✿ล่องแม่ปิง ✿ อิงเรื่องเล่า ✿ปลุกเร้าความฝัน ✿มุ่งมั่นสู่ SHA ✿


การสร้างเสริมสุขภาพผ่านกระบวนการคุณภาพเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

พี่กุ้งกำลังโชว์เสียงหวานๆ ค่ะ

ล่องแม่ปิง

“ดอกบัวตองนั่นบานอยู่บนยอดดอย ....ดอกเอื้องสามปอย บ่อเคยเบ่งบานบนลานพื้นดิน” ฮืม...

เพลงล่องแม่ปิงที่พี่กุ้ง สุธีรา วิทยากรรับเชิญของเรา ในการแลกเปลี่ยนเรื่อง”การดูแลด้านจิตวิญญาณ” ขึ้นมาฮัมเพลงเพราะๆ ทั้งที่เริ่มจะแสดงอาการป่วยไข้ แต่ก็ยังต่ออีกเพลง ”สาวอีสานรอรัก” กลายเป็นเพลงประจำตัวของสาวขอนแก่นไปแล้วค่ะ อิอิ นี่ขนาดไข้ขึ้นยังขอสองเพลง ถ้าสบายดี พี่ท่านคงไม่ยอมลงจากเวทีเป็นแน่ คริคริ

วงดนตรีที่เล่นได้ทุกสไตล์

นักร้องสาวสวย แม่ต้อยขอเพลง สามปอยหลวง จนทำให้นักร้องคิดหนัก เพราะเก่ามากๆ ค่ะ อิอิ

ร้านอาหารเฟื่องฟ้า ที่อยู่ใกล้ รร.เซ็นทรัล ดวงตะวัน เป็นความหลังของแม่ต้อยค่ะ อิอิ

 

กับเวลาสองวัน 25 - 26  มิย. ที่รร.เซ็นทรัลดวงตะวัน ทีมงานของสถาบันฯไปร่วมชง SHA กับ โครงการสร้างเสริมสุขภาพผ่านกระบวนการคุณภาพเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน กับรพ.ชาวภาคเหนือจำนวน 22 รพ. จำนวนกลุ่มมากมายเกินวิทยากรของเราไปเยอะเลยค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ สู้ๆๆ มีรพ.ของภาคกลางหลงมา 1 แห่งค่อ รพร.หล่มเก่าจ.เพชรบูรณ์ ท่านบอกว่าเป็นคนภาคกลาง ขอไปกรุงเทพในคราวหน้า อิอิ ...พอลล่าจัดให้ค่ะ

อิงเรื่องเล่า

ยิ่งทำก็ยิ่งได้เรียนรู้มากขึ้น โดยเฉพาะการเล่าเรื่อง เริ่มจากเรื่องง่ายๆ สบายๆ แล้วนำมาอิงกับมาตรฐาน ซึ่งเป็นวิธีการที่อาจจะย้อนสรจากเดิมที่เรากางมาตรฐานแล้วเขียนวิธีการปฏบิติและการประเมินผลลัพธ์ประกอบมาตรฐานนั้น วันนี้เราให้รพ.ได้เรียนรู้จากเรื่องเล่า สบายๆ เรื่องการดูแลคนไข้ โดยนำ care process มาเป็นแนวทาง วิธีการเล่ามีหลายแบบหลายสไตล์ เล่าแบบไหน ผู้เยี่ยมจะไม่ถามเพิ่มเติม แล้วจะถามอะไรเพิ่ม ขึ้นอยู่กับวิธีการเล่าค่ะ ถ้าเราจะแสดงให้เห็นถึงมิติจิตใจ เราคงต้องเล่าความรู้สึก วิธีคิด ที่มาของเรื่องนั้นร่วมด้วยจะทำให้เห็นมาตรฐานด้านมิติจิตใจเด่นชัดมากขึ้นค่ะ

เช่นการดูแล ผ้ป่วย COPD (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง) ของรพ.แห่งหนึ่ง เล่าว่า  ปัญหา COPD นี้ รพ.มีการทบทวนพบปัญหา การกลับมารักษาซ้ำสูง เสียค่าใช้จ่าย ประกอบกับชุมชนเป็นโรงสีเยอะ และยังมีโรงงานทอผ้า รพ.จึงได้มีการคัดกรองกลุ่มเสี่ยง โดยใช้ spirometer และกลุ่มป่วยได้จัดการดูแลรักษา ตั้งแต่การเข้าถึง จนถึงจำหน่าย บางคนเป็นระยะสุดท้ายจะให้การดูแลระยะสุดท้าย วางแผนการดูแลร่วมกับญาติ  มีการทำงานร่วมกับชุมชนเกิดชุมชนเข้มแข็ง และกำลังจะขยายไปที่ชุมชนอื่น”  

ประเด็นนี้ จึงเกิดคำถาม ในเรื่องมิติด้านจิตใจ โดยอ.เรวดี ให้รพ.เล่าเพิ่มเติม ว่ารู้สึกอย่างไร ได้บทเรียนอะไรบ้าง ขั้นตอนไหนที่ผสมผสานมิติจิตใจ รพ.จึงเล่าต่อในเรื่องการเสริมพลังครอบครัวและชุมชนในการดูแลคนไข้ สามารถโทรมาปรึกษาได้ตลอดเวลา ตลอดจนมีการให้ยืมออกซิเจนไปใช้ที่บ้าน...โดยการเล่านี้แสดงถึงสิ่งที่อยู่ในใจที่เป็นตัวกำหนดการกระทำของเราก็คืออยากให้เขาดูแลตนเองได้ เมื่ออยู่บ้าน โดยทีมมีการประเมินและเตรียมความพร้อมของสิ่งแวดล้อม ประสานอบต.เรื่องค่าใช้จ่ายออกซิเจน และอาชีวอนามัยในการช่วยเหลือปรับสิ่งแวดล้อม และยังมีการติดตามเยี่ยมประเมินผลสองปี ไม่พบการกลับมารักษาซ้ำอีกเลย แล้วยังต่อยอดเรื่องการป้องกันโดยมีโครงการรณรงค์เรื่องการไม่สูบบุหรี่ในวัยรุ่นอีกด้วยค่ะ .... หากจะพูดเป็นภาษาพรพ. ภาษาคุณภาพที่รพ.มักจะบอกว่าเป็นภาษาเทพ ก็คือ core value (ค่านิยมร่วม) ที่อยู่ในใจคนทำงาน ออกมาจากเรื่องเล่าแบบนี้ค่ะ

ถ้าเราจะนำมาเทียบกับมาตรฐานแล้ว เข้าได้หมดเลยค่ะ แต่ที่เด่นๆ เป็นเรื่องกระบวนการคุณภาพมาตรฐานเรื่องความปลอดภัย การดูแลระยะสุดท้าย การทำงานกับชุมชน การดูแลผู้ป่วย เด่นเรื่องการเสริมพลัง การให้ข้อมูล การทำงานเป็นทีม การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพ  สิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ และมีนวตกรรมในการทำงานเชิงรุก ที่ปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เป็นแนวรับ โดยการทำงานร่วมกับชุมชน เป็นต้น

และได้เรียนรู้ว่าการเล่าประกอบกับการ capture ประเด็นสำคัญที่แสดงว่ารพ.มีความเข้าใจในมาตรฐาน  เพื่อเชื่อมโยง core ของมาตรฐาน แสดงให้เห็นว่าเราต้องสมดุลย์ทั้งสองด้าน ด้านความรู้สึกที่เป็น core value และเรื่อง criteria นั่นคือมาตรฐานที่เกี่ยวข้องนั่นเอง

เรื่องเล่าจากคุณหมอน้อง จากรพ.สวนปรุง ที่สะท้อนบริบท (context) ของรพ.จิตเวช ได้ขัดเจน เราคำนึงถึงสิทธิผู้ป่วย การพิทักษ์สิทธิคนไข้ ไม่มีคนไข้คนไหน อยากให้คนอื่นรู้ว่าป่วย การทีมีนักข่าวมากว่ายี่สิบคน เราต้องพิทักษ์สิทธิให้คนไข้ รับฟังและตอบสนองความต้องการสำคัญของคนไข้ก่อน เช่นเรื่องอาหารเช้ามีความจำเป็นสำหรับเขา เราต้องจัดหาให้“

หากมีรพ.ไหน เล่าที่สะท้อนภาพ สามด้านนั้นได้ (Core value Criteria Context) เราเห็นว่า สุดยอดมั่กๆ แล้วค่ะ เรารอท่านมาเล่าอยู่ค่ะ ท่านเล่าเราจะฟังค่ะ อิอิ

ปลุกเร้าความฝัน

ในวันที่สองเราให้ทุกคนร่วมสร้างความฝันในการดูแลคนไข้สำคัญของรพ.โดยใช้ OM เป็นเครื่องมือ พอลล่าได้เรียนรู้ว่า OM เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการฝีนให้ไกลและไปให้ถึง โดยการเปลี่ยนวิธีคิดมุมมองเดิมๆ ทะลายกรอบคิดเก่าๆ ที่เราเป็นคนทำให้ สู่การร่วมทำ ร่วมคิด ร่วมประเมินผล

หากฝันเรายังไม่ไกล ในเรื่องที่เรายังไปไม่ถึง เราจะไม่มีความสุขในการนำเครื่องมือนี้มาใช้ เช่นปัญหาเบาหวาน และเรื่องลดพุงลดเอว(ขออนุญาตนำมาเรียนรู้นะคะ) เหมือนเรามีกรอบคิดว่าเราเคยทำเรื่องนี้แล้ว จะทำต่อ อาจจะทำให้ฝันเราไม่บรรเจิดได้ เรื่องนี้พอลล่าได้เรียนรู้จากกลุ่มว่า...การสร้างแรงบันดาลใจให้กลุ่มคิดทะลายกรอบเดิมต้องใช้ทักษะการฟังเขาและให้เวลา เพื่อเสริมพลังจากสิ่งที่เขาคิด เราควรฟังเขาก่อนตัดสินว่าไม่ถูก ซึ่งเมื่อคุยแล้วพบว่าเขาฝันใหญ่กว่าแต่เขียนออกมาเล็กไปหน่อย อิอิ ...จบลงด้วยดีค่ะ

ในผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นปัญหาระดับชาติแก้ไม่ได้เสียที....เรื่องการตรวจเท้า ซึ่งรพ.นำมาเป็นวิสัยทัศน์ของโรคนั้น อาจจะทำให้ฝันของเราหดสั้นเกินไปไม่ท้าทาย หากคิดใหม่ทำใหม่ ฝันให้ไกล แต่เน้นในสิ่งที่เราจะทำให้ชัดเจน คือพันธกิจ ว่าเราจะทำแค่ไหน อะไรบ้าง โดยการทบทวนบริบทพื้นที่ วัฒนธรรม ปัญหา อุปสรรค ความเสี่ยง ผลงานที่มาเป็นตัวสำคัญในการกำหนดพันธกิจที่เราจะทำ เราจะมองเห็นภาคีที่จะมาช่วยเราทำเรื่องนี้ต่อ ซึ่งจะทำให้เกิดพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ ไม่มีเขา ไม่มีรพ.แต่จะเกิดภาพ “เรา” seamless ไร้รอยต่อของการทำงานด้วยกันระหว่ารพ.ชุมชน ภาคีที่เกี่ยวข้อง

และเป็นหนทางที่เราจะมุ่งมั่นสู่ SHA ได้แน่นอนค่ะ สู้ๆๆๆ

 

 

คำสำคัญ (Tags): #sha#ภาคเหนือ
หมายเลขบันทึก: 271668เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2009 11:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

ทำงานที่เดียวกับเจ๊ผมเลย แต่คนละตึก

คุณพอลล่าขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้บ่อยจังเลยนะครับ   ดีจังเลย

     ผมได้ตรงนี้ครับ

ใช้ทักษะการฟังเขาและให้เวลา เพื่อเสริมพลังจากสิ่งที่เขาคิด เราควรฟังเขาก่อนตัดสินว่าไม่ถูก ซึ่งเมื่อคุยแล้วพบว่าเขาฝันใหญ่กว่าแต่เขียนออกมาเล็กไปหน่อย อิอิ ...จบลงด้วยดีค่ะ

พอลล่า อาการไข้หวัดยังไม่ค่อยดีเลยเมื่อวันที่กลับมาจากเชียงใหม่ ลงจากเครื่องไปฉุกเฉินเลยเพราะไม่ไหวจริงๆ เเต่วันนี้ก็ฟื้นกว่าวันที่ขึ้นเวทีนะ โอ้โฮ กัดฟันเเทบตายกลัวจะไม่รอด เเต่ก็ผ่านจนได้ ดอกบัวตองนั้นบานอยู่บนยอดดอย..ยังได้ ยังได้..ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส เเม่ต้อย พอลล่า น้องออย น้องเเอนกะตาหวาน น้องฐา

สวัสดีจ๊ะ  ล่องไปทั่วแล้วมั้งจ๊ะ  มีความสุขนะคะ

ชอบมาก และทีม ร.พ.สอง แพร่ คุยกันมาในรถตอนขากลับบอกว่า กลับไปต้องรีบชงนะ SHA น่ะ ต้องดื่มร้อนๆถึงจะเป็น SHA คุณพอลล่าคอยเป็นกำลังใจด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะ คุณ P ไวรัสดุ

ยินดีค่ะ ว่าแต่...เจ๊ไหน หรอ อิอิ

แซวเล่นค่ะ

ไวรัสดุจิงหรอ คะ อิอิ

 

ดีจ้า

ไปชง SHA ที่เหนือมาแล้วหรือจ๊ะ

คิดถึงนะจ๊ะ

เรื่องเล่าจากชาวค่ายนะพอลล่า

http://gotoknow.org/blog/spimrote/267239

เร็วๆนี้จะมีค่ายครั้งที่ 4 โดยทีมนำทางคลินิกกุมารเวชกรรม

รอติดตามนะชวนพอลล่าเเละชาว g2k ไว้

พรุ่งนี้เจอกันเด้อ

 

สวัสดีค่ะ ท่านรอง P. small man

ไปมาหมดแล้วค่ะ ประเทศไทย แต่ไม่ได้เที่ยวเลยค่ะ

ทำแต่ง๊าน แต่งาน อิอิ

 

สวัสดีค่ะคนสวย

ชอบก็มาเอาเลยค่ะ

 

 

สวัสดีค่ะ

อยากบอกว่าพี่ติดตามอ่าน เกือบทุกบันทึกของ อ.พอลล่า ชอบมากๆ อยากเขียนบ้างแต่ขอเวลาฝึกฝนก่อนนะคะ

สวัสดีค่ะ

ไปทำงานเชียงใหม่ แล้วก็ได้เที่ยวบ้างหรือเปล่าจ๊ะ

ดูแลสุขภาพบ้างน่ะค่ะ

คิดถึงจัง

สวัสดีค่ะ พี่พอลล่า คิดถึงจัง ที่ปรึกษาตัวน้อย เก็บทุกรายละเอียดจริง ๆ พี่สาวเรา ย้อนอ่านแล้วดีจริง ขอยืมไปอ้างอิงสรุปรายงานการประชุมนะคะ ขอบคุณค่ะ

หวัดดีค่ะ พอลล่า หลังจากเข้าร่วมประชุมที่เชียงใหม่เสร็จก้อรีบมารายงานตัวค่ะ

ขอบคุณทางพรพ.มากนะคะที่คัดเลือกรพ.เชียงคำเข้าร่วมโครงการฯทำให้ทีมที่ไปร่วมประชุมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และรับทราบข้อมูลใหม่ๆเพื่อนำมาใช้พัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลให้ยั่งยืนต่อไป ขอส่งเรื่องเล่ามาร่วมแลกเปลี่ยนด้วยค่ะ

พิการกายแต่ไม่พิการรัก

หญิงสาวนอนอยู่บนฟูกเก่าๆ เอื้อมมือมาดึงขอบกางเกงลงมาให้ต่ำกว่าขอบแผลขนาดใหญ่บริเวณก้นกบของนาง ขอบแผลแดงๆกว้างประมาณ 3 ซม. หญิงสาวอีกคนหนึ่งวัยอ่อนเยาว์กว่านั่งอยู่ข้างๆ กำลังสาละวนเตรียมอุปกรณ์ในการล้างแผล เธอใช้มือขวาจับไม้พันสำลีก้านเล็กๆแตะน้ำยา ค่อยๆป้ายลงบนแผลอย่างเบามือ สีหน้าอิ่มเอมใจต่อสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้า ไม้พันสำลีก้านเล็กๆอันแล้วอันเล่าถูกป้ายน้ำยาแตะลงบนแผลอย่างนุ่มนวล ฉันนั่งมองภาพที่เห็นตรงหน้าด้วยแววตาชื่นชมและส่งยิ้มให้กับหญิงสาวผู้อ่อนวัย

มันอาจเป็นภาพที่พบเห็นได้โดยทั่วไป ถ้าไม่ใช่ว่าหญิงอ่อนวัยกว่าซึ่งมีนามว่าน้องแวว รูปร่างบอบบางผิวเหลือง เวลาก้าวเดินขาข้างหนึ่งจะกะเผลก เนื่องจากเท้าขวาบิดผิดรูป ส่วนมือซ้ายของเธอข้อมือบิดงอ หยิบจับสิ่งของไม่สะดวกอย่างใจคิด ตาสองข้างหรี่เล็กใต้จมูกลงมามุมปากด้านขาวบิดขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงที่ลอดผ่านริมฝีปากอู้อี้ฟังไม่ชัดเจน เธอไม่สามารถเข้าเรียนหนังสือเหมือนเพื่อนๆได้ แต่ก็พยายามฝึกอ่านฝึกเขียนด้วยตนเองพอเข้าใจเนื้อหาได้บ้าง ความพิการนี้เป็นมาแต่กำเนิด ในฐานะพี่สาวคนโตของครอบครัวเธอแบ่งเบาภาระของพ่อและแม่ทุกอย่างที่สามารถทำได้ ตั้งแต่การตักน้ำ ทำกับข้าว และการทำความสะอาดบ้าน

ฉันนึกถึงวันแรกที่ได้รับรู้เรื่องราวครอบครัวนี้จากปากของน้องคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ที่ อบต. ทุ่งกล้วย ทางโทรศัพท์ ขอให้ฉันช่วยมาเยี่ยมบ้านเพื่อให้ความช่วยเหลือในการออกเอกสารรับรองความพิการแก่แม่ของน้องแวว วันนั้นหลังจากรับทราบข้อมูลบางส่วนแล้วฉันนิ่งคิดในใจถึงภาระที่รับปากมาจึงรีบหาข้อมูลเพิ่มเติมจากทะเบียนประวัติการมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาลของแม่น้องแวว “ชื่อนางพันธ์ หน้าตาเป็นอย่างไรนะ มาตรวจที่จิตเวชตั้งแต่ปี 47 เอ๊ะ ทำไมทานยารักษาคอพอกป็นพิษด้วยหล่ะ เอ!!!!ครั้งหลังสุดทางจิตเวชส่งตัวไปรักษาที่สวนปรุง เมื่อ 4 เดือนก่อน ตอนนี้คนไข้อยู่ที่บ้านแล้ว ทำไมเราไม่รู้เรื่องเลย” หลายๆความคิดวนเวียนเข้าสู่สมองของฉัน “คนไข้มีแผลกดทับที่ก้นได้อย่างไรนะ” ประวัติที่ได้มาทำให้ฉันอยากไปหาคนไข้ ณ ขณะนั้น จึงรีบเตรียมของเครื่องใช้และเบิกอุปกรณ์การทำแผลให้พร้อม

ท่ามกลางแสงแดดอันแผดเผายามบ่าย พวกเราเดินลัดเลาะเงาไม้ข้างถนนเข้าซอยไปอีกซักอึดใจก็พบกับบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงบันไดขึ้นบ้าน 5 ขั้น ลักษณะบ้านมีห้องโล่งต่อกับชานบ้าน ซึ่งใช้ไม้ตีเป็นซี่ๆด้านขวาของตัวบ้านติดกับบันไดต่อเป็นเพิงไม้ หลังคามุงด้วยหญ้าคาใช้ไม้แผ่นเล็กแผ่นน้อยตีปะไว้ทั้ง 4 ด้าน มีประตูเปิดเข้าไปจากภายนอกล็อคกุญแจไว้ ฉันมองลอดฝาที่แตกเข้าไปภายใน มีหญิงวัยประมาณซัก 40 นอนอยู่บนฟูกกลางห้อง ใส่เสื้อยืดคอกลมสีมอๆ สวมกลางเกงวอร์มสีเขียวเก่าๆ ฉันส่งเสียงเรียกเข้าไปภายในห้อง “พันธ์ ขอหมอเข้าไปข้างในหน่อยนะ” เสียงตอบกลับมา “หมออย่าเพิ่งเข้ามาตอนนี้ ยังไม่พร้อมรอก่อน” ฉันแอบสังเกตจากรอยแตกที่ฝาบ้านเงียบๆ เห็นผู้ป่วยลุกนั่งบนที่นอนและกำลังสาละวนกับการใช้แป้งฝุ่นปะหน้าและใช้ลิปสติกทาปากอยู่ รอซัก 2 นาทีก็มีเสียงอนุญาตให้เข้าไปได้ ภายในห้องเล็กๆนี้ นอกจากฟูกที่นางพันธ์ใช้นอนกับหมอนใบเล็กๆที่มองไม่ออกว่าลวดลายที่ปรากฎนั้นเป็นอะไรแล้วก็ไม่มีสิ่งของใดๆอีกเลย กลิ่นอับๆลอยมาเตะจมูกของฉัน ภายในห้องจะมีเพียงแสงที่ลอดผ่านรอยแตกเข้าไปภายใน จะสว่างมากหน่อยตอนที่เปิดประตูเท่านั้นในห้องไม่มีแม้หน้าต่างซักบานเดียว นางพันธ์มีแววตาสดใสเมื่อเห็นทีมเราไปเยี่ยม การพูดจายังหลงคิดว่ามีเจ้าเข้าทรงอยู่ในร่างของนาง บางครั้งก็ร่ายรำไปมาปากก็พูดถึงการรำแก้บน ฉันและทีมเยี่ยมบ้านรอจนหล่อนร่ายรำเสร็จ จึงขอดูแผลที่ก้นเพื่อทำแผลให้กับนาง โดยครั้งนี้ฉันเตรียมอุปกรณ์ทำแผลมาเผื่อ เพื่อสอนให้น้องแววได้ทำแผลให้แม่ของเธอต่อไปอย่างต่อเนื่องทุกวัน

ฉันเริ่มทำแผลให้ผู้ป่วย ขอบแผลค่อนข้างกว้างมีเนื้อสีขาวซีดๆอยู่รอบๆแผล ฉันทำแผลไปพร้อมกับสอนน้องแววถึงวิธีการทำความสะอาดแผล และพูดคุยให้กำลังใจเธอ ชมเชยเมื่อเธอสามารถทำได้ตามที่ฉันสอนและย้ำถึงความสำคัญของการกินยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อาการของแม่ดีขึ้น เธอรับคำอย่างหนักแน่นแก่ฉันว่าจะดูแลแม่อย่างดี ฉันเห็นแววตามุ่งมั่นคู่นั้นแล้วก็สบายใจ สัญญากับเธอว่า พรุ่งนี้จะกลับมาเยี่ยมอีก

เมื่อกลับมาถึงโรงพยาบาลฉันรีบสรุปผลการเยี่ยมบ้านร่วมกับทีม ผู้ป่วยมีอาการทางจิตร่วมกับโรคคอพอกเป็นพิษมาประมาณ 5 ปี เมื่อ4 เดือนที่แล้วโรงพยาบาลเชียงคำส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลฝ่ายจิตแต่ทางโรงพยาบาลที่ส่งตัวไปรักษาไม่ได้ให้ยารักษาโรคคอพอกเป็นพิษให้แก่ผู้ป่วยจนอาการทรุดหนักไม่สามารถลุกเดินได้จนเกิดแผลกดทับที่ก้นค่อนข้างลึกโรงพยาบาลฝ่ายจิตจึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลฝ่ายกายรักษาจนอาการเริ่มดีขึ้นสามารถลุกเดินไปไหนมาไหนได้แต่ยังคงมีแผลที่ก้นอยู่ร่วมกับอาการทางจิตยังมีหูแว่วและประสาทหลอนทานยาไม่ต่อเนื่อง เมื่อกลับมาอยู่ที่บ้านอาการทางจิตของผู้ป่วยเป็นมากขึ้นเดินไปเรื่อยเปื่อยไม่สามารถหาทางกลับบ้านเองได้ สามีจึงตัดสินใจขังไว้ในกระต๊อบข้างบ้านให้ลูกสาวดูแล เพราะตัวสามีเองต้องออกไปรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ทางทีมเยี่ยมบ้านได้ร่วมกันวางแผนการดูแลช่วยเหลือครอบครัวนี้กันอย่างเต็มที่และนัดกันว่าบ่ายวันพรุ่งนี้เราจะออกไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วยอีกครั้ง

บ่ายวันนี้อากาศยังคงร้อนแรงเช่นเดิม ฉันปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากเมื่อเริ่มเดินฝ่าเปลวร้อนๆของแดดยามบ่าย วันนี้ฉันได้พบกับสามีของนางพันธ์ “ลูกผมบอกว่า วันนี้หมอจะมาเยี่ยมบ้าน ผมก็เลยไม่ไปทำงานรอพบกับหมอครับ” เขารีบกระวีกระวาดกล่าวต้อนรับทีมเรา แล้วพาไปพบนางพันธ์ที่ห้อง สีหน้าแววตาผู้ป่วยยังคงสดใสเช่นเดิม ฉันเริ่มลงมือทำแผลให้แก่ผู้ป่วย ในครั้งนี้ฉันเตรียมกรรไกรตัดเนื้อและหัวขูดเนื้อตายไปด้วย เพื่อเลาะเอาเนื้อสีขาวๆที่ขาดเลือดไปเลี้ยงออกมาจากแผล จนเห็นเลือดสีแดงๆปริออกมารอบๆแผล ฉันบอกน้องแววว่า “ต่อไปทำแผลทุกวันนะ แผลใกล้จะหายแล้ว” เธอรับคำ ฉันกล่าวชื่นชมเธอที่ดูแลแม่เป็นอย่างดี เมื่อเราทำแผลเสร็จก็ออกมานั่งคุยกันบริเวณแคร่ไม้ถัดจากห้องของนางพันธ์ การมาเยี่ยมบ้านครั้งนี้ฉันเริ่มมองเห็นผังครอบครัวของผู้ป่วยได้ชัดเจนขึ้น สามีผู้ป่วยคือลุงสิทธิ์ อายุ 43 ปี รูปร่างกำยำผิวคล้ำกร้าน จากการทำงานกลางแจ้งตลอด ลุงสิทธิ์เล่าว่า ต้องออกไปทำงานรับจ้าง เพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว ลูกชายคนโตเข้าไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ นานๆทีก็ส่งเงินมาให้ทางบ้านครั้งละไม่มากเนื่องจากค่าใช้จ่ายทางโน้นก็มากโขอยู่ ส่วนน้องแววเป็นลูกสาวคนกลาง ซึ่งถึงแม้ร่างกายจะพิการก็สู้ชีวิต พยายามช่วยเหลืองานทางบ้านทุกอย่างที่พอช่วยได้เพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัว ตอนนี้ได้รับเบี้ยผู้พิการจากทางอบต. ทุ่งกล้วยเดือนละ 500 บาทและลูกชายคนเล็ก อายุ 9 ปีกำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ลุงสิทธิ์บอกให้ฉันฟังว่าบางครั้งหมอที่โรงพยาบาลนัดให้พานางพันธ์ไปตรวจแต่ไม่มีเงินค่าเหมารถก็ผิดนัดอยู่บ่อยๆทำให้การทานยาไม่ต่อเนื่อง ฉันรับปากกับลุงสิทธ์ว่าคราวหน้าหากไม่สามารถไปตรวจตามนัดได้ให้ลุงสิทธิ์ประสานกับทางสถานีอนามัยเพื่อติดต่อรับยามาให้ผู้ป่วยที่บ้าน ลุงสิทธิ์มีสีหน้าแจ่มใสขึ้นทันทีและรับปากจะดูแลภรรยาอย่างดีตามคำแนะนำของฉัน และย้ำให้ลุงสิทธิ์รีบนำเอกสารรับรองความพิการที่ฉันเตรียมมาให้ไปติดต่อทำบัตรผู้พิการเพื่อขอรับเบี้ยผู้พิการจากทางอบต. ต่อไป

หลังจากนั้นอีก 2 สัปดาห์ ฉันได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยอีกครั้ง ในการไปครั้งนี้ฉันได้พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ฉันเห็นนางพันธ์กำลังถูบ้าน หน้าตามีเลือดฝาน ผมเผ้าสะอาดสะอ้านเสื้อผ้าที่สวมใสมีกลิ่นหอมและยังคงรักสวยรักงามเหมือนเดิม แผลที่ก้นหายแล้ว ฉันได้พูดคุยกับผู้ป่วยถึงอาการทั่วไปการรับรู้เป็นปัจจุบันพูดคุยถามตอบเป็นปกติและไม่มีเสียงแว่วอีก นางพันธ์พูดกับฉันว่า”ขอบคุณหมอมากๆที่มาให้ชีวิตใหม่กับฉัน ต่อไปนี้ฉันจะดูแลตนเองและไปตรวจตามหมอนัดทุกครั้ง” ไม่ต้องบอกความรู้สึกว่าฉันดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นภาพนั้น

สวัสดีค่ะ พี่กุ้ง ที่รัก P สุธีรา

ต้องชื่นชมในความใจเด็ดของพี่ค่ะ สู้จริงๆ พอลล่านับถือน้ำใจของพี่สุดๆ ค่ะ

นอนพักเยอะๆ ดื่มน้ำ ทานยา แล้วมาพบกันอีกนะคะ อิอิ

สวัสดีคะ พี่ครูป้อม.. P KRUPOM

ขอบคุณนะคะ

คิดถึงพี่เสมอค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณ ไม่มีรูป. kumfun

อิอิ รออ่านของรพ. สองนะคะ สู้ๆๆ

อยากเขียนบ้าง อยากเล่าบ้างแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดีค่ะ

ทำไงดีคะ

สวัสดีค่ะ คุณเด็กน้อย ไม่มีรูป. เด็กน้อย

ใครหรือคะ เปิดเผยตัวนิดนึงค่ะ

พอลล่าจะได้บอกให้ถูกคน อิอิ

ยังไม่มีบล็อกเลย

ทำบล็อกก่อนนะคะ แล้วเพิ่มบันทึกค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณพี่แดง P. แดง

ดอกไม้งามเหมือนน้ำใจเจ้าค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะน้องสาว...

พี่แดงรอดูดอกไม้ของพอลล่านะคะ

คิดถึงนะคะ...ตอนนี้พี่แดงฟ้งเพลงเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่...ป้าง...เพราะมากๆ

สวัสดีค่ะ พี่แดง P. แดง

เพลงนี้พอลล่ายังไม่เคยฟังเลยค่ะ

ต้องลองไปฟังบ้างแล้วค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท