จิตป่วน กายป่วย...!


ชีวิตของ “ผู้ปฏิบัติธรรม” นั้น ถ้าเกิดอาการป่วยร้อยละ 95 เกิดขึ้นเพราะ “ป่วยใจ”

การดำเนินชีวิตบนถนน บนหนทางที่ “ทวนกระแสกิเลส” พวกเราทั้งหลายที่สมมติตนขึ้นมาแล้วใช้ชื่อว่า “ผู้ปฏิบัติธรรม” นั้น ในทุก ๆ วันต้องเจอ ต้องต่อสู้กับอารมณ์อยู่ตลอดเวลา

ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งชอบ ทั้งชั้ง พอใจ ไม่พอใจ ไม่มีก็อยากได้ เมื่อได้แล้วไม่ชอบก็อยากผลักใสไป...
ครั้นเมื่อไม่ได้ตามสิ่งที่ใจปรารถนาก็ขุ่นข้อง หมองใจ
อยากนอนก็ไม่ได้นอน อยากพักก็ถูกเรียกขึ้นมา “ดัด” เมื่อไม่พอใจ คับข้องใจ ก็ “ป่วย...”

การป่วยของผู้ปฏิบัติธรรมจึงเกิดขึ้นมาจาก “สภาวะจิต” ที่ผิดปกติ

หลายครั้งที่เราป่วยเพราะเกิดจาก “ทิฏฐิ มานะ” ไม่ยอมกัน ไม่ลงรอยกัน “คิดมาก” เครียดมาก คิดไป คิดมา เส้นต้นคอตึง เส้นหลังตึง พาลให้วิงเวียนศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน
ถ้ายังรั้น มีทิฏฐิ มานะ ไม่ปล่อยวาง คราวนี้ก็ถึงขั้นเป็นไข้ ได้ป่วย ต้องล้มหมอน นอนเสื่อ...

อาการแห่งจิตที่มัวครุ่นคิดแล้วไม่ได้ตามจิตที่ปรารถนานั้น เปรียบเสมือนการนำตนเข้าไปจมอยู่ใน “ถังขี้”

ถังขี้ที่ทั้งเหม็น ทั้งสกปรก มีแต่เชื้อโรค เมื่ออยู่นานเข้า นานเข้า ร่างกายที่ไม่เป็นอะไร ก็ต้อง “เป็นอะไร...”

เมื่อป่วยด้วยสาเหตุจากอาการแห่งจิตเช่นนี้ วิธีแก้ไขก็คือ “การทำความดี” และ “การเสียสละ”

หลาย ๆ ครั้งที่เราถูกสั่งให้ “หายป่วย”
หลังจากที่นอนซมมาหลายวัน อยู่ดี ๆ เราก็ถูกสั่งให้ลุกขึ้นมา “ทำงาน”

เอ้า... เราป่วยอยู่นะ ทำไมให้เราลุกขึ้นมาทำงานล่ะ....?
ตอนแรกก็งง ๆ แต่ด้วยความเคารพ ศรัทธา ในปัญญาแห่งพระอริยเจ้า เราก็ “ลุกขึ้นสู้”

อ้าว... หายป่วยแล้วนี่หว่า !
หายป่วยไปซะอย่างงั้น
ได้ออกมาทำงาน มาทำความดี มาเสียสละ
ตอนแรกก็เหมือนจะป่วย (เพราะคิดว่ายังป่วยอยู่) พอทำงานไป ทำงานมา “ลืมป่วย” ก็เลย “หายป่วย” ไปโดยปริยาย ( ออกกำลังกาย “คลายป่วย...” )

การให้โอกาส และปัญญาอันชาญฉลาดแห่งจิตนั้นเป็นสิ่งประเสริฐ
จิตนั้นเป็นนาย กายจึงเป็นบ่าว
จิตใจรักษากาย กายนั้นจะดำรงอยู่ได้เพื่อความดี...


หมายเลขบันทึก: 271871เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2009 07:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดี ครับ คุณ

P สุญฺญตา

 

เมื่อวาน ผมแทขยะที่ใส่เศษอาหาร หลังบ้าน ลงถัง ก่อน นำไปทิ้ง

แต่เทพลาดไปหน่อย.....เศษอาหาร หล่นออกนอกถัง  มีตัวหนอนปนอยู่  ด้วยความเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไร

ผมกอบเศษอาหารที่มีหนอนเหล่านั้น ด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วก็เดินไปล้างมือ...เพราะความที่ไม่คิดว่าจะสกปรก...เดี๋ยวเดินไปล้างมือก็หายเหม็น

ใจนี่สำคัญ จริง ๆ เลยนะครับ....เมื่อกำหนดได้

เมื่อคิดว่าไหวน่า...เดี๋ยวก็หาย

ผมเคยปวดหัว  โดยไม่กินยา....คิดว่าเอาน่า!!...เดี๋ยวก็หาย ทำงานจนเพลิน...มันก็หาย จริง ๆ ครับ

เจ้าหนอน...มันไชอยู่ในเศษอาหาร ฉันใด ก็ไม่ต่างกับ สิ่งสกปรกที่คุณ สุญญตา กล่าวถึง ฉันนั้น   ใยเลย จะสาละวนอยู่กับมัน

ผมชอบบันทึกที่คุณเขียนมาก นะครับ

ขอบพระคุณ ครับ

  • สวัสดีครับท่านสุญญตา
  • อาการแห่งจิตที่มัวครุ่นคิดแล้วไม่ได้ตามจิตที่ปรารถนานั้น เปรียบเสมือนการนำตนเข้าไปจมอยู่ใน “ถังขี้”
  • โดนใจจริงๆ ข้อความท่อนนี้
  • รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

จิตป่วน กายป่วย...!

จริงเลย เป็นบ่อยด้วย

มักไม่รู้ตัวด้วยซำ

ต้องตื่น ๆๆ รู้ตัวทั่วพร้อม

กราบสวัสดี

ขี้ตนเองก็เหม็นพอตัวอยู่แล้ว ยังเอาขี้ของคนอื่นมาดมอีกต่างหาก แหม! เรานี่โง่จริง ๆ เลยเน๊อะ

แต่นั่นก็เถอะ รู้นะว่าโง่ แต่ก็ยังทำโง่ ๆ เอาขี้เขามากอด มาดม มาชม มาเชย

เขาพูดคำเดียวแค่นั้นแหละ โอ้โห เอามาคิดเป็นวัน ๆ บางครั้งก็หลายวัน หรือโง่มาก ๆ ก็เก็บมาดมเป็นปี ๆ ถ้าหากโง่จริงก็ต้องโง่ไปจนตาย

จิตของเรามันโง่แบบนี้

หากไม่พลิกเอาเหตุการณ์โง่ ๆ นี้เป็นฐานแห่งการ "ภาวนา" เราก็คงจะต้องโง่ไปอีกนาน

เอ้า "โง่ก็โง่" สู้แบบโง่ ๆ นี่แหละ

ไม่สู้ก็ตาย สู้ก็ตาย

ถ้าสู้กับความโง่แล้วตายก็ให้รู้ไป

โง่เพราะไม่สู้ หรือสู้แบบโง่ ๆ จะเรียกกันอย่างไรก็สู้ไป สู้ไป...

บ่คำฤๅบ่อขี้          บ่อใด
จิตหม่นก็อยู่ใน      บ่อขี้
หากจิตผ่องเมื่อใด  อยู่บ่อ คำนา
มันอยู่ที่จิตนี้          บ่อขี้บ่อคำ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท