กะลาสีเรือจำเป็น .. ตอน ล่องลอยตุ๊บป่องกลางอ่าวไทย [พาเที่ยว เฉพาะกิจ]


ระบบเน็ตเวิร์คบนเรือเดินสินค้าขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับระบบโทรศัพท์ดาวเทียม

ผู้เขียน / ภาพทั้งหมดโดย : ไวรัสดุ  20 มี.ค. 51
สถานที่ถ่ายทำ : เกาะสีชัง  ชลบุรี

บทความนี้คัดลอกมาจาก www.pantip.com 
ห้อง ไร้สังกัด  กระทู้ที่ M6440159

© สงวนลิขสิทธิ์ทั้งบทความและภาพตามกฎหมาย
ห้ามคัดลอกไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม

 

ทริปนี้  ไม่เชิงไปเที่ยวเต็มที่พอดีไปธุระ บนเรือพาณิชย์ ขนส่งสินค้าขนาดใหญ่
ซึ่งจอดลอยลำอยู่กลางท้องทะเล บริเวณอ่าวอุดม  แถวๆ เกาะสีชัง ชลบุรี

เริ่มต้นเดินทาง  ออกจาก กรุงเทพฯ  ด้วยรถตู้ที่เขาจัดมารับ บริเวณ ซอยชิดลม

มุ่งหน้าสู่บางนา-ตราด  หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้เรื่องแล้ว
zzZzzz หลับยาวมาจนถึงท่าเรือดังกล่าว

จากรถ ก็ต่อด้วยเรือเร็ว โต้คลื่น ตู้มๆ ! นั่งนิ่งๆ ไม่ได้เลย


ที่ต้องนั่งเรือเร็ว  เพราะเรือทอดสมออยู่กลางทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งราวๆ 7-8 ไมล์ทะเล

 

จากรูปด้านบน  เป็นเรือบรรทุกแก๊ส LPG ที่ผ่านเฉยๆ  ไม่เกี่ยวกับเรือที่กำลังจะไป

เมื่อมาถึงแล้ว  ก็ปีนป่ายบันได ขึ้นเรือ  แลกบัตรเพื่อความปลอดภัยของเรือ
จากนั้นเข้าพบกัปตัน

กัปตันให้พักที่ห้องพักแห่งนี้

แบบว่า เย็นสุดๆ คืนนี้หลับสบายแน่ๆ ตรู

มองทางหน้าต่างที่ห้องพัก

เป็นมุมที่เห็นหัวเรือ  และเห็นการขนถ่ายสินค้า  ที่กำลังทำงานอยู่
เรือนี้มีเครนขนาดใหญ่ 4 ตัว

ข้างล่างก็เป็นห้องเก็บสินค้า  บรรทุกได้ปริมาณมากๆ

สินค้าที่นำเข้ามา  เป็นปุ๋ยยูเรียสีขาวๆ ที่นำเข้ามาจากประเทศหนึ่งในตะวันออกกลาง

วิธีการขนถ่าย  ก็ใช้เครน กับมือตัก ดังในภาพ  ถ่ายใส่เรือที่มารอรับ

มูลค่าการขนส่งใแต่ละเที่ยวก็ราวๆ หลายร้อยล้านบาท

เมื่อคืน  ไปนั่งดูลูกเรือตกหมึกกันอย่างสนุกสนาน  ผมเองอยากตกบ้าง
แต่ไม่มีอุปกรณ์

พอคืนที่สอง เริ่มตีซี้กับพี่พ่อครัว

ได้ลองตกกับเขาบ้าง

ผมตกได้ 3 ตัว  แล้วก็ให้พี่พ่อครัว


ในภาพเป็นน้องหมึกตากแห้ง

ธุระ ที่ผมต้องไปลงเรือ  ก็เกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์คบนเรือนี่แหละครับ
ยังมีเรืออีกหลายลำที่ต้องไป  ทั้งใน และต่างประเทศ
และบางลำ ก็คงต้องเดินทางไปกับเรือด้วย

มาดูภาพต่อนะครับ


ทุกเช้าผมต้องตื่นมาประมาณ 6 โมงเช้า เพื่อออกมาสูดอากาศดีๆ
และเตรียมตัวรับประทานอาหารเช้า ซึ่งเขากำหนดเวลาให้เริ่มรับประทานได้ตอน 7 โมงเช้าครับ

อากาศกลางทะเลยามเช้านี่  มีหมอกลงนิดๆ คลื่นลมสงบ

สักพักพระอาทิตย์ ก็เริ่มทอแสงออกมา หลังจากแอบผมอยู่ข้างหลังเมฆมานาน

ถ่ายภาพได้สักพัก  ก็ได้เวลาเดินไปยังห้องอาหาร

ห้องอาหารมีอยู่ 2 ห้อง  คือห้องของลูกเรือที่เป็นช่าง และคนงาน  กับห้องอาหารสำหรับกัปตัน และต้นกล ต้นเรือ

ผมได้มีโอกาสรับประทานอาหารในห้องที่สอง

ซึ่งอาหารก็จะเยอะ และอร่อย (บางลำที่เคยขึ้นก็ไม่อร่อย)

อาหารในแต่ละมื้อ ถือได้ว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งของผม

นอกจากอร่อยแล้ว  ยังมีปริมาณที่เยอะ  ซึ่งผมเบิ้ลทุกมื้อ

ที่สำคัญ คือ กินฟรี!

ผมคุยกับพี่ห้องครัวว่า ทำไม ไม่มีอาหารทะเลบ้าง

ทุกมื้อได้กิน เนื้อ ไก่ หมู และผัก

พี่พ่อครัวบอกว่า  อาหารทะเลในประเทศเรามีราคาแพง
(แสดงว่านอกจากหมูแพงแล้ว อาหารทะเลแพงกว่าอีก  ท่านนายก พิจารณาเองก็แล้วกันนะ ขนาดคนอยู่กับทะเลยังกินเนื้อสัตว์มากกว่าอาหารทะเลอีก)

พี่พ่อครัวบอกต่อว่า  อาหารทะเลส่วนมากจะไปซื้อแถบๆ ประเทศอินเดีย

รวมถึงการตกหมึกด้วย  ในบ้านเราหมึกตัวเล็ก  ตัวประมาณ 1 คืบ
แต่หมึกแถบๆ อินเดีย และตะวันออกกลาง  ตัวเล็กๆ ก็แค่ศอก!

ในห้องอาหาร จะมีกระดิ่ง

หากต้องการจะเอาอะไร
เพียงแค่สั่นมัน  เดี๋ยวพ่อครัวจะมาครับ

เมื่ออิ่มหนำ  ก็ต้องมีสำราญ

นี่เลย  ต้องมาคาราโอเกะ กับพี่แดนบีมซะหน่อย

ที่เรือแห่งนี้  มีความสำราญจริงๆ เพราะมีทั้งหนัง  ทั้งคาราโอเกะ
และยังมีเครื่อง Play Station 2 และ 3 เล่นอีกด้วย

บางทีลูกเรือก็จัดแข่งเกมฟุตบอลกัน

และทุกครั้งที่เรือเสร็จสิ้นภาระกิจ การขนส่งสินค้ากัปตันวัยหนุ่ม ก็จะจัดงานเลี้ยงให้ลูกน้องได้เฮฮากัน

ผมถามพี่ช่างไฟ ลูกเรือคนหนึ่งว่า
"จริงหรือไม่ ที่ภรรยาของลูกเรือ จะมีชู้  เพราะ ลูกเรือต้องออกทะเลเป็นเวลานาน"


"จริงนะ ลูกเรือบางคนวซื้อบ้าน ซื้อรถให้ ก็ยังมัดใจไว้ไม่ได้  พอรู้ว่าเมียมีชู้ รับไม่ได้ก็กระโดดลงทะเลตาย และหายสาบสูญ" พี่ช่างไฟตอบ


ผมว่า อันนี้ ก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายหญิงด้วยนะ  ได้เมียดี ก็ดีไป

แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผมมองว่า ใครได้เป็นเมียลูกเรือ ก็ดีตรงเรื่องเงินที่จะได้รับอย่างมาก
เพราะคนเรือส่วนใหญ่เงินเดือนเยอะ หลักหมื่น ถึงแสนบาทกว่าๆ แถมมีค่า OT ค่าเที่ยว และอื่นๆ อีก

ชีวิตบนเรือก็กินฟรี อยู่ฟรี  เที่ยวก็ไม่ได้ ยกเว้นจะขึ้นฝั่ง  เงินเดือนก็โอนเข้าบัญชีทุกเดือน

เรียกว่ารับมากกว่าจ่าย

อย่างเรือลำนี้ที่ผมไป 2 เดือนก็กลับประเทศไทย 1 ครั้ง  ส่วนบางลำก็ราวๆ 4-6 เดือน ก็ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ต้องเดินเรือนะครับ


ชีวิตบนเรือ ก็แสนสนุก  ถึงแม้ระยะเวลาสั้นไปนิด เพียง 3 วัน 2 คืน
แต่ก็อิ่ม และสนุก

วันที่ 19 มีนาคม ก็ได้เวลา ปีนป่ายลงจากเจ้าเรือใหญ่

แล้วก็นั่งเรือเร็วที่มารอรับ

โบกมือบ้ายบาย

มุ่งหน้าขึ้นฝั่ง
และกลับสู่กรุงเทพมหานคร

แต่ชีวิตบนเรือยังไม่จบเพียงเท่านี้ครับ
มีอีกแน่ๆ  เพราะต้นเดือนหน้า ก็จะไปลอยลำแถบๆ สีชังอีกครั้งกับเรือลำใหม่

กลางเดือนเมษายน ก็ไปลอยลำถึงโฮจิมินต์ เวียดนาม

และลำอื่นๆ กับประเทศอื่นๆ ในเดือนถัดๆ ไป

แล้วจะเก็บภาพ และเรื่องเล่ามาฝากนะครับ
-=จบ=-


แถมรูปครับ

ไปทำงาน ก็เหมือนไปเที่ยวครับ  ผมชอบมากๆ

 

กำลังขลุกกับเจ้า IBM Server X3650 ครับ  ผม Config เองกะมือเลยนะ

 

สนุกตามประสาผมหละ

 

เสร็จงานก็มานั่งดูหนังครับ

 

หมายเลขบันทึก: 270195เขียนเมื่อ 23 มิถุนายน 2009 00:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อิจฉาจัง อยากไปเที่ยวจังเลย

พี่มีความจำเป็นต้องขอติดต่อขอข้อมูลเรื่องเรือนำเข้าปุ๋ยยูเรีย ถ้าสะดวกที่จะให้ติดต่อ กรุณาติดต่อกลับ พี่อุษณีย์ 084-0682451

[email protected]

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท