ชายไทยถูกต่อยจนหน้าหงาย


ชายไทยถูกต่อยหน้าหงาย

            ไม่ได้มีอันธพาลที่ไหนมาเดินเพ่นพ่านอยู่แถวนี้หรอกครับ แต่ที่ต้องจั่วหัวเรื่องแบบนี้ก็เพราะว่า วันนี้ผมต้องไปคุมการเรียนการสอนในระบบ PBL กับนักศึกแพทย์ชั้นปีที่ 2 ที่กำลังใหม่สดๆซิงๆ

            ตอนนี้คณะแพทย์อันเป็นที่รักของกระผม ได้มีโครงการพิเศษขึ้นมาโครงการหนึ่ง ซึ่งเขาได้จัดอาจารย์ไว้สำหรับเป็นอาจารย์ประจำกลุ่ม PBL เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้มีอาจารย์ที่ปรึกษาประจำกลุ่ม และจะต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนานจนครบขวบปี อาจารย์ที่ถูกคัดเลือกมานี้ เขาดูจากการประเมินการสอนจากนักศึกษาในปีที่ผ่านๆมานั่นเอง เอาเป็นว่าใครเป็น popular vote ก็จะถูกคัดสรรค์มาว่างั้น และอาจารย์เหล่านี้จะได้รับการจูนกันเพื่อให้มีทิศทางในการดำเนินกิจกรรม PBL ที่คล้ายคลึงกัน โดยคณะหวังว่า พวกเราจะทำให้การประเมินนักเรียนมีความเป็นธรรมและเที่ยง เราต้องพบเด็กๆประมาณ 10 ครั้ง หรือ 10 เรื่อง PBL นับเป็นภาระงานที่ค่อนข้างหนักแต่น่าท้าทาย เพราะไหนพวกเราจะต้องมีงานสอนในชั้นคลินิก งานบริการผู้ป่วย ผ่าตัด นี่จะเป็นงานที่เพิ่มเข้ามา ตามข้อตกลงที่วางไว้นั้น เรายังคงต้องพบนักศึกษาเพื่อการประเมิน พูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เรียกได้ว่าเป็นอาจารย์ home room อย่างนั้นเลยครับ

            แต่งานที่มากขึ้นนั้น คณะก็มีการสมนาคุณให้กับอาจารย์ท่านต่างๆที่อยู่ในโครงการด้วย อีกทั้งเมื่อเราเรียกพบนักศึกษา เขายังให้เบิกค่าอาหารว่างกินกันได้อีก แบบว่าดันเต็มที่ แล้วในหนึ่งปี ก็จะมาประเมินผลโครงการกันใหม่ ว่าสมควรดันต่อไปหรือยกเลิก ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักศึกษาแพทย์อันเป็นที่เคารพของเรานั่นเอง

            ในกลุ่มของผมมีนักเรียนทั้งสิ้น 10 คน ชายหญิงอย่างละครึ่ง (จะมีตุ๊ดหรือไม่นั้น ก็ค่อยดูๆกันไป อันนี้อ.แป๊ะไม่เกี่ยง) เป็นมุสลิม 1 คน มาจากโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อ 3 จังหวัดภาคใต้ เป็นนักเรียนที่อยู่ในโครงการแพทย์ชนบท 2 คน และสอบเข้ามาในระบบปกติ 7 คน เราเคยได้พบเจอกันมาแล้วเมื่อต้นเดือน ตอนนั้นมีกิจกรรมเปิดตัวพบอาจารย์ที่ปรึกษาสนุกสนานกันพอสังเขป หัวหน้ากลุ่มผมชื่อ แดน

            มาถึงวันนี้ก็เป็นการเรียนร่วมกันเป็นครั้งแรกครับ ก่อนเริ่มบทเรียนนั้น นักเรียนเขาก็ต้องเลือกหัวหน้าและเลขา ที่จะเป็นคนดำเนินกิจกรรมหลัก ครั้งนี้ได้ ชิวอิด เป็นประธาน และ กอล์ฟ เป็นเลขา ส่วนคนอื่นๆ มะห์ แมง ลูกตาล ตั้ม ซัน เตย แดน และจ๊ะเอ๋ เป็นสมาชิกสนทนา โดยหัวข้อของการเรียนในวันนี้ก็คือ นาย...ถูกต่อยหน้าแหก ฮ่า ฮ่า อันนี้ผมตั้งชื่อเองครับ จริงๆมันเด็ดกว่านี้ และประเด็นในการเรียน PBL ก็คือ เมื่อเราได้รับโจทย์มา 1 เรื่อง เขาต้องมานั่งไล่กันว่า คำศัพท์ใดที่ไม่รู้บ้าง งานนี้ได้เตยมาเป็นสาราณุกรมของกลุ่ม เธอคอยเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อหาคำตอบให้เป็นระยะๆ และเมื่อเคลียร์เรื่องศัพท์แสงต่างๆครบถ้วนแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการตั้งคำถาม งานนี้เราแจกกระดาษให้คนละใบ เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น เพราะก่อนหน้านี้ เราจะพบว่านักเรียนบางคนจะนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ประเมินลำบากว่าเขาหรือเธอผู้นั้นไม่รู้ หรือรู้แต่พูดไม่เก่ง พูดไม่ทันคนอื่นๆ งานนี้เลยเจอของดีที่ไม่ค่อยได้เห็น ประเด็นอยู่ที่ว่า ไอ้ชายที่ถูกต่อยจนล้มคว่ำมานั้น แก้มฟกช้ำ หน้าแหกเลือดหยด ต้องถูกเย็บ กลัวเสียหล่อ เมื่อเด็กๆเริ่มตั้งคำถาม ลองมาดูนะครับ ว่ามันแตกต่างกันแค่ไหน

            นักเรียน 1 บาดแผลมีกี่ชนิด เกิดขึ้นได้อย่างไร

            นักเรียน 2 อะไรที่ทำให้บาดแผลมีความแตกต่างกัน

            อื้อหือ รู้สึกเหมือนผมไหมครับ ว่าความลึกซึ้งของคำถามที่คล้ายกัน แต่ถามคนละรูปประโยค ให้ความรู้สึกของการอยากตอบที่แตกต่างกันจริงๆ

            นักเรียน 3 พื้นผิวบริเวณที่ชายนั้นนั่งอยู่ทำด้วยวัสดุอะไร  

            ถามทำไมอ.แป๊ะก็ถามขึ้นมาทันทีเหมือนกัน ก็จะได้รู้ว่า การถูกกระแทกด้วยพื้นผิวที่แตกต่างกันนั้น รุนแรงมากพอที่จะทำให้เกิดบาดแผลชนิดใดได้บ้าง ฮ่า ฮ่า อันนี้เล่นเอาผมตบมือยกใหญ่ เพราะการคิดแบบไม่เหมือนเพื่อนนั้น มีเสน่ห์ในวงสนทนาอย่างมากโข และเชื่อไหมว่า คนที่จะตอบคำถามแบบนี้หรือเชี่ยวชาญเรื่องนี้ น่าจะมีไม่กี่คนในประเทศไทยหรอก มิฉะนั้น เด็กไทยคงไม่เล่นเครื่องเล่นแล้วตกลงมาถูกเครื่องเล่นล้มทับใส่กันบ่อยๆเหมือนกับที่อ่านข่าวพบในสยามประเทศหรอกนะครับ

            นักเรียน 4 ทำไม นาย...จึงได้ถูกต่อยคะ เฮอะๆๆๆ อันนี้อ.แป๊ะก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ

 

            หลังจากเราตั้งคำถามกันเสร็จเรียบร้อย ก็มาสู่กระบวนการตั้งสมมติฐาน กระบวนนี้ผมคิดว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการเรียบแบบ PBL เพราะว่าเป็นขั้นตอนที่นักเรียนเขาจะนำเอาความรู้ที่เรียนมาจากในห้อง หรือไปอ่านมาก่อนเข้าเรียน แล้วนำมาผูกหรือหาความสัมพันธ์กับกรณีศึกษาที่วางอยู่ในกระดาษตรงหน้า งานนี้ผมต้องตั้งใจดูแล้วแจกคะแนนครับ เรียกว่าใครกึ๋นมากก็ได้คะแนนมาก ใครพูดน้อยก็ต้องคอยกระตุ้น (แบบไม่ให้รู้ตัว)

            อาจารย์ผู้มีความรู้แตกฉานอาจจะหงุดหงิดบ้าง หากนักเรียนของเราตั้งสมมติฐานไม่เข้าประเด็น แต่นั่นก็เป็นกระบวนการครับ เพราะพวกเขาจะตั้งสมมติฐานไปต่างๆนานา เป็นต้นว่า เมื่อนาย...หน้าแหก สันโต๊ะไปกระแทกถูกผิวหนัง มันก็จะเกิดบาดแผลเปิด หลอดเลือดในชั้น dermis ก็ฉีกขาด เลือดอาบหน้า ร่างกายก็จะเริ่มสร้างสาร xxx ออกมา เปลี่ยนให้มีสาร ooo ซึ่งจะสร้างตาข่ายดักจับเลือดเอาไว้ ไม่ให้เลือดออกมากขึ้น ก็มีคนถามมาว่า ไอ้ตาข่ายมันจะดักเลือดได้อย่างไรเล่า คนหนึ่งถามออกไป ก็ดักหลายๆชั้นไง มันก็ไม่มีรูรั่วแล้ว เธออธิบาย เราว่านะ.. มันก็มีตาข่ายนั่นแหละ แต่ตาข่ายมันทำให้เกร็ดเลือดมาเกาะ แล้วเลือดเลยออกไม่ได้ต่างหาก เป็นไงครับ เป็นอันว่า การหยุดเลือดในครานี้มี 2 สมมติฐาน

            จากนั้นก็นำไปสู่กระบวนการสุดท้าย ก็คือ การตั้งจุดประสงค์การเรียนรู้ของกรณีศึกษานี้ ก็สรรหามาจากสมมติฐานนั่นแหละ หาคำตอบให้ได้ แล้วสัปดาห์หน้าเราก็มานั่งคุยกัน โดยที่ผมเน้นย้ำว่า การนำเสนอครั้งหน้านั้น คงไม่ยอมให้มีการ lecture ในกลุ่ม แต่เราต้องมานั่งมองภาพกลไกและปฏิกิริยาต่างๆที่เกิดขึ้นทันที หลังจากที่นาย...ถูกต่อยจมล้มกองไปอยู่บนพื้นนั้น อธิบายให้เข้าใจเป็นขั้นเป็นตอน

            แล้วเราก็ลาจากกัน

            เป็นอย่างไรครับ การเรียนแบบ PBL หรือ problem-based learning การเรียนที่เกือบทุกครั้ง ผมจะได้ความรู้จากนักศึกษาไปไม่มากก็น้อย ความเข้าใจใน basic science ก็ถูกกระตุ้นให้ได้เรียนรู้ร่วมกันในชั้นแบบนี้ และตลอดปีนี้ทั้งปี ผมก็มีลูกเพิ่มขึ้นมาอีก 10 คน สงสัยบ้านผมคงจะสะอาดเป็นพิเศษ ฮา.....

           

หมายเลขบันทึก: 268643เขียนเมื่อ 16 มิถุนายน 2009 21:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)
  • สนุก น่าประทับใจ ให้ปัญญามากมายครับอาจารย์
  • นอกจากนักศึกษาตั้งคำถามได้ดี อีกทั้งทำให้เราได้เรียนรู้ไปด้วยว่า ในเรื่องเดียวกันนั้น เราเข้าหาความเป็นจริงได้หลายทางและหลายระดับแล้ว การตั้งคำถามที่ผ่านการจัดกระบวนการที่ดีของอาจารย์ สามารถสะท้อนการประมวลผลภายในของนักศึกษาอย่างเป็นองค์รวมอย่างยิ่ง
  • การบันทึกของอาจารย์ก็สนุกมากครับ 

ขอบคุณครับ นาย วิรัตน์ คำศรีจันทร์

ที่ม.อ.เราจัดการเรียนแบบ PBL มากว่า 10 ปีแล้วครับ

มีแรงต้านพอสมควรเมื่อครั้งเริ่มต้น

เวลาที่ผ่านมาพิสูจน์กระบวนการได้เป็นอย่างดีเลยครับ

สวัสดีค่ะ

* แวะมาอ่านสมมุตติฐานสนุกๆ ค่ะ

* หน้าแตก  ขนาดไหนที่กำหนดว่าแตก หนังถลอกๆ เลือดออกซิบๆ ซึมๆ เยิ้มๆ ฯลฯ  อิอิค่ะ

* สุขกายสุขใจนะคะ

โห...เหมือนดูสารคดีฆาตกรรมที่เขาสืบจากศพและหลักฐานแวดล้อมเลยค่ะ เรียนแบบนี้น่าสนุกนะคะ ได้ตั้งสมมุติฐานแล้วช่วยกันหาคำตอบ น่าสนุกกว่าเรียนแบบฟังเล็คเชอร์อย่างเดียว

ผมเองก็กำลังสับสนกับการเรียนแบบนี้อยู่พอดีเลยครับ

ประมาณว่ากลุ่มของผมเองยังจับหลักการของ PBL นี้ยังไม่ค่อยได้เลย

ตอนซ้อมก็ดีๆอยู่นะครับ แต่พอเอาเข้าจริงกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน

เลยครับอาจารย์ รวนกันหมดทั้งกลุ่มเลย

ได้อ่านของกลุ่มอาจารย์ก็พอได้แนวทางบ้างแล้วหละครับ

ผมจะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นนะครับ

ปล อาจารย์เขียนสนุกมากเลย ไว้ผมค่อยมาติดตามผลงานของอาจารย์ใหม่นะครับ

ด้วยความเคารพ จาก นศ.แพทย์กลุ่มข้างๆครับผม

ขอบคุณที่แวะวเวียนมาครับ คุณพรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง)

บาดแผลมีทุกแบบเลยครับ

แผลแตกจากการถูกต่อยด้วยคำพูด

แผลถลอกจากการถูไถยามคิดอะไรไม่ออกของเหล่านักศึกษา แต่ถ้าลื่นหน่อยก็จะไม่มีแผล

มีเพียบครับ

ไม่ถึงขนาดสืบจากศพหรอครับพี่ ซู Little Jazz

แค่เป็น case แห้งๆแล้วนำมาวิเคราะห์กันไป ก็แค่นั้น

สวัสดีครับ นัชชา นศพ.กลุ่มข้างๆ

ใจเย็นๆ เดี๋ยวมันจะเข้ารูปเข้ารอยไปเองครับ คนเราเกิดมาเพื่ออยู่รอดครับ เพราะเมื่อเห็นคะแนนแล้ว เราอาจจะต้องรีบถีบตัวออกมาจากความไม่รู้อย่างรวดเร็ว (ล้อเล่น)

สู้ๆๆๆๆ

เดี๋ยวเหอะ เรียกพี่ได้ไงลุง 555 รู้ตัวว่าแก่กว่ายังมาทำเนียนอีก เมื่อคืนเขียนเรื่องนี้ นึกถึงอาจารย์แป๊ะเลย มาจุดธูปตามให้ไปอ่านค่ะ พระอาจารย์เต็มไปเจิมบันทึกเป็นคนแรกแล้ว : ) หลักสูตรสร้างปัญหา

ขอรบกวนอาจารย์สอบถามเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ ว่าดิฉันมีอาการที่ว่า เวลาหัวเราะด้วยอารมย์ขันอย่างรุนแรง แล้วจะทำให้มีอาการปวดปัสสาวะร่วมด้วย ทำให้ดิฉันมีฉี่ราดกะทันหัน มีอาการเพียงแค่ ๑ ครั้ง เมื่อวานนี้เองคะ ไม่สามารถที่จะกั้นไว้ได้ อยากทราบสาเหตุว่าผิดปกติหรือไม่ ประวัติคร่าวๆดิฉันอายุ ๔๐ ปี แต่งงานแล้ว มีบุตร ๑ คน ผ่าตัดคลอด เมื่อ๑๔ ปี และส่วนตัวเคยผ่านการผ่าตัดมาแล้ว ๓ ครั้ง คือ ๑ ไส้ติ่งอักเสบ ตอนเด็ก ๒ ผ่าตัดคลอดบุตร ๓ ผ่าตัดเอามดลูกออก (มีก้อนในมดลูก ๔ ก้อน) แต่ยังเหลือรังไข่อยู่ ๒ ข้าง เมื่อ ปี ๒๕๔๘ และไม่ได้กินยาฮอร์โมน หลังจากนั้นไม่เคยตรวจภายในเลย มะเร็งปากมดลูกก็ไม่ได้ตรวจอีกเลย จึงอยากขอทราบคำแนะนำจากอาจารย์คะ และบางครั้งก็จะมีอาการปวดหน่วงท้องน้อยบ้างนิดหน่วยพอรู้สึกได้ จะเป็นอันตรายไหมคะ ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ

อาการเป็นเพียง 1 ครั้ง ยังคงไม่สามารถบอกได้ครับว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ง่ายที่สุดก็ลองไปตรวจปัสสาวะดู อาจจะมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบก็ได้นะครับ

มาบอกว่าอาจารย์หมอหายไปนานมาก ๆๆ ผมพลาดบันทึกนี้ไปได้อย่างไรเนี่ย 555

มาเยี่ยมคนถูกต่อยหน้าหงายครับผม

อาจารย์ขจิตที่เคารพ

ผมไม่ได้หายไปไหนครับ แวะเวียนเข้ามาเรื่อยๆ เพียงแต่ไม่ได้เติมสิ่งใหม่ๆเข้ามาเท่านั้น

ช่วงนี้ยุ่งหลายครับ

ยังคิดถึงมวลสมาชิกอยู่เสมอ

เป็นบันทึกที่สอดแทรกความรู้ดีนะคะ

อ่านง่าย ได้ความรู้และไม่เบื่อดีค่ะ

อ่านหัวเรื่องนึกว่าอาจารย์โดนต่อย ฮาฮ่า

สงสัยต้องติดตามอ่านบ่อยๆ แล้วละค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท