นิยาม "รางวัลแด่คนช่างฝัน" ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน...สำหรับผู้เขียนแล้ว เพียงคำไม่กี่คำก็มีความหมาย...มันคือของขวัญ...รางวัลอันยิ่งใหญ่ นิรันดร์...
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้เขียนได้เจอสิ่งที่ทำให้ต้องกลับมาทบทวนสิ่งที่ผ่านมา...สิ่งที่เคยเกิดขึ้น...ความล้มเหลวคือการเริ่มต้นใหม่ของผู้เขียน
ผู้เขียนได้อ่านป้ายประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ฟังบรรยายธรรมเรื่อง “กฎแห่งกรรม” โดยท่านภิกษุณีธัมมนันทา (ชื่อเดิม รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์) ซึ่งทำให้ผู้เขียน "ตะลึง" ระลึกถึงท่านด้วยความภาคภูมิใจ
ขณะเดียวกันช่วงเวลาแห่งความภูมิใจนั้น ก็ได้นึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเสียใจทางการศึกษามากครั้งหนึ่งในชีวิต
ย้อนไปประมาณ 7-8 ปีเห็นจะได้ ผู้เขียนได้ลองทำ Proposal เสนอโครงการปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง…ที่ใช้คำว่า “ลอง” เพราะไม่เชื่อมั่นความสามารถตนเองว่าพร้อมที่จะทำเค้าโครงงานวิจัยได้มากน้อยแค่ไหน
หัวข้องานวิจัยเกี่ยวกับการรู้ตัวเพื่อการพัฒนาจิต…เมื่อเสนอไปแล้ว ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่โครงการปริญญาเอก โทร มาเชิญตัวให้เข้าสอบสัมภาษณ์ เพราะเกรงว่าหนังสือเชิญจะมาถึงผู้เขียนล่าช้า…คำพูดสุดท้ายของเจ้าหน้าที่ ทำให้ผู้เขียนปลาบปลื้มใจยิ่งนัก
“ท่านอาจารย์ภิกษุณีธัมมนันทา ชื่นชมเค้าโครงวิทยานิพนธ์ของคุณนะคะ ท่านจะบินมาจากศรีลังกาเพื่อมาสอบสัมภาษณ์”
ผู้เขียน “หลง” ดีใจจนนอนไม่หลับ เฝ้านับวัน รอวันที่จะได้สอบสัมภาษณ์ในอีกแค่ 2 วัน
เมื่อถึงกำหนดวันนัดสอบสัมภาษณ์ ผู้เขียนได้เข้าไปนั่งรอเพื่อเตรียมตัวเข้าห้องสอบสัมภาษณ์ ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่า
“ท่านอาจารย์ภิกษุณีธัมมนันทา ยังอยู่ระหว่างการเดินทางจากศรีลังกามายังประเทศไทย วันพรุ่งนี้ จึงจะมาถึงค่ะ … แต่ดิฉันว่าสัมภาษณ์กับอาจารย์ 4 ท่านที่มีอยู่นี้ก็ได้ น่าจะเหมือนกันค่ะ”
ผู้เขียนอึ้ง คิดตอบอะไรไม่ทัน ในใจอยากจะปฏิเสธ เพราะผู้เขียนอยากที่จะให้ท่านอาจารย์ที่ชื่นชอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์ของผู้เขียนทำการสัมภาษณ์...ผู้เขียนน่าจะมีสิทธิปฏิเสธการเข้าสัมภาษณ์ในวันนี้ได้... แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้พูดพล่ามทำเพลง นำผู้เขียนเดินไปพบคณะอาจารย์ผู้สอบสัมภาษณ์ 4 ท่าน
คงไม่สามารถบรรยายรายละเอียดของการสัมภาษณ์ครั้งนั้นได้ จินตนาการได้เลยว่าหัวข้อเรื่องที่ลึกซึ้งเช่นนี้ ยากที่จะทำให้ "ใคร" เข้าใจ…แม้ว่าไม่ต้องรอฟังผลออกมา ก็รู้ว่าสอบไม่ผ่าน…แต่นั่นก็ไม่เท่ากับความรู้สึกที่เคยถูกดึงขึ้นสู่ที่สูงแล้วถูกโยนลงต่ำ...
หลายท่านที่ผ่านการสอบเค้าโครงหรือสอบวิทยานิพนธ์มาแล้ว คงเข้าใจดี การเข้าสัมภาษณ์โดยไม่มีท่านอาจารย์ใดสักคนที่ "เข้าใจ" แนวคิดพื้นฐานของเรา และไม่ได้สนับสนุนหัวข้อของเราตั้งแต่แรกนั้นเป็นความรู้สึกเช่นไร...เหมือนอยู่ในห้องเย็น ที่เรียกว่า "ห้องดับจิต"...
จึงเป็นความเสียใจทางการศึกษาครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต...
วันถัดมาหลังการสอบสัมภาษณ์ (ยังไม่ประกาศผล) เจ้าหน้าที่โทร มาบอกว่าให้มาพบท่านอาจารย์ภิกษุณีธัมมนันทา ผู้เขียนก็รู้สึกประหลาดใจ
ผู้เขียนไม่ได้คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก แต่ก็อยากมากราบและพบท่านครั้งหนึ่งในชีวิต
ผู้เขียนได้มีโอกาสพบท่าน…น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกปิติที่ได้พบมากกว่าการมาคร่ำครวญใด ๆ ...
ท่านกล่าวว่า “ขอโทษนะ ที่มาถึงช้า” น้ำเสียงท่านเย็นชื่นใจมาก
“โยมพอจะทราบแล้วใช่ไหม”
“หนูทราบแล้วค่ะว่าไม่ได้”
“ทำไม โยมจึงอยากเสนอหัวข้อนี้”
จำได้ว่าตอนนั้น ผู้เขียนร้องไห้ออกมาไม่หยุด แทนที่จะน้ำตาไหลอย่างเดียว...คงเพราะความสะเทือนใจที่ "ไม่ได้ต่อสู้" อย่างเต็มที่ โดยมีท่านอยู่ด้วย
“หนูอยากมีส่วนช่วยคนอื่นให้ทราบเรื่องการ“รู้ตัว”ในทางโลก”
ผู้เขียนจำคำพูดทั้งประโยคของท่านไม่ได้ แต่สรุปความได้ว่าท่านบอกว่าอยากช่วยผู้อื่นให้ “รู้ตัว” ทางโลก เราสามารถใช้วิธีอื่นอีกก็ได้ อย่ามาฝากความหวังไว้กับวงการศึกษาในระบบ…ลงท้ายด้วยคำพูด "ให้พร" ผู้เขียน
ผู้เขียนได้มีโอกาสสนทนากับท่านไม่กี่ประโยค แต่มีความหมายมาถึงวันนี้ จากนั้นมา ผู้เขียนก็เปลี่ยนสาขาของศาสตร์ที่จะศึกษาใหม่ ไม่คิดจะเรียนต่อระดับปริญญาเอกในสาขาเดิมที่ตั้งใจ
เริ่มต้นใหม่กับสาขาใหม่…นี่คือที่มาของคำตอบในหลาย ๆ เรื่องของผู้เขียนที่มีความรู้ในหลากหลายศาสตร์
ผู้เขียนตั้งใจว่าคงจะได้มีโอกาสเข้าไปกราบท่านอาจารย์ภิกษุณีธัมมนันทา อีกสักครั้ง
ถึงวันนี้ จึงไม่มีคำว่าเสียใจที่พลาดหวังไม่ได้ศึกษาปริญญาเอกในสาขาที่เคยตั้งใจ…มีแต่คำว่าภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต
อาจารย์หลายท่านในวันนั้น…วันที่สอบสัมภาษณ์…ไม่ให้ความสำคัญกับหัวข้อที่เรานำเสนอ…และไม่ได้เลือกเรา…
แต่เพียงท่านเดียวเท่านั้นที่ชื่นชอบเรื่องของเรา…สำหรับผู้เขียนแล้ว มีความหมายและคุณค่าที่สุดในชีวิต…แม้จะต้องแลกกับการไม่ยอมรับของคนอื่นอีกหลายคนก็ยอม…
รางวัลที่ผู้เขียนมักจะได้เสมอ ไม่ใช่กล่อง เหรียญ โล่…แต่เป็นเพียงคำ ๆ เดียวสั้น ๆ ของท่านอาจารย์ หรือผู้รู้ที่เราชื่นชอบ…แม้เพียงไม่กี่คน…ก็เกินพอ
คำที่แสดงให้เห็นว่าท่านเข้าใจใน “สิ่งที่เรากำลังมุ่งมั่น” หรือคำที่แสดงว่า “ท่านชื่นชมผลงานของเรา” คือรางวัลแด่ความฝันอันยิ่งใหญ่…
สร้างความเชื่อมั่นให้ก้าวเดินต่อไป...มองเห็นทางออกในหลายเส้นทาง...เพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทางเดียว
- ขอเป็นกำลังใจให้กับคนช่างฝันทุกคน ตราบเท่าที่มีลมหายใจ ไม่มีคำว่ายอมแพ้ -
เรียนเชิญแลกเปลี่ยนประสบการณ์ดี ๆ หรือบทเรียนที่มีค่าร่วมกันได้ค่ะ
แวะมาส่งความคิดถึงค่ะ
เพิ่งประเมิน สมศ รอบ 2 เสร็จ
หายเครียดและมีเวลาแวะมาทักทายกันแล้วนะคะ
คิดถึงค่ะ
สวัสดีค่ะ
แด่คนช่างฝันด้วยดวงใจ
ขอให้ฝันต่อไป
ณ ปลายทางนั้น มีคนรอต้อนรับเราอยู่เสมอ
ไปให้ถึงนะคะ
แวะมาอ่านและฝันไปด้วยคะ
สวัสดีค่ะ พี่ศิลา คนช่างฝัน (ก่อนแป๋ม..อิอิ)
อ่านบันทึกของคนช่างฝันคนนี้ พลอยทำให้
คนกำลัง (ใกล้หมด) ฝันคนนี้กับชีวิตนิสิตป.เอก
ลุกขึ้นพรวด!!!มาอีกครั้งราวกับได้น้ำทิพย์ชโลมใจ
ให้จิตวิญญานนักสู้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งค่ะ
ขอบคุณเรื่องราวดั่ง"นักสู้ผู้ไม่เคยท้อ"เรื่องนี้ค่ะ
ปล.แป๋มได้เข้าไปโหวตให้พี่ศิลาแล้วค่ะ..ว่าจะยังไม่บอก..อดไม่ได้ค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะคุณศิลา
ดีใจจังค่ะ ที่ไปชวนมาอ่านสิ่งดี ๆ ...
อ่านแล้วได้ยิ้มแต่เช้าเลย....อ้าว...เล่าเรื่องเคล้าน้ำตา (แห่งความปิติ) แต่มายิ้มเสียนี่....
ความจริงรู้ว่าสิ่งที่คุณศิลาเล่าว่าเป็นความภาคภูมิใจในสิ่งที่ผ่านมาค่ะ
สิ่งหนึ่งที่คนไม่มีรากคิดเสมอเป็น คาถาส่วนตัวก็คือ...
เราไม่สามารถทำให้ทุกคนชอบเราได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะรักและมองแง่มุมที่ดีของคนอื่นได้ ไม่ว่าเขาจะคิดดี พูดดี ทำดีกับเราหรือไม่ก็ตามทีค่ะ
เรื่องการถูกคนอื่นตัดสินเราแบบที่เรารู้สึกว่า...ไม่เป็นจริงนี้ คนไม่มีรากโดนเป็นประจำค่ะ ชินแล้ว..55555...ไม่ค่อยสะท้านสะเทือนค่ะ ก็มีบ้าง เราเป็นปุถุชนนี่นา โลกธรรมก็โหมกระหน่ำเราตลอดเวลานั่นแหละ ห้ามไม่ได้ ...
แม้กระนั้น ... คนไม่มีรากก็เห็นว่า เราควรกำหนดชีวิต หมายหถึงทั้งความสุข ความทุกข์ ความคิด การกระทำด้วยตัวเราเอง ไม่ใช่ให้ผู้อื่นมามีผลต่อตัวเราค่ะ
ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ และขอบคุณที่กรุณาคิดถึงคนไม่มีรากค่ะ
(^___^)
อาจารย์ครับ
วิถีที่อาจารย์คิด และ มุ่งมั่นที่จะทำไม่ว่าวันนี้หรือในเวลาถัดจากนี้ไป ผมขอให้กำลังใจนะครับ
และสิ่งที่เหนือสิ่งอื่นใด คือ ผมขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยคนครับ
ช่วงต่อไป ดร.ยุวนุช และ ผม พร้อมกับหลายท่าน กำลังช่วยกันขบคิดเรื่องราวการทำงานด้านจิตตปัญญากับกลุ่มงานศึกษา หาก อาจารย์ศิลาพอมีเวลา อยากชวนสนทนาวงน้ำชากันหน่อยเถอะครับ ไม่เป็นทางการก็ได้...
ว้าว น่าทึ่งมากเลยค่ะพี่ศิลา “ปูเคยอ่านเจอ หากไม่มีความฝัน ฤาจะกลายเป็นจริง ..
สำหรับท่านภิกษุณีธัมมนันทา ปูประทับใจเพราะได้ฟังธรรมะเป็นภาษาอังกฤษครั้งแรก จากท่าน ช่วงที่อบรมอาสาสมัครสันติภาพของพีซคอร์นะคะ ...
หากพี่ศิลา ณี เป็นหนังสือ คงเป็นหนังสือที่น่าติดตามที่สุดเลย ยังมีอะไรที่ปูยังไม่ทราบอีกบ้างค่ะเนี่ย ขอบพระคุณสำหรับ การเรียนรู้ใหม่ๆ และเป็นแรงบันดาลใจนะคะ
“หนูอยากมีส่วนช่วยคนอื่นให้ทราบเรื่องการ“รู้ตัว”ในทางโลก”
และตอนนี้ พี่ศิลา กำลังทำสิ่งนั้นอยู่ไง คะ ปูเคยอ่านหนังสือเจอว่า ... เรื่องราวดีๆ ... รางวัลสำหรับ คนช่างฝัน อาจจะกลายเป็น แรงบันดาลใจของ ใครๆ อีกหลายๆ คน ... น่าภูมิใจ จริงๆ เลยนะคะ ...
สวัสดีค่ะ..คนมีฝันในเส้นทางฝัน
อาจารย์ศิลาสบายดีนะคะ..
เห็นอาจารย์คุยกับเพื่อนๆอยู่ค่ะ..แต่มาไม่ถึงบ้านอาจารย์สักที
(อิอิ..เส้นทางช่างไกลแท้..)
เช้านี้เลยตั้งใจนั่งอ่านทุกเรื่องราวของอาจารย์ค่ะ
รวบยอดมาทักทายที่ "บ้านของนักฝัน" ที่นี่นะคะ
เพราะประทับใจกับ "เส้นทางของคนมีฝัน"ค่ะ
แม้จะเป็นเส้นที่ไปไม่ถึง..แต่ก็ทำให้ได้รู้จักชีวิตขึ้นแบบไม่น่าเชื่อค่ะ
อาจารย์เล่าได้ดีจังค่ะ..อ่านแล้วพลอยมีความรู้สึกร่วมไปด้วย
สมกับการเป็นผู้รู้จริงๆค่ะ..
ศน.อ้วนก็มียังมี ๒ สายฝันค่ะ..ด้วยใจเต็มร้อย
เมื่อได้มาสัมผัสกับบันทึกนี้..ก็ทำให้รู้ตนในการ "เฝ้าระวัง" เมื่อฝันอาจเป็นเพียงฝันเท่านั้น..
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ..อาจารย์
ดีใจกับอาจารย์ด้วยค่ะ..กับรางวัลที่ได้รับ
เรื่องลึกซึ้งระดับใจ คงต้องใช้ใจรับฟังเท่านั้นนะครับ
เรื่องนี้เป็นทั้งบทเรียน ทั้งแรงบันดาลใจ ขอบคุณครับ
ติดตามอ่านบันทึกคุณศิลามาตลอดด้วยความชื่นชมตั้งแต่รู้จักกันค่ะ บันทึกนี้อ่านแล้วอ่านทวนอีกรอบ เห็นสิ่งที่เรียกว่า "กำลังใจ" ซ่อนอยู่เยอะมาก พร้อมที่จะส่งต่อให้เพื่อนๆ รอบตัวคุณศิลาค่ะ ขอบคุณเรื่องเล่านี้นะคะ
สวัสดีครับอาจารย์ เพียงเข้าบอกว่าติดตามเรื่องราวดีๆเพื่อการมีชีวิตอยู่ด้วยความสุข(ใจ) ขอบพระคุณมากครับ
สวัสดีค่ะ
ตรงนี้เป็นข้อคิดที่ดีครับ
อยากช่วยผู้อื่นให้ “รู้ตัว” ทางโลก เราสามารถใช้วิธีอื่นอีกก็ได้ อย่ามาฝากความหวังไว้กับวงการศึกษาในระบบ
ตอนนี้ ผมก็ทำของผมไปเรื่อยเปื่อยครับ ไม่ค่อยอยู่ในระบบสักเท่าไร
วันที่ 18 -19 ผมก็จะได้พบกับอาจารย์ขจิตแล้วครับ ที่ตราด
ขอบคุณสำหรับข้อคิดที่ดีๆ ครับ
ครบเครื่องเรื่องบล็อกเลยครับ
ทั้งเนื้อหา สาระ รูปแบบ ลูกเล่น เทคนิค
อย่างนี้ผมขอมอบให้เลยครับ
"รางวัลแด่คนช่างฝัน"
เราไม่สามารถทำให้ทุกคนชอบเราได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะรักและมองแง่มุมที่ดีของคนอื่นได้ ไม่ว่าเขาจะคิดดี พูดดี ทำดีกับเราหรือไม่ก็ตามทีค่ะ
เรื่องการถูกคนอื่นตัดสินเราแบบที่เรารู้สึกว่า...ไม่เป็นจริงนี้ คนไม่มีรากโดนเป็นประจำค่ะ ชินแล้ว..55555...ไม่ค่อยสะท้านสะเทือนค่ะ ก็มีบ้าง เราเป็นปุถุชนนี่นา โลกธรรมก็โหมกระหน่ำเราตลอดเวลานั่นแหละ ห้ามไม่ได้ ...
แม้กระนั้น ... คนไม่มีรากก็เห็นว่า เราควรกำหนดชีวิต หมายถึงทั้งความสุข ความทุกข์ ความคิด การกระทำด้วยตัวเราเอง ไม่ใช่ให้ผู้อื่นมามีผลต่อตัวเราค่ะ
อ่านบันทึกคุณศิลาแล้วนึกถึงคำพูดที่พูดคุยกับเพื่อน
อาหารสำหรับบางคน รอหิว แล้วเขาถึงขวนขวายหามากินเอง
อาหารสำหรับบางคนมุ่งเสาะหามากักเก็บตุนไว้ ยามขาดแคลนจะได้มีกิน
อาหารสำหรับบางคนมีเก็บ มีกิน มีพอเหลือ คิดเผื่อแผ่ให้คนอื่น ๆ
ผู้รับ คิดแผกแตกต่างจากเรา หรือเปล่าเราไม่รู้
ถ้าต้องป้อน..แสดงว่าเขายังไม่หิว กระมังคะ
สวัสดีค่ะ
* อ่านแล้วปลื้มกับอาจารย์ค่ะ .ขอมีเพียงสักคนที่รู้แล้เข้าใจ
* ขออนุญาตสำเนาบันทึกนี้ไว้เป็นกำลังใจแก่ตนเองและผู้อื่นนะคะ ขอบคุณค่ะ
* สุขกายสุขใจนะคะ
สวัสดี ครับ คุณ Sila
วันนี้ ผมมีดอกไม้มาให้ ครับ
ให้ด้วยความเต็มใจ
เข้ามาอีกครับ...เป็นรางวัลแห่งชีวิต ที่ดีจริง ๆ นะครับ คุณ sila
เด็ก ๆ ฝันไว้หลาย อย่าง....อยากเป็นช่างซ่อมมอเตอร์ไชด์
เพราะหัดขับแล้ว พุ่งชน ต้นไม้..เจ็บใจ ที่ซ่อมเองไม่เป็น
โด ขึ้นมาหน่อย...ก็ฝันอีก....
สุดท้าย...วิชาชีพที่เลี้ยงตัวทุกวันนี้ ไม่ใช่ความฝัน...ที่ฝันไว้
แต่ก็อดยิ้มทุกครั้งไม่ได้...เมื่อถึงวันสิ้นเดือน
ตอนนี้...กำลังตั้งความฝันเป็นชาวสวน อยู่ครับ....
เป็นฝันที่....น่าตื่นเต้น...และท้าทายไม่หยอก...
เป็นฝัน ที่อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล .....
เอาสวนมาตั้งประดับ blog คุณ sila ครับ
ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ
กับอีกหนึ่ง "รางวัล" ที่ได้รับในครั้งนี้
แปลกแต่จริง
ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน บันทึกใดที่เราประทับใจมาก ๆ (มากกว่าบันทึกอื่นของผู้เขียนเดียวกัน ประมาณ0.05 micron :-))
เราก็มักมาอ่านเกินหนึ่งครั้ง และมักมาฝากร่องรอยเกินหนึ่งครั้งเช่นกัน
มาขออนุญาตคัดลอกไปทั้งบันทึกค่ะ เพื่อเก็บเป็น ปูม สมุดโน้ตรวมบันทึกสำคัญ เรื่องชอบ เรื่องอยากชวนใคร ๆ อีกหลาย ๆ คนร่วมคุยกัน ที่นี่ค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
อยากช่วยผู้อื่นให้ “รู้ตัว” ทางโลก เราสามารถใช้วิธีอื่นอีกก็ได้
อย่ามาฝากความหวังไว้กับวงการศึกษาในระบบ…
ได้ความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากค่ะ