ที่สุดของชีวิต (1)


คุณค่าของชีวิตในที่สุดแล้วคืออะไร การมีชีวิตอยู่แต่ละวันน่าจะมีเป้าหมายมากกว่าทำมาหากิน มีชีวิตอยู่ที่ดี และรอวันตายไปวัน ๆ แน่นอน!

          จริงแล้วตั้งใจจะใช้เชื่อบันทึกว่า "ชีวิตและจักรวาล" เพราะนั่นคือ ชื่อหนังสือที่ได้เขียนไว้เมื่อ 6 ปีที่แล้ว และได้กล่าวถึงไปบ้างแล้วในประวัติ แต่ด้วยเหตุที่จำระหัสผ่านเดิมไม่ได้ พอสร้างบันทึกใหม่ เครื่องก็ไม่ยอมให้ใช้ชื่อบันทึกเดิม

          อาจจะเป็นเพราะเส้นทางนี้ได้ขีดไว้แล้วว่า "เรื่องชีวิตและจักรวาล" หากใครสนใจควรหาอ่านเองจากหนังสือที่เขียนไว้แล้ว และที่จะกล่าวถึงเพื่อเป็นพื้นฐานในการนำเสนอแนวคิดครั้งนี้ แต่เป้าหมายใหญ่ผู้บัญชาจักรวาลคงอยากให้ผมเขียนเกี่ยวกับ "ที่สุดของชีวิต" มากกว่า ด้วยอาจจะมองเห็นว่านี่โลกและจักรวาลเสียเวลามากเกินไปแล้วที่จะพูดเรื่องขีวิตและจักรวาล แต่ควรจะรีบพูดกันถึงว่า "ที่สุดชีวิตนี้จะเอาอย่างไร" เราจะมัวทำมาหากิน สนุกสนาน แข่งขันความสามารถทางโลกไปวันๆ คงสายเกินแก้แล้ว ควรจะได้คุยกันเรื่อง "ที่สุดแล้วชีวิตจะเอาอย่างไร" จะดีกว่า ดังนั้นจึงขอเรื่องนี้ไว้ด้วยข้อสังเกตเพื่อการคิดต่อ และช่วยกันหาคำตอบดังนี้

           ถามว่า "ท่านเคยสังสัยไมว่าทำไมคนเราจึงเกิดมาในโลก และเป็นสิ่งที่มีศักยภาพหลายด้านเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น แต่คนกลับใช้ความสามารถของตนเพื่อความสุขในโลกปัจจุบันไปวัน ๆ โดยการแข่งความรู้ ความสามารถ คิดเครื่องยนต์เหาะได้ สร้างคอมพิวเตอร์คิดแทนคน หมอสามารถรักษาคนได้มากขึ้น ยีดอายุให้ยาวขึ้น โดยเฉพาะคนมีเงิน แต่ในที่สุด ทุกคนก็ต้องตายกันหมด  แล้วการมีอาชีพเพื่อกินเพื่ออยู่ไปวันๆ แม้จะมีบางคนรวยกว่าคนอื่นก็ช่างเถอะ แต่ทุกคนก็เดินทางไปสู่วันตายด้วยกันทั้งสิ้น" จึงน่าต้องช่วยกันคิดว่า "จริงๆ แล้วการที่มีคนในโลกคงต้องมีความหมายมากกว่าการมีสิ่งที่มีชีวิตอีกประเภทหนึ่งขึ้นมา แต่แล้วไม่ว่าแบคทีเรีย หรือหนอน หรือคน ในที่สุดก็ต้องมีค่าเท่ากัน คือตายเหมือนกัน ไม่น่าจะใช่"

           คำถามที่ต้องหาคำตอบคือ "ที่สุดของชีวิตคืออะไรกันแน่"

                                    สมาน อัศวภูมิ  

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 26093เขียนเมื่อ 29 เมษายน 2006 22:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 13:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

"ที่สุดของชีวิต คือ อะไร" ถ้าดูตามคำถาม มองได้หลายแง่ 1.คำถาม อาจจะถามว่า ที่สุดของ ชีวิตมนุษย์ คืออะไร 2.คำถาม อาจอยากจะถามว่า ที่สุดของ สิ่งมีชีวิต ทุกชนิด คือ อะไร 3.คำถาม อาจจะทำให้มองไปถึง ที่สุดของ ชีวิตวิญญาณ แต่ละดวง คืออะไรกันแน่

ขอแสดงความคิดเห็นไปเป็นข้อๆ จาก

ข้อ 1.ที่สุดของ ชีวิตมนุษย์ คืออะไร

มองในแง่ ทางชีววิทยา สุดท้ายที่สุด แล้ว ก็ คือ การหมดอายุการใช้งาน / การสิ้นสภาพการใช้งาน ของร่างกาย หรือ ที่เรียกว่า การตาย

มองในแง่ ของสังคม คือ การที่ ผู้คนประสบความสำเร็จ ใน อาชีพ หน้าที่ การงาน มีหน้ามีตา เป็นที่นับถือ เป็นที่ยอมรับ ในสังคมโลก แม้จะจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ยังกล่าวขานถึง

เช่น นักสู้ นักคิด นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ

มองในแง่ คุณธรรม คือ การที่คนเราได้กระทำคุณงามความดี ไว้ในโลก จนเป็นที่ประจักษ์ ยอมรับ อย่างแพร่หลาย เช่น ศาสดาของศาสนาต่างๆ นักบวช ผู้ทรงศีล ฯลฯ

ข้อ 2.ที่สุดของ สิ่งมีชีวิต ทุกชนิด คือ อะไร

คงจะมองได้ในแง่เดียว ทางชีววิทยา คือ การแตกดับ ของรูป (วัตถุหยาบ)กล่าวได้ว่า ทุกสิ่งล้วนแล้วต้องเสื่อมสลาย ไปตามระยะเวลาการใช้งาน ซึ่ง มนุษย์ และสัตว์ วิญญาณไม่ได้แตกดับไปด้วย แตกดับเพียงร่างกายของ ภพ ชาตินี้ เท่านั้น ซึ่งในข้อนี้ ชี้ให้เห็นว่า คน สัตว์ เกิดมา ต่อสู้ ขับเคี่ยว ท้ายที่สุดแล้ว ไม่เหลืออะไร จึงทำให้เกิดคำถาม ใน ข้อ ที่ 3 ตามมาว่า

ข้อ 3.ที่สุดของ ชีวิตวิญญาณ แต่ละดวง คืออะไรกันแน่ จากการได้ศึกษาจากผลงานของพระพุทธเจ้า พบว่า วิญญาณแต่ละดวง ที่ร่างกายหยาบแตกดับ ไปแล้ว จะต้อง จรไปหาภพใหม่ แล้วแต่ พลังของภูมิปัญญา ของแต่ละบุคคล รวมทั้งปัจจัยมูลเหตุต่างๆที่จะเป้นเส้นทางนำไปสู่ภพ ชาติใหม่ เช่น ผู้มีใจเป็นกุศล เคยให้ทาน ปฏิบัติธรรม รักษาศีล ฝึกสมาธิ จิตที่เคยได้ฝึกฝนความฉลาด จากสิ่งเหล่านี้ ก็จะชักนำไปสู่ สุขติยภูมิ

ได้แก่ ภพของ สวรรค์ พรหม และ นิพพาน ถ้า ดวงวิญญาณ ไม่เคยถูกฝึกมา ก็จะโง่ ถูกหลอกจาก ความไม่รู้ (อวิชชา) มุ่งไปในภพที่เต็มไปด้วยทุกข์ หรือ ทุกขติยภูมิ ได้แก่ ภพ ของ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน ส่วนภพ มนุษย์ เป็น ภพกลางๆ เหมาะสำหรับ

เป็นที่ฝึกฝน สติปัญญา ของ วิญญาณ เพื่อให้หลุดพ้นจาก วัฎฏะสงสาร (การเวียน ว่าย ตายเกิด ในโลกมนุษย์) เฉกเช่น เดียวกับ พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ที่ได้กระทำเป็นตัวอย่างไว้

ถ้าจะตอบให้ตรงจุด ตามความในข้อที่ 3 ก็คือ ทุกดวงวิญญาณ ล้วนแล้วแต่ต้องการความสุข ที่เป็นนิรันดร์ พ้นจากสภาพ การเวียนว่าย ตาย เกิด ซึ่งทางพุทธศาสนา เรียก ว่า นิพพาน นั่นเอง

ขอแสดงความคิดเห็นเพียงนี้ ก่อนครับ

ผมมองต่างนะครับ ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้ของมันมานานแล้ว ชีวิตทุกชีวิต มีความเหมือนกันคือ มีเกิด คงอยู่และดับไป ไม่ไช่แค่ชีวิตหรือสิ่งมีชีวิตเท่านั้น สิ่งไม่มีชีวิตก็เหมือนกัน ผมไม่ใส่ใจอะไรกับมันมากนัก หิวก็กิน เหนื่อยก็นอน ถึงเวลาก็ทำงาน ผ่อนคลายในบางครั้งกับจินตนาการ ฟังพูด ดูเหมือนผมขี้เกียจ เปล่า ผมค่อยข้างขยันด้วยซ้ำ แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยไส่ใจกับสิ่งที่ผ่านมาแล้วสักเท่าไร วันนี้ทำงานแล้ว นั่งดูทีวี คุยกับครอบครัว เข้านอน มันก็คล้ายๆกับหลายๆวันของชีวิต

เพียงแต่วันนี้ อยากค้นหาญาติๆที่นามสกุลเดียวกัน พ่อ-แม่ พาไปเกิดที่เชียงราย วันว่างวันนี้ อยากทราบประวัตินามสกุลตัวเอง ท่านเกิดที่หนองขี้ม้า น่าจะทราบรายละเอียด ขอทางอีเมลของผมนะครับ อยากรู้กำพืดตนเอง อาจเจาะเข้าถึง"ที่สุดของชีวิต"

ชีวิต ก็คือสิ่งที่เรากระทำ

ดร.ครับ ผมชื่อปรีดา อัศวภูมิ พ่อผมคนบ้านโคกสมบูรณ์ ผมอยู่บ้านสนามเป้า ตอนนี้ผมทำงานอยู่พัทยา ยินดีที่รู้จักอาจารย์ครับ ปู่ย่าผมชื่อลีกับมี อัศวภูมิ ตายายชื่อ แสวงกับสี เตชะ อยู่บ้านน้ำคำ

ที่สุดของชีวิตน่าจะเป็นการทำความดีนะครับ

ฝึกนิสัยที่ดีๆ

ให้เคยชิน

ติดตัวไป

นำอาหารมาฝากด้วยครับ


ที่สุดของชีวิต....จากคำถามในที่นี้น่าจะถามถึงแค่ชีวิตของมนุษย์ผมจึงขอแสดงความเห็นเอาไว้ตามความเข้าใจว่า...ที่สุดของชีวิตมนุษย์นั้นคือ"ธรรมชาติ3ปัจจัย2"นั่นคือ..การได้เกิด การดำรงชีวิตอยู่และการสูญสลายไปเมื่อหมดอายุขัยและปัจจัย2คือปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกของชีวิต...ที่ผมกล่าวเช่นนั้นเพราะถ้าเมื่อใดที่มีการเกิดนั่นหมายถึงการได้เริ่มต้นเข้าสู่การมีชีวิตแล้วชีวิตนั้นจึงจะค่อยๆพัฒนาตัวเองขึ้นมาโดยอาศัยปัจจัยสำคัญ2ด้านคือ"ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก"ของชีวิตนั้นๆซึ่งผมคงไม่ต้องอธิบายว่าปัจจัยทั้ง2ด้านนั้นมีอะไรบ้างและปัจจัยทั้ง2ด้านนี้เองที่จะมีผลต่อการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์แต่ละคนว่าควรมีวิถีในการดำรงอยู่เช่นใด..บางชีวิตเพรียบพร้อมบางชีวิตขาดแคลนแต่ไม่มีสิ่งหนึ่งในชีวิตมนุษย์นั่นคือ"คำว่าพอดี"ซึ่งการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์ก็อาศัยปัจจัย2ด้านเช่นเดียวกันกับการพัฒนาตัวเองของชีวิตและในระหว่างนั้นแต่ละชีวิตจะพัฒนาตนเองไปในทิศทางหรือเป้าหมายใดก็ย่อมไม่เท่าเทียมกันในทางพฤตินัย นิตินัยและจิตนัยจนสุดท้ายนำไปสู่การสูญสลายไปของชีวิตชีวิตซึ่งก็ต้องอาศัยปัจจัยทั้ง2ด้านนี้เช่นเดียวกันว่าควรจะสูญสิ้นลงเมื่อใด....โดยสรุปจากที่เห็นในแนวคิดของผมนี้หลายท่านอาจจะมองแตกต่างกันบางท่านอาจจะมองว่าการเกิดนั้นคือที่สุดของชีวิตแล้วเพราะเป็นสิ่งแรกที่นำพาหรือทำให้การมีชีวิตเกิดขึ้นจนนำมาสู่กฎของธรรมชาติ2อย่างหลังตามความหมายของคำว่าที่สุดของชีวิตของผมแต่บางท่านอาจจะมองว่าการดำรงอยู่ของชีวิตนั้นอย่างไรล่ะคือที่สุดของชีวิตเพราะเราได้ทำโน่นทำนี่อันเป็นทั้งสิ่งที่มีผลต่อตนเองและผู้อื่นบางคนสำเร็จการศึกษาสูงสุดบางคนไร้การศึกษาบางคนร่ำรวยมหาศาลแต่บางคนยากจนแสนเข็ญบางคนทำงานดีมีหน้ามีตาในสังคมแต่บางคนไม่มีแม้ที่จะยืนในสังคมเหล่านี้อย่างไรล่ะคือที่สุดของชีวิตแต่หลายๆคนอาจจะมองว่า2อย่างที่กล่าวมามันไม่น่าจะใช่การสูญสลายไปของชีวิตนั้นน่าจะเป็นที่สุดของชีวิตเพราะทั้งชีวิตได้ผ่านกระบวนการทั้งสองมาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตดังนั้นสิ่งสุดท้ายนี้จึงน่าจะเป็นที่สุดของชีวิตจริงๆซึ่งก็ไม่แปลกที่แต่ละคนจะเข้าใจหรือนิยามคำว่าที่สุดของชีวิตนั้นคืออะไร.??? สำหรับผมแล้ว "กฎของธรรมชาติ3ประการที่มีปัจจัย2ด้าน"จึงเป็นที่สุดของชีวิตสำหรับผม...วิชิต อัศวภูมิ..(30/10/2015)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท