย่างมีลักษณะเฉพาะของลักษณ์ตน จึงเชื่อได้ว่าทุกคนสอบผ่านการทำความเข้าใจในลักษณ์ตน เนื่องจากสามารถอธิบายตัวเองได้สอดคล้องกับลักษณ์นั้น ๆ
Step 4 (ช่วงบ่ายของวันแรกในการอบรม)
เชิญตัวแทนแต่ละลักษณ์มาสัมภาษณ์เจาะลึก โดยแบ่งเป็น 3 รอบ
รอบแรก เป็นศูนย์ใจ (ลักษณ์ 2, 3 และ 4)
รอบสอง เป็นศูนย์หัว (ลักษณ์ 5, 6 และ 7)
รอบสาม เป็นศูนย์ท้อง (ลักษณ์ 8, 9 และ 1)
แต่ละรอบก่อนการสัมภาษณ์ (Typing Interview) ศิลาจะเปิดเพลงบรรเลงทั้งสามช่วง เพื่อขับกล่อมจิตใจ ปรับโหมดอารมณ์
ผลสรุปคือทุกคนสามารถถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของบุคลิกภาพภายในตัวเองได้อย่างชัดเจน และเห็นความแตกต่างระหว่างตัวเองกับผู้อื่น
แต่ละช่วงตอนของการพูดคุยซักถามวิธีคิด ความรู้สึกภายใน และการแสดงออก ศิลาจะทำตัวเป็นกระจกสะท้อนภาพของแต่ละท่านโดยปราศจากการตัดสินใด ๆ เพียงแต่จะให้แต่ละท่านได้ทบทวนตัวเอง มองเห็นสิ่งที่ผ่านมาในห้วงความคิด ความรู้สึก ซึ่งเป็นการหยุดคิดสิ่งภายนอก ให้ย้อนกลับมามองที่กระบวนการเรียนรู้ภายในตัวเอง เพื่อจะได้มองเห็นศักยภาพตัวตนในการดึงสิ่งดี ๆ จุดแข็งของตัวเองออกมาใช้ โดยมีเป้าหมายที่จะตอบโจทย์ใหญ่ว่า “รู้ศักยภาพตนเอง” แล้วจะนำไปจัดการความรู้ในชุมชนของตนอย่างไร ซึ่งคำตอบนี้แต่ละคนเท่านั้นที่จะตอบได้ เพราะเป็นผู้รู้บริบทในพื้นที่ของตนเอง ศิลาทำได้เพียงเสนอเครื่องมือหาปลา…แต่หากว่าท่านใดจะมาหาปลาจากการถ่ายทอดความรู้ครั้งนี้ (หมายถึงเนื้อหาความรู้ที่จะนำไปใช้ในพื้นที่ตนได้เลย) ศิลาก็ต้องขออภัยอย่างสูงที่ทำให้ท่านที่เข้าใจเช่นนั้น ผิดหวังค่ะ แนวการอบรมของศิลาจะกระตุ้นกลุ่มให้มองกลับมาค้นหาศักยภาพของตนเองเป็นหลัก หากท่านใดมองเห็นก็จะเป็นประโยชน์แต่ตัวเอง เพราะสุดท้ายแล้ว พ้นจากเวทีนี้ไป…ไม่มีพี่เลี้ยงค่ะ…
มิติของการจัดการความรู้ตามความเข้าใจของศิลา จริง ๆ แล้วเป็นการนำสิ่งที่เกิดขึ้นในทางปฎิบัติที่มีอยู่แล้วไปจัดระบบเป็นศาสตร์หรือองค์ความรู้ให้ง่ายแก่ความเข้าใจ แนวคิดทฤษฎีจึงเกิดมาภายหลังการปฏิบัติจริงของเรา… ซึ่งจริง ๆ แล้วเราอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าเราได้จัดการความรู้แก่ชุมชนอยู่เป็นประจำด้วยวิธีที่เนียนไปกับเนื้องานของเรา ด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับบริบทของเรา ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเรา เพราะเราเข้าใจและเข้าถึงชุมชนของเรา…ดังนั้น อย่าไปมองความรู้ที่ไกลออกจากตัวมากนัก สิ่งเหล่านั้นเราจะหยิบมาใช้เป็นเครื่องมือภายหลังหากเราสนใจเรื่องอะไร ก็ค้นคว้าเอาเองได้ จะด้วยการพิมพ์คำที่ต้องการใน google หรือด้วยการถามผู้รู้…นั่นคือเราได้มีฉันทะ การใฝ่รู้ ใฝ่เรียนแล้ว ความรู้ในเรื่องที่เราไม่รู้ก็จะเกิดขึ้นเอง โดยไม่ต้องมีการยัดเยียดทฤษฎีให้ตั้งแต่แรก…จงมองคุณค่าในสิ่งที่มีอยู่ให้เห็น…มองให้เข้าถึงใจเราเอง...
Step 5
ศิลาได้แนะนำการเป็น Blogger ของตัวเองคร่าว ๆ วิธีคิดและวัตถุประสงค์ที่แฝงอยู่ในการทำ Blog เพื่อที่จะเกริ่นนำสำหรับการจัดการความรู้ในการเป็น Blogger ใน G2K ซึ่งคุณพี่ Krutoi จะมาทำหน้าที่เป็นวิทยากรในเช้าวันที่ 3 กรกฎาคม (วันที่สองของการอบรม)
Step 6 (ช่วงบ่ายวันที่สองของการอบรม)
ศิลาอธิบายทฤษฎี Dialogue และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Discussion VS Dialogue จากนั้นก็อธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับ Storytelling
Step 7
จับกลุ่มตามใจชอบ แบ่งเป็น 6 กลุ่ม เพื่อทำ Dialogue ในหัวข้อเรื่อง “การจัดการความรู้ในความหมายใหม่ของฉัน” ภาพรวมที่ปรากฎจะออกมาในลักษณะของสภากาแฟ ที่พูดคุยกันสนุกสนาน ซึ่งไม่ใช่การประชุมที่เคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง หรือการ Discussion …และแม้ว่าจะไม่มี Flow of Meaning ของกระบวนการ Dialogue แต่สิ่งที่ศิลามองเห็นก็คือความพยายามในการค้นหาคำตอบคำว่าการจัดการความรู้ด้วยตนเองของแต่ละท่าน และแต่ละกลุ่มก็มีความตั้งใจในการทบทวนหาคำตอบ
Step 8
ขอให้ตัวแทนแต่ละกลุ่ม กลุ่มละหนึ่งท่านออกมาพูดเล่าเรื่องที่ได้จากการ Dialogue แต่ละท่านจะมีแผ่นข้อความที่เขียนไว้ เตรียมการนำเสนอ…
สิ่งที่ตัวแทนแต่ละกลุ่มสะท้อนออกมาก็คือความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการความรู้ในองค์ประกอบแต่ละส่วนของโมเดลปลาทู (แนวคิดของท่านอาจารย์ประพนธ์)
กล่าวคือกลุ่มหนึ่งจะเน้นเรื่องการมีวิสัยทัศน์ร่วม กลุ่มสองก็จะพูดในเรื่องการบูรณาการศาสตร์ต่าง ๆ การจัดองค์ความรู้เป็นระบบ เป็นขั้นตอน อีกกลุ่มก็จะเสริมต่อยอดกันในลักษณะของการเรียนรู้เป็นทีม มีการยกตัวอย่างวิธีการทำห่อหมกสูตรใหม่ในชุมชม ในขณะที่อีกกลุ่มมองว่า KM ก็คือ MK การทำสิ่งดี ๆ มาใส่ในหม้อรวมกันให้ได้รสชาติที่อร่อย ทานกันอย่างมีความสุข และกลุ่มหนึ่งก็ได้บอกว่าการจัดการความรู้ในเรื่องไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ซึ่งอยู่ใกล้ตัวเรา เพื่อประโยชน์ต่อคนที่ท่านรัก…อันเป็นการจัดการความรู้ในเรื่องที่เราไม่รู้ในลักษณะของการค้นคว้าหาข้อมูล คล้าย ๆ กับการทำวิจัยที่เริ่มจากสนใจตั้งประเด็นปัญหาในสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อน…นอกจากนี้ก็มีบางกลุ่มที่เล่าเรื่องการเรียนรู้โดยให้นักศึกษาเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการเกษตร ซึ่งเป็นการสอนโดยให้ผู้เรียนรู้เป็นศูนย์กลาง แล้วมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซักถามเล่าเรื่องกัน
Step 9
บทสรุปสุดท้าย ศิลาได้นำสิ่งที่แต่ละท่านถ่ายทอดออกมาเชื่อมโยงกับทฤษฎีโมเดลปลาทูของท่านอาจารย์ประพนธ์ แล้วเน้นย้ำว่า KM คือเครื่องมือที่แต่ละท่านมีอยู่แล้ว สำคัญที่การมองสิ่งที่ท่านมีให้เห็น จริง ๆ ลืมพูดไปคำหนึ่งขอเติมตรงนี้แล้วจะส่งบทสรุปนี้ถึงคุณครูกศน. สมุทรสาครทุกท่านด้วยค่ะ คำที่ลืมพูดคือ “เห็นมากกว่าสิ่งที่ท่านมี” นั่นก็คือการดึงศักยภาพตัวตนของแต่ละท่านที่ศิลาสะท้อนให้เห็นในวันแรกของการอบรมออกมาใช้ แล้วหยิบฉวยเครื่องมือต่าง ๆ ใกล้ตัวของท่านออกมาหาปลากันดู ปลาเล็ก ปลาน้อย ปลาซิว ปลาสร้อยก็หากันไป ไม่มีใครรู้ว่าจะใช้เครื่องมืออะไรได้เหมาะสมเท่ากับตัวท่านค่ะ
ศิลาขอกราบขอบพระคุณท่าน ผอ. พยุงศักดิ์ที่กล่าวสรุปปิดท้ายก่อนรับวุฒิบัตรได้อย่างประทับใจยิ่งนัก
ศิลาจับใจความได้ว่าท่านมองเห็นแล้วว่า KM เป็นเครื่องมือที่มีอยู่ในตัวเอง (หากหาเจอ) และวิธีการแสวงหาความรู้ที่สำคัญคือการตั้งโจทย์ และลองค้นคว้า สืบค้น ทบทวนหาคำตอบด้วยตัวเองก่อน ที่จะให้ผู้รู้สะท้อนออกมาให้เห็นโดยเชื่อมโยงแนวทางปฏิบัติที่ท่านทำกันอยู่แล้วกับศาสตร์ที่มีนักคิดสร้างขึ้นมา (ศาสตร์ต่าง ๆ เกิดขึ้นภายหลังจากการมองเห็นแนวปฏิบัติของพวกเรากันเองค่ะ) ซึ่งจะว่าไปแล้ว KM ก็มีผู้นิยามความหมายไว้หลากหลาย มีแนวคิดมากมาย อย่าไปหาข้อสรุปกับนิยามความหมายคำนี้ที่มีความเป็นพลวัตเลยค่ะ...ลงมือปฏิบัติไปเลย Knowledge Sharing... ทำก่อนแล้วจะเห็นเองค่ะ...1+1+1+1+1....Synergy ค่ะ
ศิลาอัดเทปคำพูดอธิบายตัวตนแต่ละคนของทุกท่านไว้ ศิลาเก็บรายละเอียดความเข้าใจใน KM ตามมุมมองของแต่ละท่านไว้ หากครูกศน. ผู้เข้าร่วมการอบรมท่านใดสนใจติดต่อขอรับไปได้นะคะ ศิลาจะประสานงานส่งข้อมูลที่มีอยู่ไว้ที่ท่าน ผอ. พยุงศักดิ์ค่ะ
ความรู้ที่เป็นเนื้อหามีมากมายเรียนอย่างไรก็ไม่จบสิ้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการเรียนรู้วิธีเรียนรู้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ยั่งยืนหรอกนะคะ เพราะหากเรามองเห็นเครื่องมือและรู้จักการใช้เครื่องมือที่เรามีได้อย่างเหมาะสมกับบริบท ก็จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนรู้ของเราและตัวเราเอง... ข้อสำคัญที่สุดคือ Learner Center...โดยการเปิดใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (จะด้วย Dialogue หรือ Storytellng หรือ Interview ก็ดี) แล้วยอมรับน้อมนำสิ่งใหม่ ๆ เข้าสู่ตนจะนำไปสู่การพัฒนาตนเองและผู้อื่นค่ะ
ขอบพระคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
Good Morning ครับ ... ท่านอาจารย์ศิลา ;)
ขออนุญาต "ละสายตา" จากเนื้อหาครับ
ผมมีข้อแนะนำอาจารย์ประการหนึ่ง ไม่ทราบว่าอาจารย์จะโกรธตอนเช้า ๆ ไหม ?
ผมสะดุดที่ คำสำคัญ: ไม่มีใครรู้ว่าจะใช้เครื่องมืออะไรได้เหมาะสมเท่ากับตัวท่าน การเปิดใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ยอมรับน้อมนำสิ่งใหม่ ๆ เข้าสู่ตน ของอาจารย์ครับ
ขออนุญาตอธิบายต่อว่า คำสำคัญ หรือ TAG เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การค้นหาบันทึกนี้พบได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการ "ค้นหาตรงใจ" กับผู้ที่อยากได้รับประโยชน์จากบันทึกที่เขาไขว่คว้า ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านระบบ Search Engine ทั้งหลาย
ดังนั้น คำสำคัญ หรือ TAG คือ Keyword ในการสรุปบันทึกที่มีลักษณะเป็นคำ ๆ หรือคำเฉพาะที่มีการใช้ในบันทึก หรือคำที่เป็นหมวดหมู่สำคัญในบันทึก
เช่นบันทึกนี้ คำสำคัญ น่าจะมี
Storytelling, การจัดการความรู้จากกระบวนการเรียนรู้ภายใน, Enneagram, นพลักษณ์, การฝึกอบรม, Dialogue, KM .... ฯลฯ
เช่นนั้น คำสำคัญจะเพิ่มคุณค่าของงานเขียนอาจารย์ได้มากมาย และทำให้ผู้ที่ใฝ่รู้จากความรู้ของอาจารย์ได้รับประโยชน์อย่างกว้างขวาง ครับ
โปรดให้อภัยผม หากผมก้าวล่วงในระบบการเขียนของอาจารย์
สำนึกผิดครับ ;)
อิ อิ งั้นอาจารย์ อย่าเพิ่งทานข้าวเลยนะครับ ... เดี๋ยวอ้วน 555
สวัสดีค่ะ
ขอใช้สิทธิถูกพาดพิง.....อิอิ.อิ "เชิงประจักษ์" ขอศึกษาด้วยครับ นี่คือชีวิตที่มีคุณค่า ขอให้มีความสุข
เขียนบันทึกเรียงลำดับความคิดได้ดีมากเลยค่ะ และเห็นภาพบรรยากาศที่เกิดขึ้นด้วย เสียดายภาพประกอบไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไหร่ แต่โดยเนื้อหา มีสาระในตัวเอง อยากให้มาจัดอบรมให้ที่สำนักงานด้วย แล้วจะติดต่อไปนะคะ
สวัสดีค่ะพี่ศิลา
กออ่านจบแล้วค่ะ
แต่กอไม่เข้าใจเลย
ไปหาปูน หาทราย หาน้ำ ก่อนน่ะค่ะ
จะเอามาปูพื้นค่ะ อิอิ ไม่มีพื้นฐาน เลยไม่เข้าใจค่ะ
มาให้กำลังใจพี่ศิลาดีกว่าน่ะค่ะ
สู้ ๆ ค่ะพี่ศิลา
เอ .. ทำไม ภาพปลากรอบ เอ้ย ภาพประกอบ ถึงไม่มีภาพของวิทยากรเลยล่ะครับ ... บันทึกนี้ ไม่สมบูรณ์ครับ ผมยืนยัน ;)
อาจารย์ตอบได้ว่องไวมาก แสดงว่า กินข้าวมาเยอะ ใช่ไหมครับ 555
งั้นขอภาพ "มุมด้านหลัง" ดีไหมครับ อิ อิ
แวะมาเยี่ยมพี่สาวคะ...
วันหยุดยาวแบบนี้ขอให้มีความสุขนะคะ...
ด้วยความระลึกถึงเสมอคะ
ว้าว อาจารย์ลงทุน ;) 55
สวัสดีครับอาจารย์ มาเรียนรู้วิธีเรียนรู้...และเพ็ญฝากน้ำพริกปลาย่างมาให้ ..ครับ
ผมอ่านบันทึกนี้ช้า...และชื่นชมไปในแต่ละบรรทัด
นี่คือกระบวนการที่ชี้ชัดให้เราเชื่อว่า ..เราทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งนั่นหมายถึงการเป็นคนที่มีศักยภาพ ทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้าง-หากแต่การสกัดความรู้ออกมาจากตัวเองนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้แต่ละคนได้ใช้ "วิธีการของตัวเอง" เป็นสำคัญ
ผมเองก็เป็นประเภทไม่ติดยึดระบบ กรอบ,ระเบียบ เกี่ยวกับชีวิตและการงานเสียทั้งหมด เรียกว่า "เข้าใจในหลักการ แต่วิถีการคืออีกกระบวนการหนึ่ง..."
การจัดงานในแต่ละครั้งจะย้ำกับทีมงานและนิสิตเสมอว่า "พิธีการไม่เน้น...แต่อยากให้เห็นกระบวนการมากเป็นพิเศษ" ...
.....
วิธีการทุกกระบวนการที่ปรากฏในบันทึกนี้มีองค์ประกอบที่แจ่มชัดมาก ..สำคัญเราต้องไม่ลืมให้แต่ละคนค้นหา "เครื่องมือ" ของการนำพาความรู้ออกมาจากตัวเองให้ได้
ผมเองกำลังชวนทีมงานเขียนคู่มือกระบวนการพัฒนาคน..พัฒนางาน..สานวัฒนธรรมองค์กร
หลายกิจกรรมใช้ได้ดี ..มีนิสิตนำไปใช้ต่อยอดก้หลายเวที เน้นการละลายพฤติกรรมทางความคิดมากกว่าการ "ตีฆ้องร้องเพลง" ...แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงการละวางในเรื่องเหล่านั้น
"จดหมายปริศนา" ...ให้เจ้าหน้าที่พิมพ์เรื่องราวของตัวเอง แล้วหย่อนในตู้ ใครจับได้ไปก็อ่านให้คนอื่นฟัง แล้วร่วมทายกันว่าเรื่องในจดหมายนั้นเป็นเรื่องของ "ใคร" ...สนุกสนาน บางทีก็สัมผัสเรื่องหม่นเศร้า ขุ่นมัวของเพื่อนได้ดี ...เป็นการทดสอบว่า "เราหลงลืมใครไปบ้างหรือเปล่า" ...
นี่ก็เป็นกิจกรรมหนึ่งของการละลายพฤติกรรม และซ่อนนัยสำคัญของการ "เบิ่งมองกันและกัน" ...
.....
ครับ, ผมอาจเล่าเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ นะครับ มีประเด็นบ้างไม่มีประเด็นบ้าง แต่ที่แน่ๆ ...ผมมักส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมสัมมนาบ่อยมาก เสร็จแล้วเขาต้องกลับมาสร้างกระบวนการให้กับคนรอบข้างอย่างต่อเนื่อง-เรื่องเหล่านี้ ได้ประโยชน์มากครับ ฝึกทีมงานได้หลายเรื่อง อย่างน้อยก็กระบวนการของการนำเสนอ นั่นแหละ รวมถึงการฝึกให้เขาสังเคราะห์สิ่งที่ได้ออกมาในรูปสื่อต่างๆ เพื่อแจกจ่ายให้กับคนอื่นๆ
ครับ, ผมเชื่อว่าการจัดการความรู้ คือ กระบวนการของการสำรวจตรวจค้นคุณค่าและความหมายของความรู้และชีวิตของคนเรา เป็นกระบวนการของการชำระตัวตนไปในตัว..บ่มเพาะตัวเอง...ขัดเกลาตัวเอง...และศร้างศรัทธาให้กับตัวเอง
....
ขอบคุณครับ
และคงได้คุยกันอีกรอบ
อาจารย์ศิลาครับ ;) .... อาจารย์โผล่มาตั้ง 3 ภาพแน่ะครับ ;)
ผมนั่งนับอยู่เลย ... หน้าอาจารย์เนียนมาก ๆ ครับ คาดว่า ใช้เวลา Retouch เกิน 24 ชั่วโมงแน่นอนครับ อิอิ
สวัสดีค่ะ
สรุปขั้นตอนได้เยี่ยม ยิ่งกว่าเห็นภาพ ขออนุญาตพิมพ์แจก จะได้เอาไปกระตุ้นต่อมความจำของครูเราอีกทางหนึ่ง ขอขอบคุณที่มอบสิ่งดี ๆ ให้กับครู กศน.สมุทรสาคร จริงแล้วเขามีความรู้ความสามารถมากมาย อีกทั้งเป็นนักประสานตัวยง แถมมีทุนเดิมเป็นคนในพื้นที่ จึงเต็มใจที่จะพัฒนาพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่อย่างจริงจัง แล้วคราวนี้เขาคงนำความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์ไปบูรณาการการบริหารจัดการกับกลุ่มนักศึกษาของเขาได้เป็นอย่างดีส่งผลให้ลูกศิษย์ของเรา ปรับใช้ชีวิตประจำวันได้อย่าง เก่ง ดีและมีความสุข
ชื่นชมคนทำงานเช่นคุณศิลาจังค่ะ มีวิธีคิด วิธีดำเนินการที่ดีมาก กิจกรรมกระบวนการแบบนี้ทำให้ผู้คนได้คิด ได้มองเข้าไปภายในตนเอง และ กลับออกมาเชื่อมโยงกับผู้อื่น สร้างพลังได้เกินคาด การค้นพบและตระหนักในคุณค่า ความสามารถของตนเองจากที่เดิมนั้นตนเองก็ยังไม่เคยมองคุณค่านี้หรือมองตนเองในมุมเช่นนี้ เป็นสิ่งที่จุดประกายให้คนอยากขยายความดีนะคะ
ยึกเลย พิมพ์ผิด ยึด ค่ะ
เหนือคำบรรยายจริง ๆ ค่ะ แต่ละคำล้วนมีข้อสรุปในตัวเอง คงไม่สามารถขยายความไปกว่านี้ได้ สารัตถะคือการนำถ้อยคำของท่านอาจารย์ไปปรับใช้ค่ะ
ขอขอบพระคุณอีกครั้งที่ทำให้บันทึกนี้ ทรงคุณค่าขึ้นมาทันที เสมือนท่านมาให้คำนิยมในบันทึกของศิลาเลยล่ะค่ะ
ขอให้มีความสุขสงบภายใน เดินทางด้วยจิตวิญญาณที่มุ่งมั่น สำเร็จดังตั้งใจค่ะ
สวัสดีครับ
☺ แวะมาอ่าน...ความรู้ใหม่ ๆ...ก้าวหน้าจนตามไม่ค่อยจะทัน...แหะ ๆ
☺ ขอบคุณที่แวะไปเยือน ครับผม
สวัสดีค่ะ พี่อาจารย์ศิลา
วันนี้อาจารย์ขจิตท่านเล่าให้พอลล่าฟังค่ะ
เรื่องการอบรมที่สมุทรสาคร
พอลล่าตกข่าวค่ะ วันนี้ได้มาเรียนรู้แล้วค่ะ
สุดยอดมากๆค่ะ
สวัสดีค่ะ ยาวมากค่ะ พออ่านแล้วโอเคเลยไม่รู้สึกเบื่อ รู้สึกถึงสิ่งที่ได้รับค่ะ
ขอบคุณสิ่งดีดีนะคะ
พี่ศิลาเป็นทั้งคนดี และ ผู้รอบรู้ครับ
แวะมาชื่นชมด้วยใจจริง แะ ที่นำความรู้มาแลกเปลี่ยน
การศึกษาเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้กันทั้งชีวิตครับ
เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านค่ะ
ขอชมว่าน่าสนใจมากๆ
หมอคงต้องไปตามอ่านเรื่องนพลักษณ์เพื่อที่จะเข้าใจมากขึ้นค่ะ