วันนี้ (26 มิ.ย.52) ได้เข้าฟัง Professor จากญี่ปุ่น คือ Dr.Yuko Takeda, M.D.,Ph.D.FACP จาก Mie University, Faculty of medicine, Department of Community Medicine ท่านได้บรรยายในประเด็น Quick Overview of Health Care System and Medical Education in Japan. ท่านเล่าประเด็นความเป็นมาของวิวัฒนาการทางการแพทย์ในประเทศญี่ปุ่นว่ามีการแพทย์แผนต่าง ๆ ได้ทยอยเข้ามามีบทบาทต่อระบบการแพทย์ของประเทศโดยเริ่มบอกว่าในช่วงศตวรรษที่ 5 ก็จะเป็นการแพทย์แบบความเชื่อในเกี่ยวกับเรื่องหมอผี/คนทรงเจ้า หรือ shamanism คล้าย ๆ กับบ้านเรา และบ้านเราก็ยังมีให้เห็นจนทุกวันนี้ ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 6-16 ซึ่งยาวนานมากก็เป็นการแพทย์แผนจีน (Chinese Medicine) ต่อมาก็เป็นการแพทย์แผนดัช (Dutch Medicine) ซึ่งตอนนี้เริ่มคบค้าสมาคมกับชาวฮอลแลนด์ ในยุคนี้จะเริ่มมีแพทยศาสตร์ศึกษาขึ้นที่ญี่ปุ่น (คลิ้กอ่านรายละเอียดต่อได้ที่นี่) ซึ่งถือว่าเป็นช่วงสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางด้านการแพทย์ และในช่วงเวลาต่อ ๆ มาก็มีการรับเอาแบบแผนทางการแพทย์จากหลาย ๆ ประเทศทั้งเยอรมัน รวมถึงอเมริกา ซึ่งเป็นไปตามแนวของการแพทย์กระแสหลักเช่นเดียวกับประเทศไทย สำหรับในปัจจุบันระบบการเรียนการสอนของโรงเรียนแพทย์จะคล้ายกับประเทศไทยมากที่สุด คือหลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาแล้วจะเรียนแพทย์ 6 ปี ซึ่งช่วง 2 ปี ก็จะเป็นการเรียนรู้ในหลักวิชาพื้นฐานทั่วไป และใน 4 ปีหลังก็จะเรียนวิชาแพทย์ จบ 6 ปี สอบใบอนญาตวิชาชีพเวชกรรมก็จะเป็นแพทย์รักษาคน จากนั้นก็จะมีการเรียนต่อในสายเฉพาะทางประมาณ 2 ปี และมีการจัดการเพิ่มทักษะในกลุ่มสายที่ชำนาญสายเดียวกันต่อไป
สำหรับในประเด็นนี้ผมมีคำถามสำคัญเกิดขึ้นคือท่ามกลางการไหลเข้าของระบบการแพทย์แผนต่าง ๆ จากภายนอก ชาวญี่ปุ่นเขายังคงรักษาแบบแผนของการแพทย์พื้นบ้านให้คงอยู่ได้อย่างไร ไม่ได้จังหวะถามจึงมาค้นเพิ่มเติมภายหลังได้ว่า การแพทย์พื้นบ้านที่เป็นการดูแลกันเองของชาวญี่ปุ่นจะฝังลึกอยู่ในวัฒนธรรม และชาวณี่ปุ่นจะจงรักภักดีในวัฒนธรรมของตนเองสูงมากดังตัวอย่างงานวิจัย Use of Alternative Folk Medicine by Hepatoma Patients and the Associated Factors. นี้
สำหรับในประเด็นรายละเอียดอื่น ๆ ที่ได้ฟังบรรยายวันนี้ก็เลือกเอามาเฉพาะประเด็นที่เกิดคำถามขึ้นเช่น คนญี่ปุ่นมีความครอบคลุมของหลักประกันสุขภาพของวัยแรงงานเพียง 70% ส่วนวัยอื่น ๆ ก็ประมาณ 80-90 % หากเมื่อเปรียบเทียบกับคนไทยประเด็นนี้ของเราจะสูงกว่ามาก เพราะเกือบ 100% ความสงสัยคืออย่างประเทศญี่ปุ่นทำไมยังมีคนไม่สามารถเข้าถึงหลักประกันสุขภาพได้ ส่วนที่เป็น Gap นั้น เขาอยู่ตรงไหน และเป็นปัญหาของเขาหรือไม่ ทำไม professor จึงบรรยายผ่านไปแบบไม่มองเป็นปัญหา ก็ได้คำตอบว่าส่วนหนึ่งนั้นพึงพอใจที่จะแสวงหาบริการเองเมื่อจำเป็น ซึ่ผมก็ยังมองว่าเป็นปัญหาอยู่ดี เพราะการมีหลักประกันสุขภาพมันคนละส่วนกันกับการตัดสินใจเลือกใช้บริการยามเมื่อจำเป็น ตรงนี้ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจ
มาถึงประเด็นสำคัญตามที่ขึ้นหัวเรื่องไว้ คือคนญี่ปุ่นจะมีอายุยืนมากว่าคนไทยประมาณ 10 ปี และดีกว่าอเมริกาเมื่อเปรียบเทียบกัน อเมริกาใช้ปัจจัยนำเข้าด้านสุขภาพสูงกว่าประเทศใด ๆ สูงกว่าประเทศญี่ปุ่นเป็น 10 เท่า แต่ไม่ได้ทำให้คนของประเทศเขามีผลลัพธ์ทางสุขภาพดีกว่าประเทศอื่นเลย มาถึงประเด็นที่บอกว่าการที่คนญี่ปุ่นมีอายุยืนกว่าคนไทย ลองมาดูผู้สูงอายุของเขาจะเข้าไปอยู่ใน nursery ซึ่งตามศัพท์แปลว่าสถานที่รับเลี้ยงเด็ก และบ้านเราก็ใช้รับเลี้ยงเด็กจริง ๆ ส่วนที่ญี่ปุ่นเขาใช้เลี้ยงดูผู้สูงอายุ โดยเฉพาะการที่คนญี่ปุ่นเอาจริงเอาจังกับหน้าที่การงานด้วยแล้วเวลาสำหรับผู้สูงอายุจึงหายไป ผู้สูงอายุในบ้านเราจึงน่าจะมีความสุขกับช่วงเวลาที่เหลือดีกว่าแม้เวลาจะสั้นกว่าผู้สูงอายุญี่ปุ่น ตรงนี้คงต้องวัดกันด้วยปีที่เหลืออย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี (QoL: Quality of life) ดีกว่าวัดที่การมีอายุยืนอย่างเดียว
เคยได้มีโอกาสถามผู้สูงอายุ แต่ถามแบบพูดคุยกันโดยทั่วไปว่าที่บอกว่ามีความสุข มีความสุขยังไง คำตอบคือมีความสุขที่ได้เลี้ยงหลาน มองว่าคำตอบนี้มีนัยให้ขบคิดเยอะมากสำหรับวิถีคนไทย การได้เลี้ยงหลานและเฝ้ามองการเจริญเติบโต การได้อบรมสั่งสอนหลานด้วยตัวเอง ซึ่งลูกได้นำมาฝากไว้ก่อนไปทำงาน เย็นมารับกลับ หรือบางคนกลับมาเยี่ยมเป็นที ๆ ใช่จะเป็นภาระหรือจะเป็นสิ่งเติมเต็มความสุขของท่านในปั้นปลาย ยังน่าคิดน่าศึกษาอยู่อีกมากครับ
การเลี้ยงหลาน เด็กมีความน่ารักสดใส ต่อชีวิตให้คนสูงอายุค่ะ
แล้วอีกอย่างหนึ่งเด็กเป็นวัยที่ต้องเรียนรูชอบพูดคุยด้วยค่ะ คนสูงอายุก็มีเรื่องเล่าดี เด็กๆก็ชอบค่ะ
สวัสดีครับคุณ berger0123
สวัสดีครับคุณพี่ไก่...กัญญา
ท่านอาจารย์ชายขอบ ภาพคุ้นๆ ที่ทำงาน JJๆ ไม่เห็น ส่งข่าวเลย
สวัสดีครับอาจารย์หมอ JJ
สวัสดีคะ พี่ชายขอบ
อยากแลกเปลี่ยนด้วย 2 ประเด็นคะ
สวัสดีครับคุณก้ามปู
อาจารย์ คุณภาพชีวิตและระบบบริการการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังในญี่ป่นและสิทธิสำหรับผู้พิการหรือด้อยโอกาสในสังคมของญี่ป่น ตรงประเด็นนี้เขามีมาตรฐานในการดูแลหรือสวัสดิการ ให้กับกลุ่มเหล่านี้แบบไหน และการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนกลุ่มนี้ เช่นระบบการดูแลสุขภาพเชิงรุก ประเด็นนี้หลักประกันสุขภาพของญี่ปุ่นเขาคิดค่ารักษาอย่างไรบ้างค่ะ
สวัสดีครับคุณเพื่อนไก่
ชอบมากครับ ข้อคิดที่ควรศึกษาและน่าขบคิดสำหรับการพัฒนาสภาพความสุขของบั้นปลายชีวิตกับการได้เลี้ยงดูหลานสักคน...อีกมุมนึงที่น่าศึกษาจริงๆ ขอบคุณบันทึกดีๆและเป็นกำลังใจสำหรับการทำงานบนวิถีคิดดีๆๆครับอาจารย์
สวัสดีครับคุณเสียงเล็ก ๆ
สวัสดีคะ
เข้ามาอีกครั้งเพื่อขอบคุณสำหรับคำแนะนำคะ "หากพูดถึงตัวไหน ก็ให้ fixed ตัวอื่น ๆ ให้นิ่งเสียก่อน" ตรงนี้ละคะที่ก้ามปูต้องพัฒนาคะ แต่ยังมีข้อข้องใจในประเด็นผู้สูงอายุ ค่อยเข้ามาคุยต่อนะคะ
สวัสดีครับคุณก้ามปู