วันที่ 9 พฤษภาคม 2552
เรียน เพื่อนครูและผู้บริหารที่รักทุกท่าน
วันที่ 3 – 8 พฤษภาคม 2552 สัปดาห์นี้มีวันหยุดระหว่างสัปดาห์หลายวัน อาจารย์จึงงดบรรยาย ให้พวกเราไปจัดทำงานการศึกษาส่วนบุคคล(IS) ให้แล้วเสร็จ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา เหมือนวิทยานิพนธ์ในระดับบัณฑิตศึกษา ผมดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ได้ทีมงานทั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 และ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรี เขต 2 ช่วยกันเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล อาทิตย์นี้เหลือการจัดทำรายงานจึงดำเนินการจนแล้วเสร็จจึงนำผลสรุปมาบอกเล่าสู่กันฟัง
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ( Survey Research ) ที่ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในประเทศไทย : กรณีศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 มีวัตถุประสงค์ในการวิจัย
1. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยและความสำเร็จในการบริหารงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ที่ได้รับการประเมินจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้อยู่ในกลุ่มที่มีอันดับคุณภาพดีเยี่ยม : กรณีศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1
2. เพื่อค้นหาปัจจัยที่ใช้เป็นตัวพยากรณ์ความสำเร็จในการบริหารงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ที่ได้รับการประเมินจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้อยู่ในกลุ่มที่มีอันดับคุณภาพดีเยี่ยม : กรณีศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1
3. เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาการบริหารงานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้มีคุณภาพสูงขึ้น
ประชากรที่ใช้ในการวิจัย จำแนกเป็น 2 กลุ่ม คือ ประชากร ผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 จำนวน 110 คน ผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 จำนวน 140 แห่ง ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 รวมประชากรทั้งหมด 251 คน ประชากรที่จะใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 และผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 โดยการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางสำเร็จขนาดกลุ่มตัวอย่างของเครซี่และมอร์แกน โดยกำหนดความเชื่อมั่น 95 และยอมให้มีความคลาดเคลื่อน ของกลุ่มตัวอย่าง 0.05 ได้กลุ่มตัวอย่าง ผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 จำนวน 86 คน และผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 จำนวน 103 คน รวมกลุ่มตัวอย่าง 189 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการศึกษาครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นเอง จำนวน 1 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิเคราะห์เชิงพรรณนาความ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณและค่าสัมประสิทธิ์การถดถอยพหุคูณ
สรุปผลการวิจัย
ตอนที่ 1 สถานภาพและข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศชาย จำนวน 125 คน คิดเป็นร้อยละ 66.14 เพศหญิงจำนวน 64 คน คิดเป็นร้อยละ 33.86 อายุระหว่าง 25 – 30 ปี จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.06 ระหว่าง 31 – 40 ปี จำนวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 19.05 ระหว่าง 41 – 50 ปี จำนวน 75 คน คิดเป็นร้อยละ 39.68 และอายุ 50 ปีขึ้นไป จำนวน 76 คน คิดเป็นร้อยละ 40.21 วุฒิการศึกษาสูงสุด ต่ำกว่าปริญญาตรี จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 4.76 ปริญญาตรี จำนวน 75 คน คิดเป็นร้อยละ 39.68 สูงกว่าปริญญาตรี จำนวน 105 คน คิดเป็นร้อยละ 55.56 สถานภาพการปฏิบัติงานในปัจจุบัน ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 103 คน คิดเป็นร้อยละ 54.50 ผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 86 คน คิดเป็นร้อยละ 45.50 ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 ระหว่าง 1 – 5 ปี จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 9.52 ระหว่าง 6 – 10 ปี จำนวน 43 คน คิดเป็นร้อยละ 22.75 ระหว่าง 11 – 15 ปี จำนวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 17.99 และ 16 ปีขึ้นไป จำนวน 94 คน คิดเป็นร้อยละ 49.74 ทราบถึงความสำเร็จในการบริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 จากแหล่งใด ไม่เคยทราบ จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.59 ทราบจากการประชุมของหน่วยงาน จำนวน 186 คน คิดเป็นร้อยละ 98.41 และประชาสัมพันธ์ความสำเร็จในการบริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ดำเนินการน้อย จำนวน 73 คน คิดเป็นร้อยละ 38.62 ดำเนินการสม่ำเสมอ 116 คน คิดเป็นร้อยละ 61.38
ตอนที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยและความสำเร็จในการบริหารงานของสำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 ที่ได้รับการประเมินจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้อยู่ในกลุ่มที่มีอันดับคุณภาพดีเยี่ยม
2.1 ปัจจัยที่ส่งต่อผลความสำเร็จในการบริหารงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในประเทศไทย : กรณีศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.22) เมื่อพิจารณารายปัจจัย พบว่า ทุกปัจจัยมีระดับความสำเร็จอยู่ในระดับมากโดยเรียงลำดับได้ดังนี้ ปัจจัยด้านโครงสร้างองค์กร( = 4.27)ปัจจัยด้านค่านิยมร่วม ( = 4.25) ปัจจัยด้านกลยุทธ์ขององค์กร ( = 4.24) ปัจจัยด้านบุคลากร ( = 4.23) ปัจจัยด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถ ( = 4.22) ปัจจัยด้านรูปแบบการบริหารจัดการ ( = 4.21) ปัจจัยด้านระบบการปฏิบัติงาน ( = 4.13)
2.2 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยและความสำเร็จในการบริหารงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 ที่ได้รับการประเมินจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้อยู่ในกลุ่มที่มีอันดับคุณภาพดีเยี่ยม พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของทุกปัจจัยมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับผลความสำเร็จของสำนักงานเขตพื้นที่ชุมพร เขต 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ในระดับสูงมาก กล่าวคือ ปัจจัยที่ 1 ด้านขับเคลื่อนนโยบายและกลยุทธ์ ปัจจัยที่ 2 โครงสร้างขององค์กร มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากัน คือ 0.992 ปัจจัยที่ 3 ด้านระบบการปฏิบัติงาน ปัจจัยที่ 4 ด้านบุคลากรและปัจจัยที่ 6 ด้านรูปแบบการบริหารจัดการ มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากัน คือ 0.991 และปัจจัยที่ 5 ด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถกับปัจจัยที่ 7 ด้านค่านิยมร่วม มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เท่ากัน คือ 0.989
ตอนที่ 3 ปัจจัยที่ใช้เป็นตัวพยากรณ์ความสำเร็จในการบริหารงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต 1 ที่ได้รับการประเมินจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้อยู่ในกลุ่มที่มีอันดับคุณภาพดีเยี่ยม
ปัจจัยที่เป็นตัวแปรอิสระมีผลต่อความสำเร็จของสำนักงานเขตพื้นที่ชุมพร เขต 1 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ คือ 0.992 แสดงว่า มี 2 ตัวแปรซึ่งสามารถใช้พยากรณ์ได้ร้อยละ 98.5 สามารถจัดลำดับการส่งผลต่อความสำเร็จของสำนักงานเขตพื้นที่ชุมพร เขต 1 ที่ได้รับการประเมินจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้อยู่ในกลุ่มที่มีอันดับคุณภาพดีเยี่ยม ตัวแปรแรกที่สามารถใช้พยากรณ์ คือ ปัจจัยด้านกลยุทธ์ขององค์กร (Strategy) ตัวแปรลำดับต่อมา คือ ปัจจัยด้านโครงสร้างขององค์กร (Structure) ซึ่งสามารถเขียนสมการพยากรณ์ ได้คือ
Y = 0.762 + .440 (ปัจจัยด้านกลยุทธ์ขององค์กร) + 0.321(ปัจจัยด้านโครงสร้างขององค์กร)
กำจัด คงหนู
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรี เขต 2
ไม่มีความเห็น